รัฐบาล ห่วงคนไทย บริโภคโซเดียมเกินมาตรฐาน แนะลดเค็ม ป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาว

31 มกราคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนถึงพฤติกรรมการบริโภคที่มีแนวโน้มการบริโภคอาหารที่มีความเค็มเกินมาตรฐาน ซึ่งข้อมูลที่กรมอนามัยได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมกันรวบรวม พบว่าคนไทยบริโภคเกลือโซเดียมมากถึง 3,636 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน เกินเกณฑ์มาตรฐาน 2 เท่า ที่กำหนด คือ 2,000 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายอย่างเช่น ไตวาย มะเร็ง โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบตัน ความดันโลหิตสูง รวมไปถึง โรคกระดูกพรุน โรคอ้วน อัมพฤกษ์อัมพาต โรคหอบหืด เป็นต้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน โดยในชีวิตประจำวันแม้จะไม่ได้ปรุงอาหารเพิ่ม แต่ก็ได้รับโซเดียมจากอาหารธรรมชาติประมาณ 600 – 800 มิลลิกรัม โดยในหนึ่งวันร่างกายไม่ควรรับโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม หรือเปรียบเทียบกับเกลือ 1 ช้อนชา สอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ควรบริโภคโซเดียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของสารให้ความเค็มต่างๆ ไม่เกินวันละ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ เทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา เพื่อลดผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับการลดการบริโภคโซเดียม สามารถทำได้หลายวิธี เช่น ชิมอาหารก่อนปรุงทุกครั้ง เพราะการปรุงอาหารอีกเป็นการเพิ่มโซเดียมโดยไม่จำเป็น ลดความถี่และปริมาณน้ำจิ้มของอาหารที่มีน้ำจิ้ม เช่น สุกี้ หมูกระทะ หอยทอด หลีกเลี่ยงการกินอาหารจานด่วน เพราะมีปริมาณโซเดียมสูง อ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง เลือกอาหารที่มีโซเดียมไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค เป็นต้น

Written By
More from pp
จัดเต็ม ช่วยชาวบ้านสู้ภัยโควิดฯ “นิพนธ์” จัดปลากระป๋อง 500,000 กระป๋อง / ข้าวสาร (5 Kg) 5 หมื่นถุงเตรียมกระจายให้ ปชช. 5 จ.ชายแดนใต้
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2)​ เดินทางไปที่โรงเรียนเกาะแต้วพิทยาสรรค์ จ.สงขลา ซึ่งเป็นสถานเก็บและบรรจุถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนสู้ภัยโควิด-19 เตรียมแจกจ่ายในพื้นที่...
Read More
0 replies on “รัฐบาล ห่วงคนไทย บริโภคโซเดียมเกินมาตรฐาน แนะลดเค็ม ป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาว”