คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
วันนี้ ๒๒ สิงหา ๖๖….
เป็นวัน “กำหนดชะตาประเทศ” ที่ทุกคนรอคอย
-รัฐสภาโหวตเลือกนายกฯคนที่ ๓๐
-ทักษิณกลับประเทศ พร้อมเข้าคุก
โดยบ่ายวาน พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองรวม ๑๑ พรรค ๓๑๔ เสียง แถลงร่วม “จัดตั้งรัฐบาล”
“ชลน่าน” อ่านแถลงการณ์ “เงื่อนไขหลัก” สู่การตกลงจัดตั้งรัฐบาล ๑๑ พรรค
๑.ไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
๒.ไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล และ
๓.เสนอชื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยต่อรัฐสภาเป็น “นายกฯ”
นอกจากนี้ จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีไปแต่ละพรรค ดังนี้
-ภูมิใจไทย (๗๑ เสียง) รัฐมนตรีว่าการ ๔ รมช.๔
-พลังประชารัฐ (๔๐ เสียง) รัฐมนตรีว่าการ ๒ รมช.๒
-รวมไทยสร้างชาติ (๓๖ เสียง) รัฐมนตรีว่าการ ๒ รมช.๒
-ชาติไทยพัฒนา (๑๐ เสียง) รัฐมนตรีว่าการ ๑
-ประชาชาติ (๙ เสียง) รัฐมนตรีว่าการ ๑
-เพื่อไทย (๑๔๑ เสียง) รัฐมนตรีว่าการ ๘ รมช.๘ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ๑ รวม ๙ ตำแหน่ง
-พรรคร่วมอีก ๕ พรรค ได้แก่ ชาติพัฒนากล้า ๒ เสียง/เพื่อไทยรวมพลัง ๒ เสียง
เสรีรวมไทย/ ท้องที่ไทย/ พลังสังคมใหม่ พรรคละ ๑ รวม ๓ เสียง (ไม่มีเก้าอี้รัฐมนตรี)
เอาละ เมื่อต่างพรรค-ต่างนโยบายมารวมกัน แล้วหน้าตา “นโยบายรัฐบาล” จะเป็นยังไง?
ก็มาดูกัน ตามแถลงการณ์
-ทุกพรรคตกลงใช้นโยบายพรรคเพื่อไทยเป็น “นโยบายหลัก” ในการบริหารประเทศ
เช่น digital wallet, ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ ๖๐๐ ภายในปี ๒๕๗๐, เงินเดือนปริญญาตรี ๒๕,๐๐๐
เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาขัดแย้งและสร้างสันติภาพยั่งยืน ๓ จว.ใต้
กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ
และ….
-จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ
-หมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ “ไม่แตะ”
ส่วน “ปัญหาเร่งด่วน” ที่รัฐบาลร่วมจะทำในทันทีที่เข้าไปบริหารประเทศ แถลงการณ์ ระบุว่า
“ปัญหาเศรษฐกิจสำคัญลำดับแรกที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะประชาชนกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ สถานการณ์หนี้สินของครัวเรือน
ภาคธุรกิจขนาดเล็ก-ขนาดกลางได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานาน ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน
ควบคู่กับกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างและกลไกเพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง”
ครับ สาระหลักก็ประมาณนี้
ท่านเห็นอะไรที่คงอยู่และหายไปบ้าง และยอมรับกันได้มั้ย?
เอาละ ทีนี้จะชี้ให้เห็นใน ๒ ประเด็นที่สังคมระแวงใจ เพื่อไทยก็คงเล็งเห็นความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ จึง “เคลียร์” ชัดลงไปเลย คือในประเด็นที่พูดกันมาก ว่า
“ระวังเพื่อไทยหลอกสว.ให้โหวต บอกไม่มีก้าวไกล พอได้ตัวนายกฯ แล้ว ก็ไปเอาก้าวไกลมาร่วม”
ในแถลงการณ์ จึงตัดระแวง โดยระบุไว้แต่ต้นม้วนเลยว่า
“ไม่มีก้าวไกลเข้าร่วม”!
ละเอียดอ่อนที่ ๒ เรื่องยกเลิก/แก้ไข มาตรา ๑๑๒
แถลงการณ์ “ตอกหัวตะปู” ไปเลย “ไม่มีการแก้ไข ม.๑๑๒
และยังไปย้ำในนโยบายรัฐบาลอีกว่า…..
รัฐธรรมนูญที่จะแก้ จะไม่มีการแตะต้องหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์!
จะเชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้ ในความเห็นผม “ต้องเชื่อ” ไว้ก่อน เพราะนี่คือ “สัญญาประชาชาติ”
ไม่ลำพังจากเพื่อไทย ในความเป็นนโยบายรัฐบาล ๑๑ พรรคร่วม ถ้าผิดไปจากนี้ อีก ๑๐ พรรคร่วม ก็ต้องรับผิดชอบด้วย
แล้วเราเห็นอะไร จากที่เพื่อไทยย้ำ “ไม่มีก้าวไกลร่วมรัฐบาล” บ้างมั้ย นอกจากเรื่องกัญชาที่ถูกนำกลับเข้ามา
ควรต้องเห็น คือแบบนี้ “ก้าวไกล” จะเป็นอะไรอีกไม่ได้ นอกจากเป็น “ฝ่ายค้าน”!
แต่ตอนนี้ ก้าวไกลมีหัวหน้าพรรคก็เหมือนไม่มี เพราะนายพิธาถูกแขวนการปฏิบัติหน้าที่
เท่ากับก้าวไกลไม่มีหัว ที่จะเป็น “หัวหน้าฝ่ายค้าน”
แต่ถึงมี ก็เป็นไม่ได้
เพราะมาตรา ๑๐๖ รัฐธรรมนูญบอกว่า ผู้จะได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน จะต้องไม่มีสมาชิกพรรคเป็นรัฐมนตรี เป็นประธาน/รองประธานสภา
ก็ก้าวไกลมีไอ้รองประธานหมูกระทะหัวโด่อยู่ทั้งตัว
แถมประกาศ “ผมไม่ลาออกง่ายๆ หรอกครับ”
แบบนี้…ด้านอยู่ ก็เรื่องของมึง
แต่เงินที่เอาไปเลี้ยงหมูกระทะ นั่นเงินภาษีกูนะ!
สรุป ก้าวไกล “เวรกรรมทำเอง” จะเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ตกใต้ถุน ครั้นจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ก็มีคนหน้าด้านเป็นมารผจญ
เอาละ ๒ ประเด็นหลัก คลี่คลาย “วางใจ” ไปได้เปลาะหนึ่ง
ก็มาถึงเรื่องที่เพื่อไทยประกาศแต่แรก……
เป็นรัฐบาลปุ๊บ ประชุมครม.นัดแรกปั๊บ เรื่องแรกที่จะอนุมัติให้ทำทันที คือ
“ตั้งสสร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ยุบศอ.บต. ยุบกอ.รมน.ให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ อะไรทำนองนั้น
วันนี้ “เพื่อไทย” เล่นไพ่หมอบ คือไม่มีแล้ว
เหลือแค่หลวมๆ กวมๆ กำๆ ครอบจักรวาลว่า “จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”!
และยกเรื่องปัญหาเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาล ๑๑ พรรคจะรีบทำก่อน
เรียกว่า “เพื่อไทย” ไอ้เสือถอย
แต่การถอยจากเรื่องไม่ควร มาเป็นเรื่องควร ไม่ถือเป็นการกลืนเลือด หรือตระบัดสัตย์ ตรงกันข้าม เป็นเรื่องควรส่งเสริม สนับสนุนด้วยซ้ำ
ส่วนจะมีวิบากกรรม ค่อนแคะ กระแนะ-กระแหน ด่าทอ จากพวกคอเดียวกันแต่เดิมบ้าง ก็ไม่จำเป็นต้องไปถือเป็นอารมณ์และตอบโต้
ซักวัน สุดท้ายแล้ว คนที่หลงทาง ถ้าไม่มืดบอดจนฝังกระดูก ก็ต้องกลับทางตรงเอง
แม้แต่พระพุทธองค์ ขณะทรงแสวงหาหนทางหลุดพ้น การ “บำเพ็ญทุกรกิริยา” คือการอดข้าวปลาอาหาร
พระพุทธองค์ก็ทรงทดลองใช้วิธีนั้น
แต่เมื่อทรงทราบว่าไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ก็ทรงเลิก หันมาฉันข้าวปลาอาหาร
เหล่า “ปัญจวัคคีย์” ที่คอยอุปัฏฐาก ด้วยเลื่อมใสในการอดอาหาร เมื่อเห็นพระพุทธองค์กลับมาฉันอาหาร ก็เข้าใจผิดว่า
“พระพุทธองค์คลายความเพียร เวียนกลับมาหาความมักมากเสียแล้ว”
ก็พากันปลีกตัวออกจากพระพุทธองค์ ไปหาทางหลุดพ้นแบบหลงผิด-หลงถูกตามเดิม อยู่ที่อิสิปตนมฤคทายวัน
เห็นมั้ย การเข้าใจผิดในเรื่องที่ถูก, กับการเข้าใจถูกในเรื่องที่ผิด มันเหลื่อมซ้อนกันอยู่ อันผู้มีปัญญาเท่านั้น จะแยกแยะและเข้าใจได้ในที่สุด
แม้กระทั่ง “พระองคุลีมาล” เป็นพระอรหันต์แล้วแท้ๆ เมื่อออกบิณฑบาต ชาวบ้านเห็น ยังหลงว่าปลอมเป็นพระหวังมาฆ่าตัดนิ้วชาวบ้านไปทำพวงมาลัยคล้องคอ
ก็ขว้างปา ไล่ทุบตี อาหารบิณฑบาตก็ไม่ได้ ซ้ำเลือดโชก จีวรฉีกขาด กว่าชาวบ้านจะคลายความเข้าใจผิดในเรื่องที่ถูก พระองคุลีมาลก็แทบย่ำแย่
แต่ท่านไม่ตอบโต้ด้วยวาจาใดๆ ปล่อยให้ธรรมผ่านทางปฏิบัติเป็นคำตอบชัดกับชาวบ้าน จนเข้าใจไปในที่สุด
เพื่อไทยก็เหมือนกัน….
ถ้าซึ้งถึงคำว่า “ข้างหน้าคือหุบเหว กลับหลังหันคือฟากฝั่ง” ทำการเมืองสร้างสรรค์ด้วยสมานฉันท์-สามัคคีให้ปรากฏจริงละก็
ไม่ต้องไปแคร์ ไม่ต้องไปสนใจ กับคำครหา-แช่งด่าตอบ ควรต้องเข้าใจและสงสารพวกเหล่านั้นว่า “ตาลืม-แต่ใจหลับ” ค่อยๆ ช่วยพวกเขาให้ใจตื่น นั่นละทางไถ่บาป!
แล้ววันนี้ โหวตเศรษฐาจะได้สว.ผสมจนถึง ๓๗๕ เสียง ขึ้นเป็นนายกฯ มั้ย?
“ภาพรวม” ๑๑ พรรคละก็ได้ แต่ภาพ “เฉพาะตัว” เศรษฐา ก็น่าหนักใจนะ ผมยังให้น้ำหนักยากผ่าน ๖๐/๔๐!
แล้วทักษิณกลับเช้านี้ บ่งชี้ทิศทางอะไรบ้าง?
ถ้าผมเป็นเพื่อไทยนะ จะไม่ขนคนเสื้อแดงมาเสริมบารมีทักษิณให้มากจนน่าเกลียด
เพราะขืนมากันเรือนพัน-เรือนหมื่น ท่ามกลาง “แรงแค้น” ของพรรคที่เคยรักกัน
ต้องระวังการสวมรอย “สร้างสถานการณ์” นำสู่การปะทะที่คาดไม่ถึง
แล้วทักษิณนั่นแหละ
จะถูกทำให้เป็นตัว “น้ำผึ้งหยดเดียว”!
เปลว สีเงิน
๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖
