อย.ร่วมกับ ตำรวจ “ทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมไซบูทรามีนข้ามชาติ มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท”

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์, พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ, นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ รักษาการผู้อำนวยการกองกฎหมาย, องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ(ตำรวจสากล) และสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา(HSI), หน่วยงานสืบสวนอาชญากรรมข้ามชาติ(TCIU), สำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลกรุงเทพ(Interpol NCB Bangkok) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมเครือข่ายลักลอบจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ ข้ามชาติ ตรวจค้น 6 จุด จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ตรวจยึดของกลางเป็นยาลดน้ำหนัก, ยาอื่นที่เป็นความผิดตาม พรบ.ยา พ.ศ. 2510 กว่า 270 รายการ มูลค่า กว่า 6,000,000 บาท

พฤติการณ์ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้รับประสานจาก ผู้แทนทางการมาเลเซียและองค์การตำรวจสากล ผ่านกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณี Ms.Gaukhar Kussainova สัญชาติคาซัคสถาน ซึ่งมีชื่อในวงการขายยาลดน้ำหนักว่า “มาเรีย คิม”

เป็นผู้ต้องสงสัยในการจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทซึ่งถูกจับกุมในประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 โดยมีการจัดส่งยาลดน้ำหนักจากประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์จำนวน 3 เว็ปไซต์ ได้แก่ 1. www.SlimMedicine.com, 2. www.panbesy.com และ 3. www.yanheeslimmingpills.com จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า

มีการโพสต์ขายยากลุ่มลดน้ำหนัก ยาระงับหิว ยานอนหลับ และขายยาลดน้ำหนักในรูปแบบยาชุด อวดอ้างสรรพคุณการลดน้ำหนักจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ ราคา 3,230 – 11,390 บาท โดยมีสูตรยาชุดต่างๆ เช่น สูตรลดน้ำหนัก Yanhee 7 วัน, สูตรลดน้ำหนัก Bangkok 20-25 kg 28 วัน และ สูตรลดน้ำหนัก Derm Care DC mega strong plus 20-25 kg 28 วัน เป็นต้น โดยมีการรีวิวสรรพคุณการลดน้ำหนักผ่านช่องทาง YOUTUBE ชื่อThai Diet Pill

( https://www.youtube.com/watch? v=Peq561idBcI ) และได้รับการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรณีมีการจับกุมยาชุดลดน้ำหนักในประเทศจีน ซึ่งมีลักษณะตรงกับ ยาลดน้ำหนักสูตร Derm Care DC ที่มีการจำหน่ายโดยเครือข่ายของ มาเรีย คิม ในประเทศไทย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน จนทราบสถานที่จัดเก็บ และบรรจุยาลดน้ำหนักเพื่อจัดส่งให้กับลูกค้า และได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับ Mr. SHABIR ฯ สัญชาติปากีสถาน ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคหนึ่ง โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ”

วันที่ 23 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจค้นสถานที่เก็บ และบรรจุยาลดน้ำหนัก จำนวน 2 จุด ภายในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ซอยอ่อนนุช 17 แขวง/เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัว Mr. SHABIRฯ สัญชาติปากีสถาน (ผู้ต้องหาตามหมายจับ)

พร้อมตรวจยึดยาชุดบรรจุเสร็จ จำนวน 20 ชุด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 35,819 เม็ด, ยามีทะเบียน จำนวน 92,750 เม็ด, กล่องพัสดุและซองบรรจุยา ประมาณ 6,000 ชิ้น และอุปกรณ์เอกสารที่เกี่ยวข้อง รวม 74 รายการ

จากการเข้าตรวจค้นห้องพัก ของผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนขยายผลจนทราบถึงเครือข่ายบุคคลที่เกี่ยวข้อง และแหล่งที่มาของยาลดน้ำหนัก และได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม อีก 4 ราย ได้แก่ 1. Ms. GAUKHARฯ สัญชาติคาซัคสถาน, 2. Mr. Anthonyฯ สัญชาติฟิลิปปินส์, 3. น.ส.วรัญญาฯ สัญชาติไทย และ 4. น.ส.พรเพ็ญฯ สัญชาติไทย

ในข้อหา “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคหนึ่ง โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ”

วันที่ 31 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), เจ้าหน้าที่องค์การตำรวจสากล และ เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา ทำการตรวจค้น สถานที่เก็บของ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัด กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และประจวบคีรีขันธ์ รวมจำนวน 4 จุด ดังนี้

– สถานที่เก็บและบรรจุยาลดน้ำหนักเพื่อส่งให้ลูกค้า ในบ้านพักอาศัย ในพื้นที่ ม.8 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุม Mr. Anthonyฯ สัญชาติฟิลิปปินส์ (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) ตรวจยึด ยาชุดบรรจุเสร็จ 6 ชุด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 54,363 เม็ด, ยามีทะเบียน จำนวน 51,500 เม็ด และ อุปกรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวม 135 รายการ

– สถานที่เก็บและจัดส่งยาให้ Mr. SHABIR และ Mr. Anthony เพื่อนำมาบรรจุส่งจำหน่ายให้แก่ลูกค้า จำนวน 2 จุด บริเวณบ้านพักในพื้นที่ชุมชนจันทร์เกษม ซ.ประชานฤมิตร ถ.กรุงเทพนนท์ แขวง/เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร จับกุม น.ส.วรัญญา ฯ (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 65 เม็ด , ยามีทะเบียน จำนวน 4,200 เม็ด, กล่องพัสดุและซองบรรจุยา ประมาณ 140 ชิ้น และอุปกรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวม 17 รายการ

– สถานที่เก็บและจัดส่งยาให้ Mr. SHABIR และMr. Anthony เพื่อนำมาบรรจุส่งจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ในบ้านพักอาศัยพื้นที่ หมู่ 7 ต.บางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุม น.ส.พรเพ็ญ ฯ (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) ตรวจยึด ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยมีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ จำนวน 16,160 เม็ด, ยามีทะเบียน 920 เม็ด, แคปซูลเปล่าพร้อมบรรจุ 90,500 แคปซูล, วัตถุดิบและอุปกรณ์ในการผลิตยา รวมถึงกล่องพัสดุและซองบรรจุยา กว่า 500 ชิ้น รวมถึงอุปกรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 47 รายการ

รวมตรวจค้น 6 จุด ตรวจยึด ยาที่มีส่วนผสมวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1(ไซบูทรามีน) กว่า 2,000 เม็ด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยว่าผสมของวัตถุออกฤทธิ์ฯ จำนวน 104,000 เม็ด, ยามีทะเบียน จำนวน 149,000 เม็ด, ยาชุดลดน้ำหนักพร้อมส่งให้กับลูกค้า 26 ชุด ประมาณ 5,400 เม็ด, แคปซูลเปล่าคละสี จำนวน 90,500 แคปซูล,

กล่องพัสดุและซองยาสำหรับส่งให้ผู้บริโภค ประมาณ 10,000 ชิ้นและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาลดน้ำหนัก รวมถึงพยานหลักฐานอื่น รวม 272 รายการ มูลค่ากว่า 6,000,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บตัวอย่างยาของกลางที่ตรวจยึดในแต่ละจุดส่งตรวจ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

วันที่ 2 มิถุนายน 2566 ได้รับผลตรวจวิเคราะห์ของกลางที่ตรวจยึดจาก Mr. SHABIRฯ พบว่ามี “ไซบูทรามีน” ผสมอยู่ ในวันที่ 8 มิถุนายน 2566 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อทางการค้าและร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์และยารวมกันหลายขนาน

โดยจัดเป็นชุดไว้ล่วงหน้า เพื่อประโยชน์ทางการค้า” ส่วนยาของกลางที่ตรวจยึดจากจุดอื่นๆ อยู่ระหว่างรอผลตรวจ หากพบวัตถุออกฤทธิ์ผสมอยู่ จะเรียกมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดย Mr. SHABIRฯ และ Mr. Anthony ฯ ให้การรับว่า Ms. GAUKHAR หรือมาเรีย คิม เป็นผู้สั่งการ ให้ตนทำการบรรจุยาและส่งให้ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 20,000-25,000 บาท

ส่วน น.ส.วรัญญา ฯ และ น.ส.พรเพ็ญฯ ให้การรับว่า Ms. GAUKHARฯ ได้สั่งซื้อ ยาลดน้ำหนักและผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ จากตน เมื่อได้รับออเดอร์ ก็จะไปจัดหายาตามแหล่งขายต่างๆ และจัดส่งให้กับ Mr. SHABIRฯ และ Mr. Anthonyฯ โดยผลตอบแทนที่ได้จากการหาซื้อยาลดน้ำหนักจะบวกกำไรจากยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง

การทลายเครือข่ายดังกล่าวพบว่า มีการส่งยาลดน้ำหนักไปขายต่างประเทศรวมกว่า 34 ประเทศ มากกว่า 600 ครั้ง เช่น สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, อังกฤษ, จีน และมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่ มกราคม-มีนาคม 2566 เครือข่ายยาลดน้ำหนักดังกล่าว มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 3 ล้านบาท

โดย Ms. GAUKHARฯ หรือมาเรีย คิม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังองค์กรตำรวจสากล เพื่อประสานการจับกุมตัวมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจค้นห้องพัก Mr. SHABIR ฯ ผู้ต้องหา พบพยานหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินของสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรม จำนวนมาก จึงทำการสืบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาลดน้ำหนัก พบว่า Ms.GAUKHARฯ ได้ว่าจ้างให้เอเย่นชาวไทยเปิด OPD กับทางสถานพยาบาลเพื่อให้ได้ เลขประจำตัวผู้ป่วย(เลข HN) ในนามของ Ms.GAUKHAR ฯ

จากนั้นจะให้ Mr. SHABIRฯ โทรสั่งซื้อยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาล โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำยามาให้ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด Ms.GAUKHAR ฯ ไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่อย่างใด เมื่อกลุ่มผู้ต้องหารับยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรม แล้ว ผู้ต้องหาจะนำไปจัดเป็นชุดและส่งขายต่อให้ผู้บริโภคอีกทอด

วันที่ 21 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับคณะกรรมการอาหารและยา(อย.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และองค์การตำรวจสากล จึงร่วมกันเข้าตรวจสอบสถานพยาบาล ยันฮีคลินิกเวชกรรม และตรวจยึด เอกสารประวัติการเข้ารักษาเลขประจำตัวผู้ป่วย(เลขHN) ระบุชื่อ Mrs.GAUKHARฯ

ซึ่งพบว่า ประวัติการเข้ารักษา มีการสั่งจ่ายยากลุ่มสมุนไพรและยาแผนปัจจุบันให้ผู้ป่วยตั้งแต่ ปี 2557 – 2566 จำนวน 113 ครั้ง (ปี 2565 จำนวน 78 ครั้ง, ปี 2566 จำนวน 20 ครั้ง) ซึ่งเป็นการจ่ายยาที่มีความถี่สูง และมีจำนวนปริมาณยาที่มากผิดปกติ กว่าการจ่ายยาให้ผู้ป่วยเฉพาะราย และจากการตรวจสอบรายชื่อแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาแผนปัจจุบันให้แก่กลุ่มผู้ต้องหา พบว่า

แพทย์ผู้สั่งจ่ายยาเป็นแพทย์แผนจีน ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันให้แก่ผู้ป่วยได้ จึงได้ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียน และพยานหลักฐานอื่น รวม 15 รายการ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดได้แก่ ผู้ดำเนินกิจการสถานพยาบาลของ ยันฮีคลินิกเวชกรรม และแพทย์แผนจีนที่สั่งจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยต่อไป

การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม

1.ประมาลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ฐาน “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อทางการค้า” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 1,500,000 บาท

2.พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510

– ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

-ฐาน “ร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อใช้รวมกันเพื่อบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรืออาการของโรคหนึ่ง โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ในส่วนผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ,ผู้ดำเนินกิจการสถานพยาบาล และแพทย์ผู้จำหน่ายยา จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า การซื้อผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ต้องเข้ารับการรักษาจากสถานบริการที่ได้รับอนุญาต และการสั่งยาผ่านโดยแพทย์เท่านั้น และขอเตือนผู้ที่ลักลอบจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันและวัตถุออกฤทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.

โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายยาลดความอ้วนทางสื่อออนไลน์ ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด ขอพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่อง หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค

ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ กล่าวว่าปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ค้าตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายได้จำนวนมาก จนมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และแจ้งข่าวเตือนประชาชนให้ทราบข้อมูลอยู่เสมอเพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ

ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ทานแล้วลดน้ำหนักเห็นผลไวเห็นผลจริง ปลอดภัย การันตี ไม่มีผลข้างเคียง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างใช้ลดน้ำหนักเหล่านี้มักพบว่ามีส่วนผสมของไซบูทรามีนหรือยาแผนปัจจุบัน ที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางที่ทำให้ไม่รู้สึกหิว

และอิ่มเร็วจึงเป็นที่นิยมในการลักลอบใส่ในกลุ่มยาชุดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างลดน้ำหนัก ผลข้างเคียงที่พบบ่อยสำหรับคนที่กินยาที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน ได้แก่ ปากแห้ง ท้องผูก ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว อาจทำให้เสียชีวิตได้ จึงขอย้ำว่าอย่าซื้อยาลดน้ำหนักมารับประทานเองโดยเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์

ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และLine@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่านEmail: [email protected] Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

https://oryor.com/media/newsUpdate/media_news/2502

Written By
More from pp
สถาบันจีน–ไทย ม.รังสิต จัดพิธีลงนามความร่วมมือกับบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศจีน
สถาบันจีน-ไทย แห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารจากบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศจีน ในการเดินทางเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัยรังสิต และลงนามความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกัน
Read More
0 replies on “อย.ร่วมกับ ตำรวจ “ทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมไซบูทรามีนข้ามชาติ มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท””