“เอกนัฏ” รับใบสมัคร “เขตรัฐ” หลังลาออกเพื่อร่วมงานกับ รทสช. ชี้พรรคพร้อมลงสนามเกิน 100% เผย “ลุงตู่” เตรียมออนทัวร์ปลายเดือนนี้

“เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์” ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ เผยเป็นทีม “ลุงตู่” และ “พี่ขิง” พร้อมลงพื้นที่ กทม.ลงสมัครในฐานะ ส.ส.เขต ด้าน เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ชี้ รทสช.มีความพร้อมลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่เกิน 100% ระบุตอนนี้มีนักการเมืองทุกรุ่นรวมถึง รมต.ปัจจุบัน เตรียมตบเท้าเข้าร่วม แต่ส่วน ส.ส.ปัจจุบันยังขอให้ทำหน้าที่ในสภาฯ ก่อน เผยกำหนดการ “พล.อ.ประยุทธ์” ลงพื้นที่พบประชาชนตามคำเรียกร้องปลายเดือนนี้

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง ได้เดินทางมาเขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคให้การต้อนรับพร้อมรับใบสมัครการเป็นสมาชิกพรรคของนายเขตรัฐ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการเข้ามาสมัครสมาชิกพรรคของนักการเมืองต่างๆ ในขณะนี้ คือมี ส.ส.ที่ลาออกจากพรรคเดิมและผู้สมัครใหม่ ที่ทยอยเดินทางเข้ามาเขียนใบสมัคร ซึ่งถ้าเป็น ส.ส.ปัจจุบัน ตามที่ตนได้คุยกันไว้ก็ยังอยากให้ทำหน้าที่เป็น ส.ส.ไปก่อนเพื่อให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

แต่ในกรณีของนายเขตรัฐ เนื่องจากเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ การลาออกจึงไม่ได้กระทบการทำงานของ สภาฯ สามารถลาออกมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ ซึ่งในส่วนของ กทม. จะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้ เพราะถ้าจะไปลงสมัครในระบบเขตทุกคนต้องมีเวลาในการลงพื้นที่

ทั้งนี้คนที่พรรคจะส่งสมัครในฐานะตัวแทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ หลายคนรู้ตัวกันอยู่แล้ว และในวันพรุ่งนี้ (19 ม.ค.) จะมีการประชุมว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดของ กทม.กว่า 30 คน เพื่อทำความเข้าใจในการทำงาน อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่จำเป็นต้องรอความชัดเจนของการแบ่งเขต

แต่สำหรับว่าที่ผู้สมัครที่มีความชัดเจนแล้วจะเร่งทำงาน โดยเฉพาะการแนะนำตัวเพื่อให้ทำงานในพื้นที่ได้เลย เมื่อทุกอย่างพร้อมพรรคจะประกาศตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการทันที รวมถึงการประกาศนโยบายของพรรคที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีนโยบายที่เกี่ยวกับสวัสดิการของประชาชนเช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ ที่ประกาศไปแล้วหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า มีอย่างแน่นอน โดยแนวคิดของพรรคคือจะต้องดูสถานะของประเทศก่อน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นหลังจากปัญหาโควิด

ซึ่งหากดูจากภาพรวมเห็นได้ว่าตัวเลขจีดีพีกำลังไปในเชิงบวก ถ้าหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านถือว่าประเทศเราไปได้ดี ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานของรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้กอบกู้สถานการณ์มาแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ต้องเก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ๆ ส่วนการที่ไปแข่งเรื่องการลด แลก แจกแถม เห็นว่าเป็นการใช้เงินบิดเบือนกลไกการตลาดจะไม่ทำให้เกิดความยั่งยืน

ตนเชื่อว่าจากผลงานของรัฐบาลชุดนี้ หากมีการส่งเสริมการลงทุน หรือการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ,การพัฒนาธุรกิจบริการ,การสาธารณสุขที่สามารถมาส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ และจะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น ประเทศมีรายได้ ทำให้ตลาดการจ้างงานโตขึ้นด้วย

“เขามีการพูดกันถึงการประกันค่าแรง 600 บาทในความรู้สึกผม ถ้าทำได้ดี ไม่ต้องไปประกัน ผมว่าอีก ปีสองปีเราก็สามารถทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้นได้ และไม่ใช่เฉพาะในส่วนของค่าแรงอย่างเดียว แต่รายได้กับคนที่ทำอาชีพอื่นด้วย ไม่ใช่การรับจ้างอย่างเดียว จะเป็นเกษตรกร เจ้าหน้าที่ พนักงาน เป็นคนที่อยู่ในออฟฟิศก็จะไปด้วยได้” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามตนคิดว่าสิ่งที่ควรจะต่อยอดจากรัฐบาลชุดนี้เรื่องที่หนึ่งคือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้มีการพัฒนาถนนหนทาง ท่าอากาศยานเตรียมพร้อมสำหรับการเชื่อมโยงประเทศไทยกับภูมิภาค และประชาคมโลกไว้ได้ดีมากแล้ว

แต่ในที่สุดก็จะหนีไม่พ้นว่าโครงสร้างที่ทำไว้แล้วเหล่านี้จะต่อยอดไปถึงสิ่งที่เรียกว่าซอฟต์ อินฟราสตรักเจอร์ เกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง ซึ่งถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศเช่นกัน อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของสวัสดิการที่จะต้องมีการต่อยอดปูพื้น สร้างความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส การสร้างสังคมที่เป็นธรรม

ที่ผ่านมามีการดูแลประชาชนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติจะต่อยอดจากนโยบายนี้ จากแค่เพียงการดูแลเฉพาะบุคคล เป็นการดูแลไปถึงครอบครัว และมีการเพิ่มสิทธิ์ต่างๆ อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องศึกษาอย่างละเอียดว่านโยบายที่พรรคจะนำเสนอต้องสามารถปฏิบัติได้จริง

ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และเมื่อปฏิบัติแล้วจะต้องเป็นคุณ ไม่ใช่ว่าประกาศไปแล้วมีเพียงแค่คนบางกลุ่มที่ได้ แต่ไปสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ดังนั้นจะต้องมีความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง

“จากนี้ไปเราก็ได้รับนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ส.ส.ปัจจุบัน หรือนักการเมืองหน้าใหม่ที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคที่เตรียมจะขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติไปด้วยกันจำนวนมาก ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสในอนาคตที่จะพัฒนาให้พรรคเป็นสถาบัน หน้าที่ของเราคือจะต้องขับเคลื่อน สู้ศึกการเลือกตั้งนี้ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายของเราไปให้ได้ แต่ทั้งหมดจะต้องมีความรับผิดชอบในฐานะพรรคการเมืองด้วย” นายเอกนัฎกล่าว

เมื่อถามว่าพรรคอื่นได้ประกาสตัวแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการประกาศเรื่องนี้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า กระบวนการคัดเลือกแคนดิเดตนายกจะต้องเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไปแล้ว

ดังนั้น 1 ใน 3 จะต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว แต่จะมีขั้นตอนกระบวนการที่อาจจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องพิธีกรรมอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้ว โดยแคนดิเดตไม่จำเป็นต้องมีแค่หนึ่ง เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลสำคัญของประเทศ เมื่อตัดสินใจมาอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ แล้วยังสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วย ดังนั้นจึงเป็นเต็งหนึ่งอยู่แล้วในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งตนคิดว่าเป็นข่าวดีของพรรคด้วย

นายเอกนัฎ กล่าวถึงกำหนดการการพบปะประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จะเกิดขึ้นสิ้นเดือนนี้ คาดว่าถ้าเป็นไปตามกำหนดจากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์ สวมหมวกสองใบ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย หลังจากที่จัดงานไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม มีเสียงเรียกร้องจากสมาชิกพรรคอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ไปพบ ดังนั้นตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไปก็จะออนทัวร์ ไปตามภูมิภาคต่างๆ

โดยจะเลือกจุดที่ง่ายต่อการเดินทาง ซึ่งเป็นจุดหลักในภูมิภาคต่าง ส่วนกรณีที่ พล.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ก่อนการเดินทางไปของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นคิดว่าไม่มีผลอะไร เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของการปฏิบัติราชการหรือ การทำงานการเมือง ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีหมวกสองใบการที่จะออกไปปฏิบัติราชการต่างจังหวัดก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว

ส่วนในฐานะสมาชิกพรรคเป็นการทำงานนอกเวลาราชการ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเย็น ช่วงวันหยุด เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะใช้เวลาให้คุ้มค่าในการทำหน้าที่ของสมาชิกพรรคเพื่อขับเคลื่อนพรรคไปพร้อมกับสมาชิกพรรคและผู้บริหารคนอื่นๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มรัฐมนตรีกลุ่มพรรคเพื่อประชาชนที่สนใจจะมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติตอนนี้มีความชัดเจนอย่างไร นายเอกนัฏ กล่าวว่าในทางการเมือง ความชัดเจนที่เห็นขณะนี้ก็ถือว่าชัดมากแล้ว ตนก็แปลกใจว่าทำไมวันนี้นายเขตรัฐลาออกจาก ส.ส.มาสมัครเป็นสมาชิกทำให้มีสื่อมวลชนมาเยอะกว่าปกติ จริงๆ มีอีกหลายคน ที่คุยกันไว้มีอีกจำนวนมาก บางคนยังไม่สามารถบอกได้เพราะต้องรักษามารยาททางการเมือง

แต่ยืนยันได้ว่า ณ เวลานี้ จะมีกลุ่มนักการเมือง ส.ส.ปัจจุบัน รัฐมนตรีก็มี แต่คิดว่าที่สำคัญภูมิทัศน์การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอด การวัดกระแสความนิยมจากจำนวนของ ส.ส.ปัจจุบันนี้ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งครั้งที่แล้วเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปี

ตอนนี้เปลี่ยนแปลงหลายอย่าง การวัดตัวผู้สมัคร หรือศักยภาพของพรรคการเมืองที่จะไปสู้ในพื้นที่ต้องวัดกันใหม่ แต่ทางพรรครวมไทยสร้างชาติมีการอัพเดทข้อมูลโดยตลอด ถ้าเป็น ส.ส.ปัจจุบัน พรรคก็อยากได้ ส.ส.ปัจจุบันที่ทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดกับประชาชน และมีฐานคะแนนที่มั่นคง ไม่ใช่ได้มาจากกระแส แต่3-4 ปีผ่านไปไม่ทำงานเลย แบบนี้มาสมัยสอง คนก็คงไม่เลือก

ในขณะเดียวกันมีนักการเมืองดาวฤกษ์รุ่นใหม่ คนใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบ้านใหญ่ก็มี หรือว่ามีศักยภาพเป็นดาวฤกษ์ในตัวเองก็มีที่ตั้งใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้ก็มีกว่า 100 คน ทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน ส.ส.ดาวฤกษ์ หรือ ส.ส.บ้านใหญ่มีเกินร้อยแล้วแต่ตอนนี้รอการประกาศตัว เพราะเรื่องเขตการเลือกตั้งก็ยังไม่เรียบร้อย เดี๋ยวประกาศไปแล้วเปลี่ยนเขต

“มีเสียงเรียกร้องให้พรรคประกาศตัวผู้สมัครเลย ซึ่งจริงๆ เรามีอยู่แล้ว ทำพรรคการเมืองเราก็รู้ ช้าสุดก็ต้องมีการเลือกตั้งอีกไม่นานดังนั้นตัวผู้สมัครหลายภาค อย่าบอกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ดีกว่า หลายเขตเลือกตั้งมีผู้มาแสดงความประสงค์จะลง ส.ส.มากกว่าหนึ่งคนก็ต้องมีการไปคัดเลือกคนที่ดีที่สุดในสายตาประชาชนนั่นคือเกณฑ์สำคัญของเราอยู่แล้ว

วันนี้ในเรื่องตัวผู้สมัครเรามีความพร้อม กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคใต้ แม้กระทั่งอีสาน เหนือ ทุกภาคมีความพร้อม ก็อาจจะมีบางคนที่ตัดสินใจไปพรรคอื่นจะเปลี่ยนใจมาที่นี่ก็ได้ คนที่ไม่คิดจะมาก็มา เมื่อวานก็มีมาเพิ่มอีก แต่ถ้าเป็น ส.ส.อยู่ก็อยากให้ทำงานไปก่อน ยังไม่ต้องรีบลาออก อันนี้ก็ถือประกาศไปเลย แต่บัญชีรายชื่อไม่เป็นไร

สำหรับคุณเขตรัฐ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จริง แต่วันนี้ตั้งใจจะมาลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งกรุงเทพฯ ก็เลยลาออกมา แต่ก็ไม่ทำให้สภาฯต้องเสียหาย ขณะเดียวกันคุณเขตรัฐก็จะได้เดินลงพื้นที่ด้วย และเป็นคนรุ่นใหม่มีศักยภาพมีประสบการณ์ เราเองก็ดีใจที่มีบุคลากรที่เป็นแบบคุณเขตรัฐมาช่วยงานพรรคแล้วมีมากกว่านี้ เพราะเราเน้นผสมผสานคนทุกรุ่นทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ด้วย” นายเอกนัฏกล่าว

ด้านนายเขตรัฐ กล่าวว่าที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติเพราะติดตามการทำงานของพรรค และการทำงานของนายเอกนัฏมาโดยตลอด โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ต่างๆ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏติดตามอ่านทุกคำพูดเลยก็ว่าได้

ทำให้เชื่อมั่นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคที่เป็นสถาบันที่จะเป็นเสาหลักของประเทศได้ รวมทั้งมีความน่าเชื่อถือ ได้ติดตามต่อเนื่องกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาสมัครสมาชิกพรรค ซึ่งตนเป็นทีม “ลุงตู่” และทีม “พี่ขิง” ด้วย จึงทำให้ไม่ต้องมีอะไรให้ตัดสินใจมาก เงื่อนไขไม่ต้องตั้ง ความชัดเจนสำคัญที่สุด

วันนี้จึงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อจะได้เริ่มทำงานเลย ทั้งนี้ก็ไม่ได้คุยกับบิดาเลยเพราะตอนนี้บิดากำลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ คราวที่แล้วก็เข้าพรรคก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้ติดตามต่อไป

Written By
More from pp
ปตท. เปิด “สถานีใส่ใจ” นำร่องศูนย์ส่งเสริมและป้องกันสุขภาพอัจฉริยะ ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station จ.สระแก้ว
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานคณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  เป็นประธานในพิธีเปิด “สถานีใส่ใจ” ศูนย์ให้บริการส่งเสริมและป้องกันสุขภาพอัจฉริยะ (Smart Preventive Healthcare Unit) ณ...
Read More
0 replies on ““เอกนัฏ” รับใบสมัคร “เขตรัฐ” หลังลาออกเพื่อร่วมงานกับ รทสช. ชี้พรรคพร้อมลงสนามเกิน 100% เผย “ลุงตู่” เตรียมออนทัวร์ปลายเดือนนี้”