รอ “พิธา” เป็นนายกฯ ก่อน? – สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

อยากรู้จัง..นักร้องคนนั้นเป็นใคร?

ที่อยาก..เพราะเห็นคุณมะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับหนังคนโพสต์.. “ติดต่อศิลปินหญิงท่านหนึ่งมาร้องเพลงประกอบหนัง นางเรียก 1,000,000 บาท เฉพาะค่าร้อง”

นี่..เห็นจะเป็นนักร้องระดับเกรดเอของวงการเป็นแน่ ไม่งั้นคุณมะเดี่ยวไม่ติดต่อมาร้องเพลงประกอบหนังหรอก เพราะรู้กันดีผู้กำกับท่านนี้จะทำงานกับคนที่มีศักยภาพ-คุณภาพ ทั้งทีมงาน ดารา..

ผลงานออกมาจึงมีคุณภาพ ได้รับเสียงชื่นชม-รับรางวัลมาตลอดแทบจะทุกเรื่อง!

และเมื่อเป็นนักร้องเกรดเอมีคุณภาพ ก็เป็นธรรมดาที่นาง เอ๊ยเธอจะเรียกค่า (ร้อง) เหนื่อยสูงถึง 1 ล้านบาท ซึ่งจะว่าโหด-เวอร์วังถึงขั้นคุณมะเดี่ยวได้ยินแล้วช็อกก็เห็นจะไม่ได้

ผมว่า ก็น่าจะสมน้ำ-สมเนื้อกับชื่อเสียง-คุณภาพนักร้องแล้วล่ะ เพราะเมื่อคุณมะเดี่ยวอยากได้ของดีมีคุณภาพ ก็ต้องแลกกับค่าตอบแทนที่แพงเป็นธรรมดา!

ฉะนั้น..ที่คุณมะเดี่ยวว่า.. “เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้นหรือ” คงไม่น่าจะเกี่ยว แต่ก็ไม่แน่ เพราะเท่าที่ผ่านมาผู้กำกับคนดังท่านนี้ก็มักจะแสดงความเห็นทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง..

อาจจะมีที่ “คอลเอ๊าต์” แล้วทำให้นักร้องคนนั้นรู้สึกไม่สบายใจ หรือคิดต่างก็เป็นไปได้ ซึ่งคุณมะเดี่ยวนั่นแหละน่าจะรู้ดี!

อย่างไรก็ดี จะเกี่ยว-ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ก็ตาม ผมไม่อยากให้คุณมะเดี่ยวต้องอารมณ์ขุ่นมัวกับเรื่องนี้ ยิ่งเฉพาะที่ไปแซะ-ไปแขวะ..

“อยากตอบนางไปว่ามึงเปน Beyoncé เหรอ” นั้น เห็นจะไม่ควรอย่างยิ่ง!

คุณมะเดี่ยวเองก็เป็นถึงผู้กำกับดัง-มือรางวัล อายุก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ควรจะมีความสุขุม อดทน อดกลั้น ถ้าคิดว่า 1 ล้านบาทแพงไป ก็บอกปฏิเสธไปด้วยความนุ่มนวล

ก็อย่างที่คุณมะเดี่ยวว่า.. “เข้าใจว่าปฏิเสธ แต่อีกท่านบอกว่าไม่สะดวกรับ ยังดูสุภาพกว่า” แล้วทีตัวเองทำไมทำไม่ได้ กับอีแค่คำว่า.. “อ๋อ เหรอ ขอโทษ ราคาเอื้อมไม่ถึงครับ” ก็จบกันไป!

มองอีกมุม บางที เธอ-นักร้องอาจไม่รู้-ไม่เข้าใจ คิดไปตามประสาซื่อ ว่าการทำหนังกำไรมหาศาล และจ้างพระเอก-นางเอกค่าตัวหลัก 5 ล้าน 10 ล้านบาท จึงได้เรียกค่าตัวไปอย่างนั้น

ต้องเข้าใจ นักร้องดังๆ สมัยนี้ รับเชิญไปร้องเพลงแค่ 2-3 เพลงก็ได้เงินค่าจ้างเป็นหลักแสนแล้ว แถมภาษีก็ไม่ต้องจ่าย

แล้วเนี่ย ร้องเพลงประกอบหนังของผู้กำกับคนดัง-ค่ายใหญ่ ก็ต้องเรียกค่าจ้างให้สมเกียรติ-เต็มที่ เพราะนอกจากต้องจ่ายภาษีแล้ว..

เสียงที่ร้องยังจะติดไปกับหนัง เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทผู้สร้างตลอดไป!

ถ้าให้ผมเดา เธอคงไม่ได้ตั้งใจปฏิเสธแบบโหดร้าย หรือ ดูถูกคนอื่นหรอก แต่เธอคงต้องการค่าร้อง 1 ล้านบาทจริงๆ นั่นแหละ

เพียงแต่เธอไม่รู้-ไม่เข้าใจว่าวงการหนังไทยทุกวันนี้ถดถอย-ย่ำแย่ จนผู้สร้างเริ่มชักหวั่นไหวและบางบริษัทก็ได้ปิดตัวไป เพราะทำออกมาแต่ละเรื่อง มีแต่ขาดทุน คนดูเข้าโรงโหรงเหรง!

ที่ฮึดสู้ ลงทุนสร้างอยู่ก็ต้องใช้ทุนอย่างประหยัด ซึ่งทำให้โปรดิวเซอร์-ผู้กำกับต้องเซฟค่าใช้จ่ายตามไปด้วย ลามไปถึงตัวนักแสดง-ดาราที่ก็ต้องปรับค่าตัวลงมา..

ไม่งั้นก็จะไม่มีคนจ้าง ไร้งาน ผู้กำกับบางคนถึงกับเปรย..ถ้ามีฝีมือจะขอลาไปขายก๋วยเตี๋ยวดีกว่า ว่างั้น!

อ้อ..ส่วนเรื่องขายบริษัทหนังนั้น อย่าคิดว่าเขาเจ๊ง และคนซื้อก็อย่าทึกทักว่าเขารวย..เรื่องนี้ มีที่มา-ที่ไป..

เอาไว้พิธาเป็นนายกฯ แล้ว ค่อยคุยกัน!

0 replies on “รอ “พิธา” เป็นนายกฯ ก่อน? – สันต์ สะตอแมน”