เมื่อ “กาลี” ไปถึง “กีฬา” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

นี่แหละที่เขาเรียก “บาปบริสุทธิ์”
ในความ “แล้งอก” ของคนไทย
หันหน้าไปทางเข่งไหน มีแต่คนจัญไร “ล่มบ้าน-ผลาญเมือง” ในการเมือง
ก็มีแต่ทีมวอลเลย์บอลหญิงกับทีมแบดมินตันนี่แหละ
ที่ “เป็นหน้า-เป็นตา” ประเทศไทย-คนไทย

เป็นเครื่องปลอบประโลมใจให้คนทั้งชาติได้ชุ่มชื่นและพอยิ้มออก ยามนี้
แล้วตัว “อัปมงคล” ก็ลากหางเข้าไปทำลายสิ้น!

ทำลายทั้งความเป็น “ลูกสาวของชาติ”
ทำลายทั้งหัวใจคนรักชาติให้แตกสลาย เพราะผู้อันเป็นที่รักในหัวใจ ถูกพวกจัญไร อาศัยความ “ใส-บริสุทธิ์” ของพวกเธอ เป็นใบตองรองรับคนการเมืองปฎิกูล

ด้วย “บาป” ของนักการเมือง….
ที่อาศัย “ความบริสุทธิ์” ของเหล่าเธอเป็นฐานรองเท้าเขานั้น

ผลร้ายตอนนี้ พลันตกที่พวกเธอ “ทีมวอลเลย์บอล” ไม่ทันข้ามคืน
เพราะน้องนุ่ง-พี่ป้าน้าอา-คุณลุง-คุณตา-คุณยาย “ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง” ที่ตามฟูมฟัก-รักเชียร์ มาตลอด
“อกหัก” ดังเป๊อะ!

จาก “อันเป็นที่รัก” กลายเป็น “อันที่ขื่นขม”
เมื่อเห็นพวกเธอรายล้อม เริงรื่น-ชื่นชม กับคน “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”

ตลอดทั้งวันวาน “โซเชียลแตก” ด้วยเรื่องนี้
ผมเปิดดู เห็นพรึ่ดไปหมด

คิดแรก โกรธ ไอ้นักการเมืองคนนี้ ร้อยวัน-พันปี ไม่เคยเห็นมันไปดูวอลเลย์บอลหรือพูดถึงวอลเลย์บอลเลย

พอสาวๆ เป็นกระแสฮิต คนดูตรึม กระหึ่มโลก
แถมถ่ายทอดสดไปทั้งในและนอกประเทศ เท่านั้นแหละ

มีหรือที่กเฬวรากการเมือง ประเภท “รุ่นใหม่-หิวแสง” จะพลาด
จึงเสือกกะโหลกไปดูทันที เข้าไปนั่งชิดติดขอบสนาม

เพื่ออะไรน่ะหรือ?
มันจะมีอะไรมาก นอกจาก โหนนักวอลเลย์บอลสาวและอาศัย “คนล้นสนาม” เป็นวอลเปเปอร์

ปลุกกระแส ข้านี่แหละ “ว่าที่นายกฯ” ไข่ตายโคม!

คิดที่สอง สงสารลูกๆ หลานๆ นักวอลเลย์บอล พวกเธอเดียงสาและใสบริสุทธิ์ ไม่ทันเล่ห์ร้ายของลูกผู้ชายเตะเมียหรอก

และอีกอย่าง ด้วยมรรยาทนักกีฬาหรือคนสาธารณะ ใครมาขอถ่ายรูป จะชอบหรือชัง ก็ต้องเก็บความรู้สึกลึกๆ ไว้
แล้วแอคชั่นหน้าจอไปกับเขา

ฉะนั้น อย่าเหมาว่าสาวๆ ทีมวอลเลย์บอลชื่นชมพวกคิดคดกบฎชาติ แล้วพากันโกรธขึ้งพวกเธอเลย

นั่นจะทำให้พวกเธอหมดกำลังใจและท้อแท้ผิดหวังไปทั้งหมดเปล่าๆ

เห็นบางคน ใช้ความฉาบฉวยไปเอาภาพ “ภาษากาย” ตอนแข่งขันของนักกีฬาไม่รู้สมัยไหน มาทึกทักว่า “ชู ๓ นิ้ว” ด้วยแล้ว

ผมก็ได้แต่…เฮ้อ!
มันจะอะไรกันนักหนา อย่าให้ความรักชาติมันเป็น “กระบังตา” เห็นฟางก็ว่าหญ้าเขียว คว้ามาเคี้ยวเอื้อง ทั้งที่เป็นฟางแห้งเลย

ไอ้นักการเมืองก็ว่าเล่ห์การเมือง แต่ถ้าไม่มีคนโตในสนามแอบจิตสมคบช่วยจัดฉากให้
“เหตุจัญไร” ที่ทำลายนักกีฬาเช่นนี้ก็จะไม่เกิด

ก็อยากจะบอกว่า….
“กีฬา” ส่วน “กีฬา” สมบัติกลางในความเป็นมนุษยชาติ

อย่าเอาความ “กาลี” นักการเมืองอสัตย์ชาติเป็น “ราคี” เข้าไปเปื้อน “กีฬา” เลย

ขอให้จำกันไว้ และขอให้ลูกๆ หลานๆ นักกีฬาวอลเลย์บอลทุกคน อย่าเสียกำลังใจ
เพราะคนเขารักแรงหรอก ถึงร้อนเร็ว แต่สักพัก แฟนๆ คงเข้าใจ กลับรักใหม่และรักแรงเหมือนเดิม

ฉะนั้น อีก ๒ นัดที่เหลือส่งท้าย
ตบให้มัน “เลิศสะแมนแตน” สมกับเป็น “ลูกสาวของชาติ” ไปเลยนะ!

ไหนๆ วันนี้ก็พูดเรื่องกีฬาแล้ว ก็เอาเรื่องกีฬาให้มันครบเซตไปซะทีเดียว

“ลุงป้อม” ครับ…ลุงป้อม!
๘ ปี “พลเอกประยุทธ์” ทำผลงานให้ประเทศเหมือน ๘๐ ปี โดยที่ “คณะราษฎร” ตั้งแต่เข้ายึดอำนาจพระมหากษัตริย์ เมื่อปี ๒๔๗๕ เรื่อยมา

ไม่เคยสร้างอะไรในทางพัฒนาไว้ให้ประเทศเลย
นอกจากแย่งชิงอำนาจและยึดเอาราชทรัพย์ไปแบ่งกัน

ส่วน “พลเอกประวิตร” หรือลุงป้อม
๘ ปี ในฐานะพี่ใหญ่ที่ช่วยประคับประคองน้องเล็กให้ทำงาน ลุงป้อมพูดแค่ ๓ คำ กับ ๒ วลี

-“ผม ไม่ รู้”
-“ไม่รู้…แต่ไม่แล้ง” กับ
-ใจบันดาลแรง”

และนี่ ปีที่ ๙ เป็นการส่งท้าย “รัฐบาล ๓ ป.” (ส่งท้าย-ไม่ใช่สุดท้าย) ที่พลเอกประวิตร พูดยาวที่สุด รู้ที่สุด แสดงตัวตนขุนพลผู้ “เฉียบขาด” ที่สุด

และผมมั่นใจ ว่าประทับใจประชาชนที่สุด โดยเฉพาะผู้มีกีฬาฟุตบอลในสายเลือด

โดย “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย
กล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๖
………………………

“ผมเคยพูดว่าซีเกมส์ครั้งนี้ ถ้าฟุตบอลชายไม่ได้เหรียญทอง ก็ให้นายกสมาคมฟุตบอลฯ (พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) ลาออก

เลยอยากจะถามกลับไปว่า “แล้วจะลาออกไหม?”
ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องปัญหาการเงินเลย เราทำผิดพลาดเอง เราต้องมีสปิริต

ครั้งนี้ เสียชื่อประเทศชาติมาก เรื่องการควบคุมอารมณ์ไม่ได้เพิ่งเกิด มีมาตลอด มันใช้ไม่ได้”

ผมไม่อยากให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียงเพราะสมาคมกีฬาเพียงสมาคมเดียว
สมาคมอื่นๆ ก็เสียไปด้วย เพราะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ฉะนั้น “นายกสมาคมฟุตบอล” ต้องลาออกครับ
“โค้ชด้วย”

ลงไปต่อยกับเขาได้ยังไง เสียหายหมด เพราะทีวีถ่ายทอดสดไปทั่วโลก เขาเห็นกันหมด
มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก คนไทย ๗๐ ล้านคน อายชาติอื่นมาก

“โอลิมปิกไทย” รับไม่ได้กับเรื่องนี้

ไม่ต้องการให้สมาคมเดียวมาทำให้สมาคมอื่นๆ เสียชื่อ สมาคมที่เขาตั้งใจมีเยอะ ……..
เพราะฉะนั้น “นายกสมาคมต้องลาออก”
…………………………….

นี่แหละ
แบบนี้แหละที่เรียก “ภาวะผู้นำ” ถึงคราวเด็ด ต้องเด็ดให้ขาด ถึงคราวพูด ต้องพูดให้ตรง-ให้ชัด ไม่อ้อมค้อม ไม่ต้องตีความ

-เราทำผิดพลาดเอง เราต้องมีสปิริต
-เสียชื่อประเทศชาติมาก
-มันใช้ไม่ได้”

-ผมไม่อยากให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียงเพราะสมาคมกีฬาเพียงสมาคมเดียว
-มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก คนไทย ๗๐ ล้านคน อายชาติอื่นมาก
-เพราะฉะนั้น “นายกสมาคมต้องลาออก”

แล้ว “นายกสมาคมฟุตบอล” มีคำตอบอย่างไร กับที่พลเอกประวิตรให้ลาออก?

ผมอ่านข่าวที่ไทยรัฐนำคำให้สัมภาษณ์พล.ต.อ.สมยศลงเว็ป พล.ต.อ.สมยศ ตอบดังนี้

“เราไม่รู้ว่าความกดดันของนักกีฬานั้นมากมายขนาดไหน แน่นอนว่า เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น เพราะเหตุการณ์นั้น ดังไปทั่วโลก

แต่เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ทางสมาคมได้ดำเนินการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เราไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด

ผมย้ำอีกครั้ง ผมยังเคารพท่านประวิตรเหมือนเดิม และเชื่อว่าท่านเป็นนักกีฬาที่มีน้ำใจนักกีฬา

จะหวั่นก็เพียงอย่างเดียวนั่นคือ พวกไดโนเสาร์ตกยุคที่อยู่รอบๆตัวท่านจะคอยยุแยงมากกว่า”
………………………

ก็ให้บิ๊กต่อบิ๊กเขาว่ากันไป ผมระดับสมอล ขอชิดซ้าย ที่อยากให้สังเกต-สนใจ ก็ตรงว่า

๘ ปี ที่ “ผมไม่รู้”
นับจากนี้ “ลุงป้อม” เริ่มรู้ และจะรู้….ยาววววไป!

-เปลว สีเงิน

๑ กรกฏาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“เหลือทน” กับพวก “ไม่ทน”-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ฮื่อ…. “หมอไม่ทน” ยื่นหนังสือให้รัฐบาลนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา หมอหมาดๆ จากนักศึกษาแพทย์ศิริราช เป็นตัวชัก “ทศพร เสรีรักษ์” หมอเพื่อไทยประจำม็อบสามนิ้ว เป็นตัวเชิด...
Read More
0 replies on “เมื่อ “กาลี” ไปถึง “กีฬา” – เปลว สีเงิน”