ผักกาดหอม
ตามคาด!
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นได้แค่นายกฯ ทิพย์
ไปดูมติที่ประชุมรัฐสภาวานนี้ (๑๓ กรกฎาคม) กันก่อน
เห็นชอบ ๓๒๔ เสียง
ไม่เห็นชอบ ๑๘๒ เสียง
งดออกเสียง ๑๙๙ เสียง
ไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ ๓๗๕ เสียง
สาเหตุ “พิธา” ไปไม่ถึงดวงดาว ก็ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะยืนกรานไม่ลดเพดานแก้ ม.๑๒๒ ซึ่งเป็นข้อกังวลของสมาชิกวุฒิสภา
จึงไม่แปลกอะไร มี ส.ว.เพียง ๑๓ คนที่โหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ
จากนี้ต้องมองไปข้างหน้า คือวันที่ ๑๙ และ ๒๐ กรกฎาคม ชื่อของ “พิธา” จะได้รับการเสนอให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ อีกหรือไม่
แต่น่าจะยาก เพราะไม่มีเหตุอะไรให้ต้องเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำอีกครั้ง
ฉะนั้นจะถึงเวลาของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล แต่จะยังมีก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่หรือไม่ ก็อยู่ที่ ส.ว.ยังติดใจประเด็นการแก้ไข ม.๑๑๒ อยู่หรือเปล่า
ถ้ายังติดใจ การตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะพบอุปสรรคเช่นกัน
หากวันที่ ๑๙ กรกฎาคม มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และถูกปฏิเสธจาก ส.ว.อีกครั้ง ก็หมายความว่า ๒๐ กรกฎาคม ก้าวไกลถูกถีบเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว
ทั้งหมดนี้โทษใครไม่ได้ ก้าวไกลพลาดเอง จากนโยบายแก้ ม.๑๑๒
ที่จริงยังพูดกันไม่หมดด้วยซ้ำ ก้าวไกลยังมีนโยบายปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปศาลยุติธรรม เป็นชุดนโยบายที่ประกาศมาอย่างยาวนาน การตัดสินใจคว่ำ “พิธา” ของ ส.ว.จึงไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะคิดกันเมื่อวันสองวันก่อน
แต่ได้ข้อสรุปก่อนจะมีพรรคก้าวไกลด้วยซ้ำ
พรรคอนาคตใหม่คือจุดเริ่มต้นของการเมืองที่สร้างความขัดแย้ง ด้วยการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นประเด็นทางการเมือง
สร้างชุดความเชื่อเอาไว้มากมาย คนรุ่นใหม่เสพติดกันงอมแงม
การอภิปรายวานนี้ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล อ้างว่าเหตุที่ต้องแก้ ม.๑๑๒ เพราะมีการใช้ ม.๑๑๒ ดำเนินคดีผู้เห็นต่างมากเป็นประวัติการณ์
นั่นเป็นการพูดมุมเดียว
การฟ้องร้อง ม.๑๑๒ เกิดถี่ยิบในยุคที่พรรคอนาคตใหม่กำเนิดขึ้นมา และส่งไม้ต่อให้พรรคก้าวไกล
แทบทุกคดีที่มีการฟ้องร้องจะมีนักการเมืองจากพรรคก้าวไกลตามไปประกันตัว
พรรคก้าวไกลมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับบุคคลที่ถูกฟ้องคดี ม.๑๑๒
ดูจาก ส.ส.พรรคก้าวไกลชุดปัจจุบัน หลายคนเป็นผู้ต้องหา หลายคนถูกฟ้องคดี ม.๑๑๒ ยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่
ฉะนั้นความวิตกกังวลเรื่องที่พรรคก้าวไกลแก้ ม.๑๑๒ จึงไม่ใช่ความวิตกเรื่องการแก้ไขกฎหมายแค่มาตราเดียว
แต่สิ่งที่ก้าวไกลคิดและทำ มันกระทบไปถึงความมั่นคงของรัฐ สถาบันหลักของชาติ
แล้วจะเดินกันอย่างไรต่อไป?
หาก “พิธา” ประกาศ ถอย!
ไม่แก้ ม.๑๑๒ แล้ว ยังทันหรือไม่?
ยากครับ เพราะโอกาสของ “พิธา” จบไปแล้ว
หลังจากนี้จะมีแต่ปมที่รัดตัว “พิธา” แน่นขึ้นกว่าเดิม
การประชุมรัฐสภาวันที่ ๑๙-๒๐ กรกฎาคม ยังไม่มีการนัดอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นอาจมีหรือเลื่อนไปอีกสัปดาห์ ก็เป็นไปได้
ต้องจับตาวันพุธหน้าว่า การประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำสั่งอะไรที่เกี่ยวกับ “พิธา” ออกมาหรือไม่
ถ้ามี การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็จะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะคดี “พิธา-ก้าวไกล” ปราศรัยหาเสียงว่าจะแก้ ม.๑๑๒
หากคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “พิธา” หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ก็เป็นอันปิดฉากการเป็นนายกรัฐมนตรีของ “พิธา” อย่างเป็นทางการ
ยากที่ ๗ พรรคที่เหลือจะยอมเสนอชื่อ “พิธา” เป็นนายกฯ อีกรอบ
ถึงเสนอไป จะเกิดการถกเถียงในที่ประชุมรัฐสภาว่าเสนอซ้ำอีกครั้งได้หรือไม่ สุดท้ายหากต้องใช้มติเสียงส่วนใหญ่ตัดสิน “พิธา” ก็ร่วงอีกครั้ง
การตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ น้ำหนักจึงไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทย
การโหวตนายกฯ วานนี้จึงเป็นข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยต้องนำไปวิเคราะห์ว่า ตั้งรัฐบาลอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
ผลโหวตเลือกนายกฯ ดูกันให้ดีๆ นะครับ
ส.ว.ไม่ได้โหวตเพื่อไม่เอา “พิธา”
แต่โหวตไม่เอาพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแก้ ม.๑๑๒ ปฏิรูปสถาบัน
ไม่เอาพรรคการเมืองมีมวลชนเป็นกลุ่มล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
ฉะนั้นรอบหน้าหากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีก้าวไกลรวมอยู่ด้วย ก็เป็นเรื่องยากที่แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยจะผ่านด่าน ส.ว.
ก็อยู่ที่เพื่อไทยว่าจะรีบจบ หรือจะค่อยๆ ทิ้งก้าวไกลแบบเนียนๆ เพื่อไม่ให้ทัวร์ลง
ถ้ารีบจบโหวตรอบหน้าสลายขั้วการเมือง ดีดก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ใน ๑-๒ สัปดาห์หลังจากนี้จะได้รัฐบาลใหม่แน่นอน
เป็นเรื่องที่รู้ล่วงหน้ามาตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้งแล้วว่า “พิธา” ไม่มีทางได้เป็นนายกฯ
พรรคเพื่อไทยที่บอกว่าจะสนับสนุน “พิธา” จนสุดทางนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องจริง ในการอภิปรายวานนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เพื่อไทยรอจังหวะของตัวเอง
สัดส่วนการอภิปราย ส.ว. ๒ ชั่วโมง ส.ส. ๔ ชั่วโมง แต่ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลมีมติให้แต่ละพรรคอภิปรายได้เพียงคนเดียว มันไม่ต่างปล่อยให้ก้าวไกลถูกรุมขย้ำโดยที่ประชุมรัฐสภา
เพื่อไทยส่ง “อดิศร เพียงเกษ” คนที่ปะทะกับก้าวไกลเรื่องประธานสภาฯ อภิปรายเพียงคนเดียว
และ เพื่อไทย น่าจะถึงบางอ้อว่าถูก ก้าวไกล ปกปิดข้อมูลจำนวน ส.ว.ที่ให้การสนับสนุนมานาน
ความมันแตกเพราะ “พิธา” โหวตให้ตัวเอง
แสดงว่า “พิธา” รู้ตั้งแต่ต้นว่าเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.นั้นไม่พอ ยังขาดอีกเยอะ
การโหวตชื่อตัวเองอาจทำให้คะแนนที่ต้องลุ้นแคบลง
ครับ…ตอนเลือกตั้ง ส้มกินแดง
ตอนตั้งรัฐบาลต้องรอดู แดงจะถีบส้มวันไหน
