ในหลวง-พระราชินี เสด็จออกทรงรับพระประมุข ประธานาธิบดี ผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส ในโอกาสมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปก (ชมคลิปโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงรับพระประมุข ประธานาธิบดี และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายกรัฐมนตรี และผู้แทนประเทศ ซึ่งเป็นผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนิน และเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก หรือ เอเปก ครั้งที่ 29

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา 17.46 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

ทรงรับพระประมุข ประธานาธิบดี และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี และผู้แทนประเทศ ซึ่งเป็นผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนิน และเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก หรือ เอเปก (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส


Written By
More from pp
ครอบครัวเพื่อไทยอีสานใต้กระแสดี เหตุรัฐบาลนี้ทำคนสิ้นหวัง “ชนินทร์” เผยชาวสุรินทร์ลำบากหนัก อยากได้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
ครอบครัวเพื่อไทยอีสานใต้กระแสดี เหตุรัฐบาลนี้ทำคนสิ้นหวัง “ชนินทร์” เผยชาวสุรินทร์ลำบากหนัก อยากได้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โต้คนโจมตีรถไฟความเร็วสูงขนทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ถามรถไฟความความเร็วสูงประยุทธ์ สร้าง 5 ปี ได้มา 3.5...
Read More
0 replies on “ในหลวง-พระราชินี เสด็จออกทรงรับพระประมุข ประธานาธิบดี ผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส ในโอกาสมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปก (ชมคลิปโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ)”