ผักกาดหอม
เถียงกันไฟแลบ
วานนี้ (๑ พฤษภาคม) รายการ “ยืนหนึ่งชิงนายก” ทางช่อง ๘ มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ดีเบตกับ “ธนาธร จึง รุ่งเรืองกิจ” ประเด็น ม.๑๑๒
มันน่าสนใจตรงแนวคิดของพรรคก้าวไกลครับ ว่าจะ ยกเลิก หรือ แก้ไข ม.๑๑๒
ในโซเชียลเขาแกะคำต่อคำ คำพูดของทั้งคู่ ตามนี้ครับ…
———————
มีตอนหนึ่ง อภิสิทธิ์ตั้งคำถามว่า “ที่คนมองว่าสุดโต่งที่สุดมันเป็นประเด็นเรื่องเงื่อนไขมาตรา ๑๒๒ ซึ่งมาตรา ๑๑๒ ก็มีความสับสนอีก เพราะว่าคุณพิธา บางวันก็บอกว่ายกเลิก บางวันก็บอกว่าแก้ ๓ ประเด็น ถ้าถามว่าแก้ไข ผมก็ว่าคนจำนวนหนึ่งก็มองว่าไม่ค่อยสุดโต่ง แต่ถ้าบอกว่ายกเลิก ก็ถูกมองว่าสุดโต่ง”
ธนาธรตอบกลับว่า “ผมว่าคุณอภิสิทธิ์เข้าใจผิดแน่ๆ เลย ไม่เคยมีใครบอกว่ายกเลิก”
ซึ่งอภิสิทธิ์แย้งว่า “พิธาไปติดสติกเกอร์”
ทำให้ธนาธรรีบแย้งว่า “อันนั้นบังคับ Yes or No”
ทำให้อภิสิทธิ์ถามย้ำ “ยกเลิกหรือแก้ไข? โทษนะครับ ยกเลิกหรือแก้ไข ไม่ใช่ Yes or No นะ”
ธนาธรจึงรีบตอบว่า “แต่นโยบายพรรคเนี่ยไม่ใช่แค่พูด ทำไปแล้ว เสนอกฎหมายเข้าสู่สภาแล้ว”
อภิสิทธิ์จึงถามอีกว่า “ก็นั่นสิครับ แล้วทำไมต้องไปติดสติกเกอร์ ทำไมไม่ติดตรงแก้ไขล่ะครับ ทำไมไปติดตรงยกเลิก”
ธนาธรจึงตอบว่า “อันนั้นคุณพิธาอาจจะคิดได้ในนามส่วนตัว ว่าเค้าอยากจะอะไร”
พิธีกรดำเนินรายการจึงถามแทรกว่า “แต่เค้าเป็นหัวหน้าพรรคนะ”
ธนาธรจึงหันไปถามคุณอภิสิทธิ์ว่า “คุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรครึเปล่าครับ การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว” “แล้วคุณอภิสิทธิ์พูดว่าอะไรนะครับ”
อภิสิทธิ์จึงตอบ “ผมพูดแล้วผมลาออกครับ คุณพิธาจะลาออกมั้ยครับ? คุณพิธาจะลาออกมั้ยครับ ถ้าไม่ยกเลิก”
ธนาธรแจงว่า “คุณพิธาก็มีความคิดเห็นส่วนตัว เขาไม่ได้พูดบนเวทีสาธารณะที่ไหนเลย ว่าจะยกเลิก”
อภิสิทธิ์จึงแย้งอีกว่า “เขาติดสติกเกอร์บนเวทีปราศรัย”
ธนาธรแย้งตอบว่า “เขาติดสติกเกอร์ อันนี้คือความเห็นส่วนตัว ถูกมั้ยครับ”
พิธีกรจึงถามว่า “หัวหน้าพรรคกับความเห็นส่วนตัว แยกได้เหรอครับ? เค้าแคนดิเดตนายกฯ เลยนะครับ”
ธนาธรจึงชี้แจงว่า “ลองไปอ่านสิ่งที่คุณพิธาพูดนะครับ คุณพิธาพูดเรื่องนี้ว่าอะไร
การเสนอแก้ไขเนี่ย เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าเสนอแก้ไขเพื่อให้พูดจากันได้ ยังทำไม่ได้ ก็อาจจะต้องเสนอยกเลิก นี่คือสิ่งที่เค้าพูด ไปฟังดูสิครับ”
พิธีกรจึงทวนว่า “เริ่มจากแก้ไข แต่การไปติดว่ายกเลิกคือ…”
ซึ่งคุณธนาธรสวนย้ำว่า “ก็ส่วนตัวเค้า เค้าจะไปติดอะไรก็ว่ากัน”
———————–
“ธนาธร” สีข้างแดงเถือกครับ
สิ่งที่ “อภิสิทธิ์” พูดถือได้ว่าเป็นตัวแทนของคนนอกพรรคก้าวไกล ที่มองเข้าไปในพรรคก้าวไกล หรือแม้กระทั่งพรรคอนาคตใหม่ในอดีต
มองทะลุไปถึง “ธนาธร” ด้วยครับ
เรื่องนี้ “ธนาธร” พูดโกหก
หัวหน้าพรรคการเมืองขึ้นเวทีปราศรัยเลือกตั้ง จู่ๆ จะบอกว่าเป็นการแสดงท่าทีส่วนตัว ถามจริงเถอะ…ใครเชื่อบ้าง
๓-๔ ปีที่ผ่านมา นับแต่พรรคอนาคตใหม่ขึ้นมามีบทบาททางการเมือง เรื่อยมาจนเป็นพรรคก้าวไกล ประเด็นการยกเลิก ม.๑๑๒ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดตลอด
ทั้งนักการเมืองในพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกล รวมถึงมวลชนพรรค
“ธนาธร” หรือแกนนำพรรคคนอื่นๆ ก็รู้ดีครับว่า มวลชนของพรรคล้วนมีแนวคิดสุดโต่ง
ต้องการให้ยกเลิก ม.๑๑๒ เท่านั้น ไม่มีการแก้ไข
แล้วตัว “ธนาธร” เองต้องการแก้ไข หรือยกเลิก
๘ เมษายน ๒๕๖๑ “ธนาธร” เมื่อครั้งเป็น หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กับรายการ Workpoint Interview ออกอากาศตอนแรกผ่านเฟซบุ๊ก Workpoint News ถึงจุดยืนในการแก้ไข ม.๑๑๒
วันนั้น “ธนาธร” บอกว่า…
…ผมเองไม่มีความคิดที่จะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติพรรค
สำหรับผมคิดว่าการเสนอให้แก้ไขกฎหมายดังกล่าว ไม่เทียบเท่ากับการล้มล้างสถาบัน ส่วนกลุ่มคนที่ต้องการแก้ไขมาตรา ๑๑๒ เนื่องจากกฎหมายนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาหลายครั้งมาก
ส่วนตัวคิดว่าการที่กลุ่มคนออกมาเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา ๑๑๒ ก็เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้มแข็งขึ้น และพระเกียรติไม่ถูกนำไปใช้เล่นงานทางการเมือง…
ชัดนะครับ ปี ๒๕๖๑ “ธนาธร” ไม่มีความคิดที่จะแก้ ม.๑๑๒ อยู่ในหัวเลย
ให้หลัง ๕-๖ ปี “ธนาธร” มีความคิดต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ “ธนาธร” มาในฐานะประธานคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งหัวข้อว่า “เรื่องของตะวันและแบม คือเรื่องของทุกคน”
รายละเอียดตามนี้ครับ
…การเรียกร้องสิทธิให้ผู้ต้องหา ๑๑๒ คือการยืนยันสิทธิของคนไทยทุกคน
ผมเฝ้าติดตามข่าวการถอนประกันตัวเองที่ศาลอาญา ต่อด้วยการประท้วงอดอาหารและน้ำของตะวันและแบม ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ผมเป็นห่วงสุขภาพของทั้งคู่ แต่ก็ตระหนักดีว่านี่คือการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของพวกเขา ที่จะต่อสู้เรียกร้องในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ
ข้อเรียกร้องที่ทั้งสองคนใช้ร่างกายและชีวิตเป็นเดิมพัน คือ
“ตะวัน-แบม” ประกาศผ่านห้องขัง การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ฝากบอกข้างนอกว่า ลุย!
๑.ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศาลต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพในการแสดงออก ต้องเป็นอิสระ ปราศจากอำนาจนำ และผู้บริหารศาลต้องไม่แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี
๒.ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม และการแสดงออกทางการเมือง
๓.พรรคการเมืองทุกๆ พรรคต้องเสนอนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพ และการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยการยกเลิก ม.๑๑๒ และ ม.๑๑๖
ผมสนับสนุนข้อเสนอทั้งสามข้อ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งที่ในประเทศไทย ตะวัน และแบม ต้องใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเครื่องมือต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้สิทธิพื้นฐานเหล่านี้
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่า คือคนจำนวนมากคิดว่านี่เป็นเรื่องของคนไม่กี่คน
วันนี้ ผมขอยืนหยัดเคียงข้างตะวันและแบม นี่ไม่ใช่การยืนหยัดเพื่อตะวันและแบม หรือผู้ต้องหาคดีการเมืองเท่านั้น แต่คือการยืนหยัดเพื่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน
อย่ารอจนกว่าจะถึงวันที่ลูกหลานของเราต้องรณรงค์ประท้วงด้วยชีวิตของพวกเขา จึงค่อยตระหนักว่ากระบวนการยุติธรรมที่เที่ยงธรรม สำคัญต่อเราแค่ไหน…
นี่คืองานเขียน ไม่ใช่การพูด ฉะนั้นถือว่าได้ไตร่ตรองดีแล้ว
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี่เอง “ธนาธร” ยืนยันว่าตัวเองต้องการ ยกเลิก ม.๑๑๒ ไม่ใช่แก้ไข
วานนี้ “ธนาธร” มานั่งเถียงกับ “อภิสิทธิ์” แบบข้างๆคูๆ เพื่อปกป้อง “พิธา” จากกระแสตีกลับเรื่องการยกเลิก ม.๑๒๒
คำพูดมันจะมีน้ำหนักอะไรครับ
“พิธา” แสดงท่าทีต่อสาธารณะเลือกติดสติกเกอร์ช่อง ยกเลิก ม.๑๑๒
ส่วน “ธนาธร” โหนกระแส “แบม-ตะวัน” สนับสนุนการยกเลิก ม.๑๑๒
ยังไม่นับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ที่เรียกร้องให้ยกเลิกมาตลอด
แล้วมีตรงไหนที่บอกว่าแก้ไข
นักการเมืองที่ดีต้องมีสัจวาจา
ไม่ใช่ปลิ้นปล้อนโดยสันดาน