ตามประสาไป-มา เล่าสู่ – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“อีบัด-อีโรย” เป็นยังไง เพิ่งเข้าใจตอนวันปีใหม่นี่เอง!
เครื่องยนต์ “น็อตหลุด” นั่นแหละครับ
คือวันปีใหม่ไปไหว้ “พระแก้วมรกต” ที่พระบรมมหาราชวังเอาฤกษ์-เอาชัย
ก็นึกไว้แล้วว่าคนต้องมาก
แต่คิดไม่ถึงว่า จะมากระดับผู้คนล้านแปด ทั้งไทย จีน ฝรั่ง และเพื่อนอาเซียน จะทะลัก-ทะลาย ไปรวมกันอยู่ที่วัดพระแก้ว และที่ศาลหลักเมือง

อุตส่าห์วางแผนเดินทางซะดิบดีกับ “คุณกรรณิกา” ผู้บริหาร “ไทยโพสต์ ทีวีออนไลน์” ว่าเอารถไปจอดที่อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว (จอดแล้วจร)

แล้วนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินไปลงสถานี “สนามไชย” จากนั้น เดินไปวัดพระแก้ว สะดวกที่สุด
พอรถไฟฟ้ามาเทียบชานชาลา
พ่อเจ้า-แม่เจ้า นี่มันรถไฟฟ้าใต้ดินไทย หรือ “รถยัดทะนาน” ญี่ปุ่นกันเนี่ย?

ข้างในเบียดกันจนปลิ้น ข้างนอกก็ยัดเยียดเข้าไป ผมก็ไหลตามสมัยนิยมเข้าไปสมทบ เท่ออก
โหนต่องแต่งกันเป็นลิงสารพัดชาติและภาษา
นึกโกรธ “ลุงตูู่” ขึ้นมาติดหมัด

บริหารแบบไหนกันกัน นักท่องเที่ยวถึงเป็นมวลน้ำก้อนใหญ่ทะลัก-ทะลายเข้ามาท่วมกรุงเทพฯและเมืองไทย จนต้องแย่งอากาศกันหายใจขนาดนี้!?

ร้อยวัน-พันปี จะได้โหนรถไฟฟ้าซักครั้ง
นึกในใจ คราวนี้จมูกเสียความบริสุทธิ์ให้โควิดแน่ เพราะมีแต่คนไทยสวมแมสก์ ส่วนพวกฝรั่งมังค่า เปลือยหน้า-เปลือยจมูก กันทั้งนั้น
ยืนหายใจรดกันจนขาแข็ง ก็ถึงสถานีสนามไชย

เห็นข่าวมานานว่าสวยนัก-สวยหนา พอเห็นกับตา โอ้..นี่มันเมืองไทยของข้าพเจ้าใช่หรือเปล่าเนี่ย?!
มันอลังการน้องๆ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของรัสเซีย ที่กรุงมอสโคเลยทีเดียว!

โผล่ขึ้นตรง “มิวเซียมสยาม” เดิมเป็นกระทรวงพาณิชย์ คนแก่ตกใจอีก มองฝ่าแดดผ่ากระบาลตอนบ่ายไปตามทางเดิน
ผู้คน ทั้งไทย-ฝรั่ง ยังกะมดกะปลวก!

ทุกคนบ่ายหน้าไปวัดพระแก้ว ผ่านวัดโพธิ์ เห็นหลังคาศาลาลอยที่เคยเป็นห้องเรียนชั้นมัธยม ๖ ของผม ๖๐ กว่าปีก่อน อดชะเง้อเข้าไปเยี่ยมไม่ได้

ทัศนียภาพฝั่งตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ทั้งอาคารสถานต่างๆ ทั้งต้นไม้ใหญ่ๆ ทุกอย่างถูกจัดระเบียบ-ระบบ ชนิดต้องบอกว่า

บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ รอบๆ สนามหลวง ท่าช้าง สนามไชย วังสราญรมย์ ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงกลาโหม กรมรักษาดินแดน
ต่างๆ นานา ได้รับการเอาใจใส่ดูแล ดูกลมกลืน สอดประสานเข้ากับพระบรมมหาราชวัง ช่างสมกับคำว่า “รัตนโกสินทร์” ยิ่งนัก

กราบแทบเบื้องพระยุคลพระบาท “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าอยู่หัว”
เป็นดั่งพระปฐมบรมราชโองการ ณ วันทรงขึ้นครองราชย์ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จริงๆ อันมีความว่า

“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

เพราะพระองค์ทรง “สืบสาน รักษา และต่อยอด” นั่นแหละ กรุงเทพฯ โดยเฉพาะเกาะรัตนโกสินทร์วันนี้ นามว่า
“กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์”
จึงสมนามยิ่งนัก……..

“กรุงรัตนโกสินทร์” ยุคนี้ “สวรรค์” ลอยชะลอลงมาบนดิน นั่นคือ คำเปรียบที่ตรงจริงมากที่สุด!

กว่าจะถึงประตูทางเข้าตรงหน้ากระทรวงกลาโหม ก็นึกชมตัวเอง ว่าใจมั่นจริงๆ ที่จะไปไหว้พระแก้ว เพราะถ้าไม่มั่น ต้องถอดใจแหงๆ

ร้อนแดดและค่อนข้างเดินไกล นั่นพอทน
แต่เห็นผู้คนล้านแปดอย่างว่า เหมือนผึ้งโพรงที่แย่งกันบินเข้าโพรง ชักสะพรึง

แต่พนักงานวังเขาทำงานดี พูดจาเรียบร้อย คอยชี้แถว-ชี้ทาง ให้เข้าไปข้างใน
ผมไม่ได้เดินหรอก แต่ไหลตามที่เขาดุนๆ หลังเข้าไป หลุดเข้าไปบริเวณวัดพระแก้ว เขาประกาศห้ามหยุด ให้ไหลเหมือนเวียนเทียนวัดพระแก้วไปเลย

นึกในใจ ลูกช้างรอดคราวนี้ ต้องรอดยาวไปอย่างน้อย ๒๐-๓๐ ปี เพราะเบียดเสียดเยียดยัดกัน ทั้งร้อน ทั้งแย่งกันหายใจ ผมทั้งหมดแรงคนแก่ แต่ก็ยังไหว
เพราะใจมันพองน่ะ!

เข้าไปบริเวณวัดพระแก้ว เหมือนอยู่โลกทิพย์ มีแต่ความปีติ อิ่มเอิบ ดีใจและเป็นสุข
เท่าที่สังเกต ถ้วนทั่วทุกตัวคน ก็จะเป็นแบบนั้น
ถึงคิวไหลเข้าไปในพระอุโบสถเมื่อไหร่-ก็เมื่อนั้น
เพราะ “ใจ” ผมถึงแล้ว

ไหว้ท่านตั้งแต่เหยียบเข้าไปในเขตพระบรมมหาราชวังแล้ว ฉะนั้น จะได้เข้า-หรือไม่ได้เข้าไป ค่าเท่ากัน
เพียงแต่ว่า ถ้าได้เข้าไป ได้ยกมือไหว้และตาได้เห็นพระแก้ว ก็นับเป็นบุญตา-วาสนากาย ที่เพิ่มพูน

อิ่มอก-อิ่มใจ….
เกิดชาติหน้าฉันใด ขอได้เกิดในแผ่นดินไทย สมบูรณ์ด้วย “ชาติ พระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์” เช่นนี้ตลอดไป

ขอบคุณรัฐบาลประยุทธ์ ขอบคุณลุงตู่
๘ ปี ที่ถูกคณะบุคคลคณะหนึ่ง ที่สูญเสียโอกาสกินเมือง คลั่งแค้น ทั้งชังชาติและจ้องล้มสถาบัน ทั้งชิงชัง หาเหตุก่นด่า ขับไล่

กับวันนี้ ที่ท่านอดทน ด้วยมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย จนได้รับความชื่นชม และเชื่อถือจากนานาอารยชาติ
เดินนโยบาย “แหกวงล้อมโควิด” พิชิตโรค จนเป็นต้นแบบให้แต่ละประเทศทั่วโลกเดินตาม

“เปิดประเทศ” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยด้วยกัน ได้เดินทางท่องเที่ยว หมุนเครื่องจักรเศรษฐกิจที่หยุดนิ่งให้ขยับเขยื้อน

คุ้มเกินคุ้ม!
ใครจะด่า จะว่า จะชัง ก็ช่างเขาเถิด เราไม่รับ ก็ตกอยู่ที่เขา

ข้อสำคัญ….
เราทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองและประชาชน “สุจริตเป็นที่ตั้ง” คนอื่น-ไม่รู้-ไม่เห็น หรือ รู้-เห็น
ก็ไม่สำคัญเท่า “ตัวเอง” รู้ว่าตัวเอง ได้ทำอะไรให้กับ “สังคมชาติ” นั่นเป็นหลักใหญ่ และแค่นั้นพอแล้ว

เพราะ “กุศล-อกุศล” ไม่ได้มาจากผู้อื่น
หากแต่มาจาก “ตัวเราทำ” ทั้งสิ้น!

ผมเห็นแม่ค้า-แม่ขายรายทาง ระดับบ้านๆ มีอะไร “ขายได้ทุกอย่าง” แววตาบ่งบอกสุข ผมก็พลอยสุข

ตอนเดินกลับไปขึ้นรถไฟฟ้า พลังงานหมด ต้องเข้าคิวซื้อไอติมตักจากพ่อค้าริมกำแพงวัดโพธิ์เติมสาร จนพอมีแรงลากสังขารกลับไปสถานีสนามไชย

สรุปแล้ว ผมได้ไหลเข้าไปในพระอุโบสถ ยกมือพนมไหว้พระแก้ว ไม่ทันได้นั่งกราบ ก็ต้องไหลไปประตูทางออก
บุญจริงๆ ที่ไม่ล้ม….

ถ้าล้มคงจมคาสารพัดเท้าอยู่ในวัดพระแก้วนั่นแหละ ต้องบอกว่า โลกนี้กว้างใหญ่ แต่ผู้ใด ไม่ว่าคนชาติไหน วาสนานำพาได้มาไหว้พระแก้ว นั่นคือ วาสนาที่สั่งสม

“นรกปิด-สวรรค์เปิด” ผมมั่นใจ!
รอดออกมาจากวัดพระแก้ว ผมยังศรัทธาแก้กล้า ไปไหว้ศาลหลักเมืองต่อ

พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระสยามเทวาธิราช ท้าวสักกเทวราช ท้าวมหาพรหม ท้าวจตุโลกบาล ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อพระกาฬไชยศรี
“ยกมือจบ-จิตตั้ง” ก็ถึงแล้ว

ฝ่าฝูงมหาชนเข้าไปไม่ไหว จากนั้น ก็ฝ่าเปลวแดดยามดวงอาทิตย์ใกล้โลก
กะโผลก-กะเผลก ไปขึ้นรถไฟฟ้า Next Station ที่จะไปหาข้าวกินก็เยาวราช ความแก่ก็มีราคา ค่าตั๋วไปลงสถานีมังกร ๑๐ บาทเอง!

ออกจากสถานีมังกร ก็เป็นถนนแปลงนาม
ตาย…ตาย..ตายแน่ๆ!

จากวัดพระแก้ว กะไปตายดาบหน้า เห็นคนที่เยาวราช เหมือนหนีเสือปะจรเข้ จะมาหมดแรงตายซะที่เยาวราชก็ไม่รู้
เพราะคนล้านแปดอีกนั่นแหละ

ลุงตู่มีมนต์ “เรียกเนื้อ-เรียกปลา” ของพระสังข์ทองหรืออย่างไร นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศถึงได้มากันชนิด “เยาวราชแตก”

ขนาด “ร้านทอง” คนยังเข้าคิว ผมก็เข้ามั่ง ยืนเต๊ะจุ๊ย ถ่ายรูปไว้อวดยาจก
ข้ามฟากไปร้าน “ตั้งใจอยู่” ในตำนาน กินฟรีหรือเสียตังค์กันเนี่ย เพราะคิวยาวหลาย

ไหน..คนไหน ที่บอกว่า “๘ ปีลุงตู่ คนจะอดตายกันหมดแล้ว ยกมือขึ้น”
จะซื้อทองไปตบปาก เอ๊ย…ตบรางวัลซักแท่ง!

ไหนๆมาเยาวราช ก็ต้องไปแวะกินกาแแฟ “เอี๊ยะแซ” ที่อายุแก่กว่าผม
แต่คนมีบุญก็เงี้ย เจอคุณ “กนก ท็อปนิวส์” เลยได้กินฟรี

คุณกนกสั่งทั้งโอยั๊วะ ทั้งน้ำเฮ่งยิ้งเย็น ทั้งขนมปังทาแยม ขนมปังสังขยา มาเลี้ยง เรียกว่าจัดเต็ม
เลยแบ่งบุญที่ไปไหว้พระแก้ว ให้ไปนิดนึง ขยักเอามาแจกจ่ายท่านผู้อื่นมากๆ

โหนรถใต้ดินจากสถานีมังกรมาสถานีลาดพร้าวฯ อยากจะร้องไห้ ตื้นตันประเทศไทยน่ะครับ ยัดทะนานทุกขบวน
ที่สำคัญ ไม่เพียงวัตถุคือบ้านเมืองที่พัฒนา
หากแต่คนไทยก็พัฒนาความเป็นคน “สังคมเมือง” ปรับตัวใช้ชีวิต “สังคมรวม” ด้วยทัศนคติและระเบียบ-วินัยพัฒนาตามไปด้วย

ที่น่าคิดอย่างหนึ่งก็คือ…..
ร้อยละ ๙๐ ทุกลมหายใจ มือข้างหนึ่งโหน อีกข้างไถมือถือ หน้าก้มอยู่กับจอ
“ต่างคน-ต่างมีโลกของตัวเอง”

และโลกนั้น “รวมศูนย์” อยู่ที่มือถือ!?
ฉะนั้น จงเข้าใจสังคมยุคนี้เถิดว่า
“ครองมือถือได้ เท่ากับครองโลกได้”!

เปลว สีเงิน
๓ มกราคม ๒๕๖๖

 

Written By
More from plew
ศัตรูในมิตร-มิตรในศัตรู – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ผมคุยคนเดียวทุกวัน ท่านก็ฟังคนเดียวทุกวัน น่าเบื่อ! ถ้างั้น วันนี้ เรามาเล่นเกม “แกะรอย” กัน จะให้ตัวจิ๊กซอว์เอาไปประกอบกันเอง ออกมาเป็นตัวอะไร...
Read More
0 replies on “ตามประสาไป-มา เล่าสู่ – เปลว สีเงิน”