เปลว สีเงิน
มั้ยล่ะ….?
เห็น “นายกฯประยุทธ์” นำประเทศขึ้นอันดับ “ดี-เด่น-ดัง”
ยิ่งการประชุม APEC ในสัปดาห์นี้
“สปอตไลท์โลก” พุ่งจับมาที่ไทยและนายกฯ ประยุทธ์เจิดจ้าด้วยแล้ว
เท่านั้นแหละ…..
หัวหน้าคอกหมาบ้า ปล่อยสมุน “ฟัด” นายกฯ ทันที!
“นพดล ปัทมะ” รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พูดเมื่อวาน (๑๓ พย.๖๕) ใจความว่า
“สัปดาห์หน้า (คือสัปดาห์นี้-เปลว) ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ถือเป็นเกียรติของประเทศ
ในปี ๒๕๔๖ ไทยเคยเป็นเจ้าภาพในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเป็นแกนนำ
ความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพนั้น อาจดูได้จากการมีผู้นำมาประชุมมากน้อยแค่ไหน
เนื่องจากครั้งนี้ เป็นการประชุมสุดยอด ไม่ใช่ระดับรัฐมนตรี
นอกจากนั้น ต้องดูว่าเนื้อหาสาระของการประชุม ไทยได้ผลักดันประเด็นที่สำคัญอะไรสำเร็จบ้าง
มีข้อสังเกตว่า………..
๑. การประชุมเอเปกปี ๒๕๔๖ เกิดขึ้นหลังการระบาดโรคซาร์ ในปีนี้ เกิดขึ้นหลังระบาดโควิด แต่ครั้งนี้ ผู้นำหลายประเทศ ไม่ได้เดินทางมา
ขณะที่ในปี ๒๕๔๖ ผู้นำมาเกือบครบ สถานะประเทศไทยในเวทีโลกขณะนั้น โดดเด่น
ในการประชุมเอเปกนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้จับมือกับประธานาธิบดีไบเดน ที่กรุงเทพฯ
เนื่องจากท่านมาประชุมที่ประเทศกัมพูชา และบินไปประชุมต่อที่ประเทศอินโดนีเซีย และกลับประเทศ
ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาว่า “๘ ปีที่ผ่านมาประเมินตนเองอย่างไร?”
๒.ความสามารถของผู้นำรัฐบาลของประเทศเจ้าภาพจะส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของการประชุม
เพราะต้องเป็นประธานในที่ประชุมด้วยตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันข้อมติร่วมหรือผลักดันวาระของไทย
ขอเสนอว่า หลังประชุมเสร็จ รัฐบาลควรให้นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญประเมินหาตัวชี้วัดความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพ เพื่อการประเมินที่ถูกต้อง
รัฐบาลประสบความสำเร็จในการเผยแพร่เมนูรายการอาหารผู้นำที่มาร่วมประชุมเอเปก
ประกาศจุดห้ามชุมนุมในบางจุด และเด็กนักเรียนต้องเสียสละหยุดเรียน ๒ วัน เชื่อว่าคนไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพที่ดี
แต่อยากให้รัฐบาลบอกให้ชัดเป็นรูปธรรม ว่าคนไทยจะได้อะไรบ้างในทางการค้าการลงทุน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปข้างหน้า
จะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยคนไทยจำนวนมาก มีความหวังว่า หลังการประชุมเอเปก จะได้มีโอกาสเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
เพื่อเลือก ส.ส.และพรรคการเมือง นำไปสู่การเป็นรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอย่างมีประสิทธิผลต่อไป”
ผมอ่านจากข่าวแล้ว ได้แค่ครางในใจ….
อืมมมม…
นักเรียนทุน “มูลนิธิอานันทมหิดล” จบจากออกซฟอร์ดอังกฤษ
ใช้ความรู้ด้านกฎหมายจากทุน “อานันทมหิดล” นั้น ไปรับใช้ทักษิณ “คนโกงบ้าน-กินเมือง”
“ชาติหมาย่อมอดกินขี้ไม่ได้” สุภาษิตไทยนี้ มีความหมายอย่างใด ช่วยกันตีความด้วย!
ก็เอาหละ อยากบอกกับท่านมหาบัณฑิตจากลอนดอนสัก ๒-๓ ประโยคว่า
“เจ้าจะสำนึกดีได้อย่างไร…..?
ในเมื่อหัวใจเจ้า ห่อหุ้มด้วยโมหะ เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
ถอดหัวใจทาสของเจ้าออกสิ เก็บสายตาเหล่ไว้ มองตรงๆ แล้วเปิดอ้าหัวใจวิญญูชน มองความเป็นจริงขณะนี้ด้วยสัมมาทิฐิ
เจ้าก็จะเห็น ว่าไทยได้อะไรจากการประชุม APEC!
กับแค่ไบเดนไม่มาให้จับมือ มีน้ำหนักถึงขั้นนำไปสรุปว่า การประชุมเอเปกครั้งนี้ “ล้มเหลว”
สู้สมัยทักษิณไม่ได้ มันขนาดนั้นเชียวหรือ?
นพดลเอ๋ย….
เจ้าเป็นที่ปรึกษาทักษิณ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศใน “ระบอบทักษิณ”
เจ้าไม่รู้เลยหรือว่า….
ในความเป็นประเทศสมาชิก ล้วนมีเกียรติเสมอเหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าตัวผู้นำหรือตัวแทนผู้นำ
เมื่อมาในฐานะ “ตัวแทนประเทศ” ล้วนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เสมอเหมือนกัน
ที่เจ้าพูด ว่า……
“ประชุมเอเปกนี้ พลเอกประยุทธ์ คงไม่ได้จับมือกับประธานาธิบดีไบเดน ที่กรุงเทพฯ
เนื่องจากท่านมาประชุมที่ประเทศกัมพูชาและบินไปประชุมต่อที่ประเทศอินโดนีเซีย และกลับประเทศ
ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาว่า ๘ ปีที่ผ่านมา ประเมินตนเองอย่างไร? นั้น
การพูดเช่นนี้ จากคนพรรคเพื่อไทย ก็เป็นที่เข้าใจได้ ว่าต้องการ “ดิสเครดิต” นายกฯ ประยุทธ์
แต่ไม่คิดมุมกลับบ้างหรือ เพื่อไทยก็เจ้าของประเทศด้วยเช่นกัน เมื่อไม่ช่วยกัน ก็อย่าทำลายเลย
อย่าให้ความริษยาทำลายความเป็นคน จนแยกแยะอะไรไม่ได้ขนาดนั้นเลย
ทำไม…?
ต้อง “ไบเดน” คนเดียวเท่านั้นหรือ คือหน้าตา คือเกียรติ คือความสำเร็จ ของการประชุม APEC ครั้งนี้
คนอื่นๆทั้ง “นางกมลา แฮร์รีส” จากสหรัฐฯ และทั้งผู้นำอีก ๒๐ เขตเศรษฐกิจ ที่มาร่วมประชุม
ไม่มีค่า ไม่มีเกียรติ เท่า “ไบเดน” คนเดียว งั้นหรือ?
คุณเอาความคิดทาสมาพูดเยี่ยงขบวนการชังชาติเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้ทักษิณและตัวคุณดูเด่น ดูมีค่า อะไรขึ้นเลย
ตรงกันข้าม….
คำพูดคุณ กลับขับเน้นคำว่า “งาช้างย่อมไม่งอกจากปากสุนัข” เด่นชัดขึ้น!
สหรัฐฯ อาจไม่ให้ค่าประเทศไทยและไม่ให้หน้านายกฯ ประยุทธ์เท่ากับให้ทักษิณตอนนั้น ก็อาจเป็นได้ ในความคิดคนอย่างคุณ
แต่ก็ต้องย้อนดูถึงสถานการณ์โลกตอนนั้นกับตอนนี้รวมทั้งบริบทด้วย
สถานการณ์โลกขณะนี้ เป็นอย่างไร ก็ทราบอยู่ และไทยเดินนโยบาย “เป็นกลาง” ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็เห็นชัดอยู่
ที่สำคัญ….
นโยบายรัฐบาลประยุทธ์ “ไม่ขายแผ่นดิน-ไม่ต้องการผลประโยชน์เชิง WIN…WIN” โดยยอมให้ใครใช้ประเทศเป็นฐานทัพ
ทั้งไม่ยอมไล่จับคนนั้น-คนนี้ส่งให้ตาม “ใบสั่ง” สหรัฐฯ
มันจึงเกิดขบวนการ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ปลุกปั่นหลอกใช้เด็กเป็นเครื่องมือขณะนี้ไง
ส่วนในสมัย “รัฐบาลทักษิณ”…….
“ตัวทักษิณ” เป็นทั้งหุ้นส่วนในขบวนการ CFR ผ่านกลุ่มธุรกิจ”คาร์ลไลส์กรุ๊ป “ที่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช” เป็นที่ปรึกษา
มีเป้าหมายเข้ามาลงทุนธุรกิจ “สื่อสารโทรคมนาคม” ในย่านเอเชีย
และรัฐบาลทักษิณ มีมโยบาย “ขายแผ่นดิน” ให้สหรัฐฯ เข้ามาใช้เป็นฐานการทัพ เพื่อ “คานอำนาจจีน”
เรียกว่า “ทักษิณ-สหรัฐ” เป็นหุ้นส่วน WIN…. WIN ด้วยกัน ทั้งขึ้น-ทั้งล่อง
ทำสงครามยาเสพติด ฆ่าคนตายเป็นพัน ภาคใต้ว่าโจรกระจอก แล้วทั้งกรือเซะ-ตากใบ ก็ฆ่าพี่น้องไทยมุสลิมเป็นร้อยให้เห็นจะจะ
ใครขวางทักษิณ โดนยัดข้อหา-ยัดคดี ถูกอุ้มหายอีกไม่รู้เท่าไหร่
แต่ขบวนการสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน-ฮิวหมาที่ไหน รวมทั้งนักวิชาการ จานมหา’ลัย สื่อ NGOs
แซ่สร้องสรรเสริญ “ยุคทักษิณ…ยุคประชาธิปไตยจงเจริญ”
บ้านเมืองไม่มีม็อบ….
ไม่มีใครโพสต์-ใครแชร์ ว่ารัฐบาลเฮงซวย..ทักษิณกินชาติ-ขายชาติ เหมือนตอนนี้
เพราะมันเหล่านั้น ท้องเต่งด้วยน้ำข้าวขุน หมอบคาใต้ถุน หอนรับอย่างเดียว ไม่มีเห่า
ทั้งพวกซีไอเอ….ซีเองเอ๋ง ที่อยู่เกลื่อนเมืองไทยเดินงานใต้ดินทั้งเหนือ-อีสาน-ใต้ ก็พอใจ
ในเมื่อเมืองไทย สหรัฐฯต้องการอะไร….
ระบอบทักษิณ “จัดเต็ม” ให้ ตามนโยบาย WIN…WIN
มันเป็นอย่างนี้แหละ…พี่น้องไทยเอ๋ย!
นพดลก็เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศมาก่อน “ใจเป็นทาส-ตัวเป็นไทย” ย่อมไปอยู่ในตำแหน่งนั้นไม่ได้ จริงมั้ย?
ฉะนั้น ย่อมทราบ…….
ราชอาณาจักรไทย “เป็นชาติ” มีมาก่อนสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ
“สหรัฐอเมริกา” ไม่เป็นชาติ
หากแต่เป็น “สหพันธ์สาธารณรัฐ” จากคนร้อยพ่อ-พันแม่ รวมกัน เมื่อ ๒๔๐ กว่าปีมานี่เอง
ฉะนั้น เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของประเทศไทย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับไบเดนจะมาหรือไม่มา
หากแต่ขึ้นอยู่กับพวกเรา “คนไทยทุกคน” จะทำให้ชาติไทยของเรา “มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี” หรือไม่ตะหาก!
ถ้าคนไทยเป็นแค่ “หมาตัวหนึ่ง” ในคอกทักษิณ “ที่สหรัฐฯเลี้ยง” นั่นแหละ คือการทำลายศักดิ์ศรี เกียรติยศประเทศชาติของเรา
เพราะ “หมาสหรัฐเลี้ยง” สายเลือด-สายพันธุ์มันคือ “โจรปล้นแผ่นดิน”!
พร้อม “ขายแผ่นดิน” ให้เป็น “ฐานทัพอเมริกัน”
ดังนั้น ไบเดน ไม่มา…….
ในขณะที่ชาติสมาชิกอื่นๆ อีก ๒๐ เขตเศรษฐกิจเขามา และ ๓ ประเทศแขกรับเชิญของนายกฯมา คือ
-ประธานาธิบดีฝรั่งเศส “นายเอมานูว์แอล มาครง”
-มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย “เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีช อาล ละอูด”
-นายกรัฐมนตรีกัมพูชา “สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน”
เช่นนี้แล้ว……
แค่ประธานาธิบดีไบเดนไม่มา จะนำไปพูด “ด้อยค่าประเทศ-ด้อยค่านายกฯ” แบบนั้น
คนที่มีใจเป็นธรรม “รับไม่ได้”!
ยิ่งยกทักษิณ “คนขายแผ่นดิน-กินเมือง” ขึ้นมาเหยียบประยุทธ์ “คนสร้างบ้าน-สร้างเมือง” อย่างนี้
ถ้าไม่ใช่ “ขี้ข้าโจร” ตัวจริง จะ “กระดากปาก”!
เปลว สีเงิน
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕