ผักกาดหอม
มันต่างกันตรงไหน?
รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ๒๕๖๖ ที่เป็นกระดาษ
กับคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ๒๕๖๖
สาระสำคัญกรณีหุ้นไอทีวีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” มันอยู่ตรงไหน?
ฉะนั้นใจเย็นๆ ครับ
อย่าเพิ่งอวยไส้แตกว่า คลิปการประชุม คือหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะทำให้ “พิธา” รอดแน่ๆ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจ
และอย่าเพิ่งมโนไปถึงขั้นว่ามีการสมคบคิดล้ม “พิธา” ตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้ง
เอาจุดเริ่มต้นของปัญหาก่อน…
“พิธา” ถือหุ้นไอทีวีไว้ทำซากอะไร
ขอโทษเถอะครับ… ถ้าผมเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ประเด็นที่จะซักถามหัวหน้าพรรคคือ ทำไมไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้อย
ผู้สมัคร ส.ส.ส่วนใหญ่ เขากลัวกันทั้งนั้น หุ้นสื่อ ไม่ต่างจากปีศาจ ใครถือไว้ ตายหยังเขียด ฉะนั้นทุกคนต้องขุดต้องหาว่าตัวเองยังถือหุ้นสื่ออยู่หรือไม่
เป็นกติกาที่ใช้กับผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน
มันเป็นความรับผิดชอบในเบื้องต้น!
ฉะนั้นหาก “พิธา” ใส่ใจและไหวตัวทันทิ้งหุ้นไอทีวีไปตั้งแต่ช่วงที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ตกม้าตายเพราะหุ้นสื่อ พวกลูกคู่ รักยม คงไม่ต้องอดตาหลับขับตานอนคอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้เหมือนที่กำลังทำอยู่
เรื่องนี้มันเรื่องของ “พิธา” ล้วนๆ นะครับ
ไม่เกี่ยวกับใครเลย
เป็นเรื่องการจัดการกับตัวเอง
จะมีด้อมส้มสักกี่คนที่มองเห็น “พิธา” ในมุมนี้
ส่วนใหญ่ไม่ครับ
“พิธา” ในวันนี้ดุจดังผู้นำจิตวิญญาณไปแล้ว
ห้ามแตะ!
มาที่รายงานการประชุม กับตัวคลิป ที่บอกว่า ไม่เหมือนกัน
ความไม่เหมือนกันนี้มันจะช่วย “พิธา” อย่างไร?
รายงานการประชุมที่เป็นเอกสารเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ระบุข้อความดังนี้
“….นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นสอบถามว่า ไอทีวี มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่ออยู่หรือไม่
ประธานในที่ประชุมตอบว่า ปัจจุบันบริษัทยังมีการดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ…”
ทีนี้ไปดูคลิปการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่อดีตคนไอทีวีไปหามา
…นายภาณุวัฒน์ ถามว่า “มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ”
นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม ตอบว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”….
คลิปนี้เอง ด้อมส้ม ไชโยโห่ร้องว่าเป็นหลักฐานเด็ด
แต่ขอโทษเถอะครับ มันยิ่งมัด “พิธา” ให้แน่นอยู่ดี
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ที่นักวิชาการ วิชาเกิน นักการเมือง นักกฎหมาย กูรู กูรู้ ทั้งหลายที่สนับสนุน “พิธา” ไม่รู้ว่าอะไรคือสาระสำคัญ
ตัวรายงานการประชุมหากเป็นของปลอม ก็คงต้องรับผิดชอบกันหลายคนครับ ไม่ใช่รับผิดชอบต่อ “พิธา” แต่ต้องรับผิดชอบเพราะทำรายงานเท็จ
เท็จแล้ว “พิธา” จะได้เป็นนายกฯ หรือเปล่า?
ก็ไม่
แล้วคลิปล่ะมีประโยชน์กับ “พิธา” ตรงไหน
กลับไปอ่านชัดๆ นะครับ
“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”
หมายความว่าไง
หมายความว่าตอนนี้ยังไม่ทำอะไร รอคดีสิ้นสุดก่อน
มีตรงไหนบอกว่าไม่ทำสื่อแล้ว
ก็ถามต่อ… คดีสิ้นสุดแล้วไง
มีสักคำหรือเปล่าที่ตอบว่า หลังคดีสิ้นสุด จะไปจดแจ้งยกเลิกกิจการ จดทะเบียนเลิกบริษัท
ยังไม่เห็นครับ
มีแต่คนไอทีวีบอกว่าจะกลับมาทำรายการต่อ
กลับไปดูโพสต์ของ “จตุรงค์ สุขเอียด”
…ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้ปิดเพราะรักษาสถานะในการสู้คดี
มีเงินลงทุนเดิมอยู่ตั้งแต่ถูกปิดสถานีอยู่
แล้วมีอะไรเกี่ยวกับพี่
คือถ้าชนะคดีแล้ว
คือไอทีวีก็จะได้สิทธิคืนมา
เผื่อสนใจรายการ….
เป็นเรื่องของคนไอทีวีคุยกันเอง เขาคุยกันแบบนี้ครับ
อย่างที่บอก หลังคดีจบ ไอทีวีอาจหาช่องทางเผยแพร่งานสื่อต่อ หรืออาจไม่คืนชีพก็ได้ แต่ทั้ง ๒ ประเด็นนี้ไม่ได้ทำให้คดี หุ้นไอทีวี ของ “พิธา” มีความชัดเจนขึ้นมาเลย
หากยึดเอาบรรทัดฐานของศาลที่พิจารณาคดีหุ้นสื่อหลายคดีก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ไอทีวี ไม่ได้ไป จดทะเบียนเลิกบริษัท
เคลียร์บัญชีสินทรัพย์และหนี้สิน
ส่งภาษีให้ครบถ้วน และแจ้งเลิกกิจการกับสรรพากร
แจ้งเลิกบริษัทกับประกันสังคม
ทำงบการเงิน ณ วันเลิกบริษัท และจดชำระบัญชี
ถ้ายังไม่ทำตามนี้ ในแง่กฎหมาย ไอทีวี ก็ยังอยู่
นักการเมืองคนไหนยังถือหุ้นไอทีวีอยู่ก็ต้องยอมรับชะตากรรม
เรื่องตัวเองยังจัดการไม่ได้ จะไปรับผิดชอบบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร
ทุบโต๊ะ! ดังๆ อีกครั้งนะครับ
หาก “พิธา” อยากเป็นนายกฯ จริงๆ ลืมหุ้นไอทีวีไปซะก่อน ด่านแรกที่ต้องเผชิญ เป็นด่านหินที่สุดคือ วุฒิสภา
พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือที่บอกว่า จะกอดคอกันตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ช่วยดีล ส.ว.ให้ “พิธา” ด้วย
ก้าวไกล ดีลกับใครไม่ได้หรอกครับ
ปิดสวิตช์ ส.ว.มาเป็นปีแล้ว
