นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานฝึกอบรมหลักสูตรการประกอบอาหารไทยประยุกต์ ชู “แกงพะแนง” เมนูติดชาร์ตอาหารรสชาติดีที่สุดในโลกจาก Taste Atlas เป็นเมนูสร้างอาชีพให้คนไทย
นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกระแสข่าว แกงพะแนง ติดอันดับ 1 อาหารประเภทสตูว์ รสชาติดีที่สุดในโลกจาก Taste Atlas ด้วยคะแนนสูงถึง 4.8 คะแนน เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ แกงพะแนง ยังถือเป็น 1 ใน 5 Soft power วัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5F ที่รัฐบาลผลักดันส่งเสริม ได้แก่
1) Food 2) Film 3) Fashion 4) Fighting และ 5) Festival
นำมาสร้างสรรค์ผ่านทุกกิจกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการเปิดฝึกอบรมหลักสูตรการประกอบอาหารไทยประยุกต์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีความรู้ในการประกอบอาหารอย่างเมนู “แกงพะแนง” ให้เป็นเมนูที่ผู้เข้าฝึกอบรมทุกคนทำได้
และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพให้มีรายได้ และสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ อีกทั้งยังเป็นถ่ายทอดและเผยแพร่อาหารไทยอย่าง “แกงพะแนง” ให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยได้ลิ้มลองเมนูอาหารรสชาติดีที่สุดในโลกที่ Taste Atlas ให้การยอมรับอีกด้วย
นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ (18 เม.ย. 66) ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้พบปะพูดคุย พร้อมทั้งสาธิตการทำ “แกงพะแนง” ให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการประกอบอาหารไทยประยุกต์ของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ณ วิทยาลัยการแรงงาน
เพื่อเป็นการย้ำชัดถึงเจตนารมย์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในการผลักดันอาหารไทยอย่าง “แกงพะแนง” เป็นเมนูที่ได้บรรจุเข้าในการฝึกอบรม เนื่องจากเล็งเห็นว่า เมนูดังกล่าวเป็นอาหารไทย ประเภทแกงข้นที่เน้นรสชาติเค็มและหวาน ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน สำหรับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร จะมีการฝึกอบรมหลักสูตรการประกอบอาหารไทยประยุกต์ ระยะเวลา 30 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 17 – 21 เมษายน 2566 ณ วิทยาลัยการแรงงาน
“สำหรับหลักสูตรนี้ยังมีการให้ความรู้ในเมนูอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ผัดไทยกุ้งสด มัสมั่นไก่ ต้มยำกุ้ง ซึ่งเมนูดังกล่าวเป็นอาหารไทยยอดฮิตที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต้องสั่งกันทุกคน ซึ่งผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานไปนั้น จะสามารถนำความรู้ไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่อาหารไทยให้ทั่วโลกได้ลิ้มลอง” นาสาวบุปผากล่าวทิ้งท้าย