5 เมษายน 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า ทุกการเลือกตั้ง เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ ทุกการเลือกตั้งมันสำคัญ อนาคตประเทศไทยจะเดินไปทางไหน ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง เราจะเติบโตให้ลูกหลานเราอยู่ในสังคมแบบไหน ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง
ถ้าลองเอาคนไทยทั้งหมด 66 ล้านคน มายืนต่อแถวกัน คนยืนอยู่กลางแถวมีรายได้เพียงแค่ 7,000 บาท/เดือน
10 ปีที่แล้ว คนเกิดใหม่ในประเทศไทย 8 แสนคน
20 ปีที่แล้ว คนเกิดใหม่ปีละ 1 ล้านคน
แต่ปัจจุบัน 2566 คนเกิดใหม่น้อยลงเรื่อยๆ เหลือปีละ 500,000 คน
ทำไมถึงน้อยลง เพราะการมีลูกสัก 1 คนแพงมาก
ค่าแรง 300 บาท/วัน แต่ค่าเรียนพิเศษชั่วโมงนึงไม่มีต่ำกว่า 300 บาท
พ่อแม่ทำงานทั้งวันส่งลูกเรียนพิเศษได้เพียงชั่วโมงเดียว
นี่ชีวิตคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ความฝันที่เรียบง่าย มีบ้านของตัวเองสักหลัง สามารถส่งลูกเรียนโรงเรียนดีๆ ได้ สร้างครอบครัวที่อบอุ่น เกษียณอายุโดยมีเงินเก็บอย่างเพียงพอ ความฝันแบบนี้ ไขว่คว้ายากมากสำหรับคนส่วนใหญ่ของประเทศ
นี่เป็นเวลาที่เราต้องคิดอย่างทะเยอทะยาน ที่เราต้องกล้าเปิดประตูบานใหม่ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เราจะแข่งขันกับโลก กับโลกาภิวัตน์อย่างไร
ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยอยู่จุดเดียวกับเกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ แต่อะไรที่มันทำให้มันต่างกันถึงขนาดนี้ คำตอบคือเทคโนโลยี เราจะทำยังไง ให้ผู้ประกอบการบ้านเรา โดยเฉพาะ SME มีเทคโนโลยีของตัวเองแข่งขันกับโลกได้
เราจะสร้างเศรษฐกิจ สร้างงานให้กับผู้ประกอบการของเราได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่การใช้เงินภาครัฐในการสร้างความต้องการ (Demand) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดงานใหม่ๆ ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ใหม่ๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ
หลายพื้นที่ของประเทศไทยน้ำประปายังเป็นสีหมือนชานม
เราไม่ได้พูดถึงที่เล็กๆ ที่ห่างไกล
แต่เรากำลังพูดถึงพื้นที่มหาศาลที่คนเป็นล้านๆ ยังใช้ชีวิตโดยไม่มีน้ำประปาที่ใสสะอาด
จนถึงวันนี้ ปี 2566 ศตวรรษที่ 21 คนไทยเป็นล้านๆ คนยังใช้น้ำประปาที่ไม่มีคุณภาพ!
แต่ในเทศบาลที่มีอยู่ประมาณ 4,000 กว่าคน
วันแรกที่คณะก้าวหน้าเข้าไปน้ำประปาขุ่นข้น วันนี้น้ำประปาใสสะอาด มีคุณภาพถึงขั้นดื่มได้ ได้รับการรับรองจากกรมอนามัย
เราไปเปลี่ยนมิเตอร์ของทุกหลังคาเรือน ที่นี่เป็นเทศบาลแรกในทุกหลังคาเรือยที่มิเตอร์ในทุกหลังคาเรือนเปลี่ยนเป็นสมาร์ทมิเตอร์ (Smart Meter) แล้ว
10 ปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั่วโลกจะต้องติดสมาร์ทมิเตอร์
ถ้าเรารอไม่พัฒนาของตัวเอง เราจะต้องนำเข้าสมาร์ทมิเตอร์
แต่ถ้าเราลงทุนตั้งแต่วันนี้ ลงทุนใน R&D ของเรา…
อีก 20 ปีข้างหน้า มิเตอร์น้ำทั่วประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนเป็นสมาร์ทมิเตอร์ (Smart Meter) ทั้งหมด และจะต้องสามารถผลิตในประเทศได้
แต่เท่านั้นไม่พอ สำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องต่อสู้กับกลุ่มทุนผูกขาด
ในต่างประเทศอนุญาตให้มีคนรวย แต่ต้องรวยจากนวัตกรรม
อย่างเช่น Elon Musk ที่รวยจากการสร้างกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มีราคาถูก คนทั่วไปเข้าถึงได้
กลุ่มทุนในประเทศไทยหลายๆ กลุ่มไม่ได้รวยจากนวัตกรรมอะไรเลย
อุตสาหกรรมเหล้ามูลค่า 4-5 แสนล้านผูกขาดมา 40 ปี ตั้งแต่ปี 2527
จนกระทั่งมี ส.ส.เท่าพิภพที่เข้าไปเสนอ พ.ร.บ.ยกเลิกการผูกขาดการผลิตเหล้า
วันนี้เรามีกำลังการผลิตไฟฟ้าเกินความจำเป็นมากกว่า 60% ที่ทำให้กลุ่มทุนพลังงานรวยขึ้นหลายแสนล้านในรอบ 7-8 ปีที่ผ่านมา
นี่คือความไม่เป็นธรรม
ทุกบาทที่กลุ่มทุนร่ำรวยมาจากค่าไฟแพงของประชาชน การแข่งขันไม่ได้ของภาคอุตสาหกรรม
ไม่มีประเทศไหนยอมให้มีผู้ประกอบการโทรคมนาคม 2 เจ้า
ไม่มีประเทศไหนที่ยอมให้มีคนได้สัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินเพียงเจ้าเดียว
ถ้าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เราจะบอกว่าสิ่งนี้ไม่เป็นธรรม เราถึงต่อสู้กับกลุ่มทุนผูกขาด
นี่คือวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของเรา
สังคมที่พัฒนามาไกลแล้ว เราไม่สามารถกลับไปเป็นเผด็จการได้
นั่นคือสังคมที่เราอยากเห็น
นี่คือเศรษฐกิจที่เราอยากเห็น
ถ้าทุกท่านมีความฝันร่วมกันกับเรา
เลือกพรรคก้าวไกลทั้ง 2 ใบในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้
