เปลว สีเงิน
คุยกันทุกวัน
ผมก็เอา “สิ่งที่จะเป็น” ในอนาคตมา “บอกล่วงหน้า” ในปัจจุบัน
ว่าพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ซ้ำแล้ว-ซ้ำอีก!
เพื่อไม่ให้เอียน เติม “น้ำจิ้ม” เพิ่มรสอีกซักนิดเป็นไร
ตัว “พรรคก้าวไกล” นั่นก็เตรียมตัวไว้เหอะ
นอกจากพิธา “ถูกแน่”
อาญา ตามพรบ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา ๑๕๑ “รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งก็ยังไปลงสมัคร” โทษคุกและตัดสิทธิถึง ๒๐ ปี
ตามมาด้วย “เป็นบุคคลต้องห้าม” มิให้ใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะถือหุ้นสื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๘(๓)แล้ว
ประเด็น “หาเสียงแก้หรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒” ซึ่งโทษถึง “ยุบพรรค” นั้น
แม้กกต.ไม่รับคำร้องแต่แรก……..
แต่เมื่อมีคนไปยื่นร้องต่ออัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญ
และ “ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งให้อสส.ชี้แจง “รับ” หรือ “ไม่รับ” คำร้องนั้น ภายใน ๑๕ วัน มันส่งแรงสะเทือนไปถึงกกต.
เมื่อวาน (๒๙ มิย.๖๖) “คุณแสวง บุญมี” เลขาฯ กกต.จึงออกมาพูดเป็นนัยน่าคิด
“แม้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นไม่รับคำร้องกรณีดังกล่าวไปแล้ว
แต่ขณะนี้นายทะเบียนฯ ให้สำนักงานฯ ไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่า การกระทำตามคำร้องนั้น ๆ เป็นความผิดฐานไหนอีก
หรือไม่ตามกฎหมายพรรค ยังบอกไม่ได้ว่า จะเป็นฐานความผิดใดได้อีก ขอตรวจสอบก่อน”
ปกติ กกต. “ขี้ปอด”
เมื่่อส่งสัญญานแบบนี้ เรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญแหง!
สำหรับเรื่อง “ประธานสภา”
ก้าวไกลกับเพื่อไทยตกลงพรรคไหนจะเย่อได้ไปนั้น ผมว่าไม่มีราคา “มองข้ามชอต” ไปได้เลย
โน่น…ที่ควรมอง คือ
๑.เมื่อ “เพื่อไทย” เป็นแกนจัดตั้งแทนก้าวไกล จะเสนอใครให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ
อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา หรือว่า…..มิสเตอร์ X ?
๒.ก้าวไกลจาก “พรรคหลัก” จะยอมเป็น “พรรครอง” เพียงขอได้ร่วมเป็นรัฐบาลด้วยหรือไม่?
๓.ถ้าก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วเพื่อไทยกับพรรคไหนจะจับขั้วตั้งรัฐบาล และ
๔.ข้อนี้ คือ จุดไคลแมกซ์ของเรื่อง
ลงท้าย “โม่งแดง” คือใคร ในตำแหน่ง “นายกฯคนที่ ๓๐”?
ผมว่า ๓-๔ ข้อนี่แหละ ที่เราควรเลิกย่ำอยู่กับที่ แล้วจับตาดูทิศทางใหม่ที่กำลังจะเดินไปทางนั้น
เพราะ “พิธา-ก้าวไกล” ตอนนี้ ตกอยู่ในสภาพ “แสนเสียดายนันทาที่น่ารัก ชะล่านัก เลี่ยงออกนอกถนน….”
เลยถูกรถอีแต๋น ทับแป๊ดดด ขี้แตก ตายเลย!
ประเทศไทยปัจจุบัน ไม่ใช่แค่จุด “ขี้แมลงวัน” อยู่ในแผนที่โลก เหมือน ๕๐-๖๐ ปีก่อนแล้ว
ไทยวันนี้ ในช่วง ๘ ปี รัฐบาลประยุทธ์ ที่การเมืองโลกซีกนิยม “ยุโรป-สหรัฐฯ” ตีตราเป็น”รัฐบาลเผด็จการทหาร”
รัฐบาลประยุทธ์……..
ได้เสริมสร้างพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ, สังคม, วิทยาการนวัตกรรม, และการเมืองโลก ไปชนิด “ก้าวกระโดด”!
ไทยติดอันดับโลกแทบทุกด้าน
โดยเฉพาะความเสถียรทางมาตรฐานประเทศ ว่าด้วยการเงิน-การคลัง จนไทยที่ติดหล่ม “ประเทศกำลังพัฒนา” จนดักดานกว่า ๒๐-๓๐ ปี
เริ่มผงกหัวขึ้น สู่ทิศทางประเทศที่ “พัฒนาแล้ว” ภายใน ๒๐ ปีข้างหน้า!
วันนี้…ด้วย “มิตรแท้และผูกพัน” ระหว่างพี่น้อง “ไทย-จีน”
เรามี “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” ด้วยเตาปฎิกรณ์ฟิวชั่น ด้วยอุณหภูมิสูงกว่าพระอาทิตย์จริงถึง ๕ เท่า
และในภายใน ๑๐ ปี
ด้วยวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ไทย จากจีนถ่ายทอดวิทยาการให้ จะสามารถสร้าง “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” หรือเครื่อง “โทคาแมก” ได้เอง เป็นเครื่องแรกของไทย
“โทคาแมกไทย”
คือ “แหล่งพลังงานสะอาดแห่งอนาคตใช้ทางอุตสาหกรรมการผลิตได้เหมือนพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน ที่เกิดบนดวงอาทิตย์
ซึ่งสะอาด ปลอดภัย ไร้พิษ เป็นมิตรโลกและสิ่งแวดล้อม”
นอกจากนี้แล้ว……….
ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีน ไทยเราจะเป็นอีก ๑ ในอีกไม่กี่ประเทศในโลก ที่สามารถสร้างทาง “รถไฟความเร็วสูง” ได้ระดับมาตรฐาน!
แค่ ๒ อย่าง จากรัฐบาลที่ถูกหยามเหยียด “ยัดเยียด” เรียกกันว่า “เผด็จการ” วางรากฐานเป็นทางอนาคตไว้ให้ประเทศ
นั่นก็เกินค่ากว่าพวก “รัฐบาลประชาธิปไตย” ทำแล้ว
ซึ่ง ๒๐-๓๐ ปี ไม่มีอะไรที่ทำบ่งบอกเลยว่า
“รัฐบาลประชาธิปไตย” จะพาประเทศพ้นคำว่า “กำลังพัฒนา” ไปได้เลย
ซึ่งความจริง มันก็คือ “ด้อยพัฒนา” ดักดานนั่นแหละ!
แต่เขาใช้คำว่า “กำลังพัฒนา” เพื่อไม่เป็นการเยี่ยวรดหัวใจกันมากเกินไปเท่านั้น
ยิ่งในรอบ ๒๐ ปี ของรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่พัฒนาก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่มันหาแดกกัน “ทั้งโคตร-โกงทั้งโคตร” แล้วโยนหนี้ให้รัฐบาลเผด็จการ “เช็ดขี้” ร่วมล้านล้านบาท นี่ซี
แต่มันน่าเจ็บใจ……
ที่ “คนไทย” กลับชื่นชม แต่ก็เข้าใจได้ เพราะในโลกนี้ มีแมลงวันที่ชอบของเหม็น มากกว่าผึ้งที่คลึงเคล้าเฉพาะของหอม!
แถมอีกเรื่อง ที่พวกยกตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไม่ทำ แต่ฝ่ายเผด็จการเขาทำ
คือโครงการ “วังจันทร์วัลเลย์เพื่อ EECi” ของกลุ่ม ปตท.ในเนื้อที่กว่า ๓,๐๐๐ ไร่ ที่ระยอง
จะเรียกว่า ที่นี่…
เป็นสารตั้งต้นของการ “วิจัย พัฒนา และนวัตกรรม” ทุกภาคส่วนของประเทศ รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ก็ไม่ผิด
นี่แหละ แค่ ๒-๓ ผลงาน “รัฐบาลเผด็จการ” จะเป็นตัวฉุดไทยให้ผงาดเป็นประเทศ “พัฒนาแล้ว” ด้วยโนว์ฮาว ด้วยงานวิจัย-พัฒนาของชาติตัวเอง ในอนาคต
ด้วยรัฐบาลที่เรียก “เผด็จการ” นี่แหละ
ทำให้ไทยจากจุด “ขี้แมลงวัน” กลายเป็น “ไฝเม็ดโต” สะดุดตานักลงทุนบนแผนที่โลก
จนขณะนี้ “ไทย” กลายเป็นหัวขบวนอาเซียนในด้านการพัฒนาไปแล้ว
และไทยจะเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ “ขาดไม่ได้” ในวงสรรสร้างสู่สังคมโลกศตวรรษที่ ๒๑!
อยากให้อ่านนี่ แล้วท่านใช้จิตวิเคราะห์ดูนะว่า
ทำไมชาติอ้างประชาธิปไตย จึงจับจ้องการจัดตั้งรัฐบาลของไทยทุกอิริยาบถ และใช้คำเรียกรัฐบาลพลเอกประยุทธ์แบบนั้น?
ต่อจากนี้ คือท่าทีสื่อต่างประเทศ ประจำวันที่ ๒๙ มิย.ที่ให้ความสำคัญเป็นข่าวสารออกไป
-Daily Mail/Reuters/The Independent/BBC (สหราชอาณาจักร) /CNN/AP/ABC News/Benar News (สหรัฐฯ) ศาลอาญายกฟ้องจำเลย ๕ คน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ต่อต้านรัฐบาล ข้อหาขัดขวางขบวนเสด็จ ประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ท่ามกลางเหตุการณ์การประท้วงทางการเมืองเมื่อ ๑๔ ต.ค.๖๓
-Washington Post (สหรัฐฯ)
ในการเลือกตั้งของไทยเมื่อเดือน พ.ค.ประชาชนส่วนมากได้แสดงความประสงค์ที่จะขจัดการปกครองโดยกองทัพและรื้อฟื้นระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี กองทัพและกลุ่มอำนาจเดิมผู้จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ยังคงมีความพยายามสูง ที่จะครองอำนาจต่อไป
-The Straits Times (สิงคโปร์)
การประชุมร่วมระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยเรื่องตำแหน่งประธานสภาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
หลังจากเพื่อไทยยืนยันจะครองตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ คาด จะมีการคัดเลือกประธานสภาในวันที่ ๔ ก.ค.๖๖ หลังจากพิธีเปิดรัฐสภา
-The Strategist (ออสเตรเลีย) วิเคราะห์ว่า
ผลการเลือกตั้งของไทยมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ กระตุ้นการเคลื่อนไหวเพื่อระบอบประชาธิปไตยภายในภูมิภาค และมาพร้อมนโยบายใหม่ต่อเมียนมาและประเทศตะวันตก
-La Prensa Latina (สหรัฐฯ)
ผู้ให้บริการทางเพศในประเทศไทย กำลังผลักดันให้มีการคุ้มครองทางกฎหมาย โดยอุตสาหกรรมการบริการทางเพศในประเทศไทย สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี
และมีจำนวนผู้ให้บริการทางเพศหลายแสนคน
-Nikkei Asia (ญี่ปุ่น)
ไทยกำลังเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันในอุตสาหกรรมสุรา สืบเนื่องจากนโยบายสุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล ซึ่งมุ่งทลายการผูกขาดธุรกิจสุราใน ๑๐๐ วันแรกของรัฐบาลชุดใหม่
ครับ……
เป็นไง จับทัศนคติและทีท่าจากสื่อหลักของประเทศค่ายผูกขาดประชาธิปไตยได้อย่างไรกันบ้าง เล่าสู่กันฟังบ้างซิ?
อย่างสื่อสหรัฐเงี้ย ใช้คำว่า….
“ขจัดการปกครองโดยกองทัพและรื้อฟื้นระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี กองทัพและกลุ่มอำนาจเดิมผู้จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ยังคงมีความพยายามสูง ที่จะครองอำนาจต่อไป”
ออสเตรเลียเงี้ย……
“กระตุ้นการเคลื่อนไหวเพื่อระบอบประชาธิปไตยภายในภูมิภาค และมาพร้อมนโยบายใหม่ต่อเมียนมาและประเทศตะวันตก”
“รู้เขา-รู้เรา” ก็ทำให้เรา “รู้มิตร-รู้ศัตรู” มากขึ้น โดยเฉพาะทำให้รู้ว่า…
ชาติไหน “ชักใย” พรรคล่มชาติ?
เปลว สีเงิน
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๖