ผักกาดหอม
อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนนะครับ….
เรื่องของ “จตุพร” กับ “ทักษิณ” ยังมีอีกหลายตอน คร่าวๆ คงจะลากยาวถึงการเลือกตั้ง
ถ้าเป็นซีรีส์ก็ร้อยตอนกว่าจะจบ!
ข้อมูลลึกๆ ในการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี ๒๕๕๓ ถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ ก็รอดูว่า แกนนำแดงที่ยังรับใช้ทักษิณ กับตัว “ทักษิณ” เองจะว่าไงต่อ
เพราะวันนี้ แดงตะลึง! ทั้งแผ่นดิน
เอาเรื่องที่รู้กันอยู่ก่อนแล้ว มาตอกย้ำว่าจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยปาก “จตุพร”
“…เมื่อแกนนำขึ้นไปกล่าวยุติการชุมนุมก็จะมีอีกชุดหนึ่งเข้ามาซ้อนยึดเวทีแทน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดและความตายจะมากกว่าเดิม เพราะเราสู้ทางการเมืองจึงต้องยืนยันในแนวทางสันติวิธี
ถ้ามีการสู้ทางการทหารเมื่อไหร่ก็พังทันที
ดังนั้น เวทีต้องเดินต่อไป จึงไม่ควรทิ้งประชาชนเพื่อไปเอาหีบเลือกตั้ง แล้วเดินลงเวทีอย่างคนอัปยศอดสูที่สุด
เพราะเจ้าของจ่ายค่าเวทีตัวจริงนั้น เขาไม่ต้องการให้ยุติเวที แต่ทุกคนถอดใจหมดแล้ว
ผมอธิบายให้ฟังว่าประชาชนอย่างไรก็ไม่กลับ เมื่อเขาไม่กลับแล้ว คิดจะลงเลือกตั้งคุณจะมีหน้าไปพบคนอีกหรือ
ถ้าวันนั้นไม่มีการคิดเอาอีกชุดหนึ่งซ้อนยึดเวทีแล้ว ก็ยังพอถูไถอธิบายกับประชาชนได้ แต่ทุกคนก็เห็นให้ยุติการชุมนุม แล้วเราก็กล่าวคำลากัน
ผมพูดทิ้งท้ายว่า พฤษภา ๒๕๓๕ ผมอยู่ในบรรยากาศนำการต่อสู้คนเดียวที่รามคำแหงมาแล้ว ผมจึงขออยู่ส่งประชาชน และก็แยกย้ายกันไป
จะมีการวางแผนซ้อนยึดเวทีอยู่แล้ว และคนที่ทำได้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งพอประชุมแกนนำเสร็จ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากทักษิณ ชินวัตร โทร.มาถาม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรพูดเลย
แต่เมื่อนายอดิศร ยกเรื่องนี้มา โดยทักษิณ บอกว่า หยุดเวทีได้อย่างไร ผม (ทักษิณ) ได้อะไร…”
เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน “ทักษิณ” อยู่เบื้องหลังการชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองทุกขั้นตอน ในฐานะเจ้าของเวทีตัวจริง
นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งในการยืนยันว่า การสลายการชุมนุมนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง การเสียชีวิตของมวลชน และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งประชาชนที่ถูกลูกหลงนั้น จะไม่เกิดขึ้นเลยหาก “ทักษิณ” ไม่หาประโยชน์จากการชุมนุมของคนเสื้อแดง
เรื่องยึดเวทีราชประสงค์ “จตุพร” ขยายความต่อ ตามนี้ครับ…
“…ผมรู้เรื่องนี้มาแต่ต้นว่าจะมีการซ้อนยึดเวทีชุมนุมขึ้น แล้วจะเกิดความรุนแรงไปอีกมุมหนึ่ง และจะคุมประชาชนไม่อยู่ จึงจำต้องหักทุกคน
ผมบอกทักษิณว่า ถ้าอย่างนั้น เพื่อให้เวทีเดินต่อ ส่วนแกนนำคงไม่อยู่ครบแล้ว เราจึงตกลงกันว่า คนที่เคยเป็นลูกพรรคของทักษิณ ให้ไปเคลียร์กัน ส่วนบรรดาสายนักเคลื่อนไหวผมจะเคลียร์เอง ทั้งๆ ที่ช่วงนั้นแกนนำเหลือผมอยู่คนเดียว
ทักษิณก็ไปเคลียร์กับนักการเมือง ผมก็เคลียร์กับนักเคลื่อนไหว เวทีจึงเดินมาถึง ๑๘ พฤษภาคม วันที่วุฒิสภามาเจรจา และมาเกิดเหตุการณ์ ๑๙ พฤษภาคม ซึ่งเป็นความเจ็บปวดขมขื่น
วันนั้นถ้าเราไม่ยืนแข็งแรงแล้ว ประชาชนหน้าเวทีก็ไม่กลับ เจ้าของเวทีก็ไม่เลิก และอีกชุดหนึ่งจะเข้ามาซ้อนยึดเวที ถ้าผมไม่อยู่คานกันเอาไว้ ในทุกนาทีของสถานการณ์โอกาสตายมี ๑๐๐% อยู่แล้ว
และหากได้ยินเรื่องนี้มาก่อนก็ไม่ได้ออกจากปากผม ซึ่งผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ทั้งๆ ที่ไม่อยากเล่าเลย
ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะนายอดิศร ยกเรื่องชุมนุมปี ๒๕๕๓ มา โดยวัน ๑๙ พฤษภาคม บนเวที คนที่มีบทบาทมากที่สุดคือ ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ คอยกันไม่ยอมให้ผมขึ้นเวที เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากมาย ทหารล้อมหมด ขยับใกล้มาถึงจุดสุดท้ายที่เวทีทุกขณะ
อารมณ์คนอยู่หน้ามีแต่คนแก่และผู้หญิงประมาณ ๕๐๐ คน ซึ่งพร้อมตายกัน เวลานั้นผมนอนบนเก้าอี้ผ้าใบหลังเวที เดี๋ยวมีคนมาลาจากไป แต่เรารอเวลา จึงลุกขึ้นไปบนเวที เพื่อยุติการชุมนุม ถ้าไม่ยุติความตายอย่างรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกลางเวทีเพราะเป็นจุดสุดท้าย
ผมเล่ามาถึงตอนนี้เพื่อจะบอกว่า หลายปีต่อมา มืองานคนสำคัญอีกชุดหนึ่ง (ชุดซ้อนยึดเวที) มาเล่าให้ฟังว่า วันนั้น (๑๙ พ.ค.) มีการวางแผนกันจะยิงถล่มเวที ขณะที่ขึ้นกล่าวยุติการชุมนุม แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่ตัดสินใจทำ…อีกทั้งการซ้อนยึดเวทีนั้น
ผมได้ยินมาเช่นกันว่า มีการร้องขอจากฝ่ายเดียวกันให้จัดการผมเอง (ตกเป็นเป้าถูกสังหาร) ด้วยซ้ำไป…”
เป็นไงครับ?
เมื่อปี ๒๕๕๓ ได้ยินข่าวแว่วๆ เหมือนกันว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ ลอบยิงแกนนำบนเวที
มันก็ไปบรรจบกับสถานการณ์ที่เกิด ณ เวลานั้น เจ้าหน้าที่ยังเข้าไม่ถึงพื้นที่ แต่ห่ากระสุนสาดไปบนเวทีปราศรัยที่ราชประสงค์แล้ว
มันเป็นฝีมือใคร?
แม้กระทั่งการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ การโยนถังแก๊สเข้าไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปกระชับพื้นที่ ล้วนเป็นคำถามมาถึงวันนี้ว่า…
ฝีมือใคร?
นับเป็นเรื่องน่าสลดใจ คนอยู่เบื้องหลังเหตุคนเสื้อแดงสูญเสียชีวิต กลับเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย หลังเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองผ่านไป อำนาจรัฐกลับมาอยู่ในมือสมใจ
แทนที่จะบริหารประเทศเพื่อประชาชน กลับจบด้วยนิรโทษกรรมให้คนโกง ไปพร้อมๆ กับการโกงจำนำข้าวอย่างมโหฬาร
การตายของคนเสื้อแดง ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
ไม่ใช่เหตุเฉพาะหน้า ที่มีการปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่รัฐจนนำไปสู่การเสียชีวิต
แต่มีการวางแผนให้เกิดขึ้นมา
ช่างโหดเหี้ยม อำมหิตจริงๆ
นี่อาจถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการรับสารภาพ ของ “จตุพร” แกนนำเสื้อแดง ที่มีบทบาทสูงมากที่สุดเมื่อปี ๒๕๕๓
แต่…ที่เหนือ “จตุพร” คือ คำสั่งของ “ทักษิณ”
“…คุณอดิศรยกเรื่องนี้มาก็ดีแล้วว่า วันนั้นที่ผมต้องไปหัวลำโพง และถ้าผมลงบางซื่อตามคุณอดิศรและอีกหลายคนไปวันนั้น ที่นั่น (หน้าเวทีชุมนุม) เลือดจะนองท้องช้าง เพราะว่าเจ้าของเวทีเขาไม่ยอม เนื่องจากมีอีกชุดหนึ่งคนของเจ้าของเวทีเตรียมแผนยึดเวที แล้วเราก็จะเป็นหมาเลย
วันนี้เรื่องที่ไม่ควรจะเล่า เมื่อเล่าแล้วคนที่ต้องชักตาตั้งจะเป็นอีกคนหนึ่ง เมื่อต้องการฟื้นฝอยหาตะเข็บ ก็จะจัดให้
เจ้าของรถไฟ (เจ้าของเวทีชุมนุม) ไม่ต้องการให้จอดลงที่บางซื่อ เพราะเขาสั่งผมเอง ถ้าลงบางซื่อก็ตายกันเบือ และหลังจากนั้นจะมีคนมายึดแล้วเวที แล้วจะร้อนแรง
ตายเป็นเบือ เพราะเขาบอกเอง เขาไม่ได้อะไร เป็นเกมอำมหิต ผมไม่เล่นด้วย แต่ทุกคนทิ้งไปหมดแล้ว ด้วยการเข้าใจสถานการณ์ไม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ได้รับคำสั่งจากเจ้าของเวทีหรือไม่…”
ครับ…สุดจะบรรยาย
คนเสื้อแดงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คงต้องปรับจูนความคิดกันหนักหน่วงพอสมควร
จะเชื่อ “ทักษิณ” หรือเชื่อ “จตุพร”
ตบตูดฝากไปถึงพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งเที่ยวนี้มีเรื่องให้เสียวเล่นแน่นอน เพราะ “จตุพร” เขารับคำท้าแล้ว
“…การทำสงครามกับหมู่มิตรมันลำบากใจมาก แต่ถ้าที่สุดถึงขั้นต้องสู้ ก็ต้องสู้กัน ที่คุณกล่าวหาว่าขัดขวางแลนด์สไลด์อะไรนั้น เมื่อถึงวัน ผมจะทำตามที่กล่าวหามา แม้วันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย…”
ข้อมูลชวนให้คนเสื้อแดงขนหัวลุกแบบนี้….
ขอให้แลนด์สไลด์ครับ