“โลกศาสตร์-จิตศาสตร์” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ผมเป็นคนไทย ตอนนี้ ยังอิจฉาประเทศไทยเลย
ก็ทั้งโลก…..
กำลังทุกข์ขุกเข็ญ ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยสงคราม ภัยโรคระบาด ทั้งหากินฝืดเคือง ยากจนค่นแค้น ในรอบศตวรรษ
แต่พื้นที่ส่วนหนึ่งของโลก
จำนวน ๕๑๓,๑๒๐ ตร.กม.หรือ ๓๒๐,๗๐๐,๐๐๐ ไร่ ในอุษาคเนย์ ที่เรียก “แผ่นดินไทย-นามทอง”
กลับเงินไหลนอง-ทองไหลมา ไพร่ฟ้า ปวงประชา หน้าเขียว สลับหน้าใส ด้วยบ่มทุกข์-บ่มสุข ตาม “เพลงบุญ-เพลงกรรม”

ยามนี้ด้วยแล้ว เมื่อโควิดไป “ผู้บริหารประเทศ” มุ่งมั่น คุมทิศประเทศสู่เป้าหมาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

เดินนโยบายสายกลาง “เศรษฐกิจเข้มแข็ง-ไทยมั่งคั่ง-ทุกคนเคียงบ่า-เคียงไหล่ไปด้วยกัน”
ไทย “ยิ่งฟื้นในฟื้น”

นคราครึกครื้นฟื้นสุข การค้าฟูเฟื่อง ข้าวปลาอาหารไม่ฝืดเคือง ชื่อเสียงบ้านเมืองกระเดื่องไกล

อีกทั้งปวงประชา “หน้าเขียว-หน้าใส” คละกันไป
ทะเลาะตบตี สลับสามัคคีกลมเกลียวกันไป

ที่โคลงบ้าน-โคลงเมือง ก็โคลงกันไป
ที่รักษายึดมั่นประเทศชาติสถาบันไว้ ก็ยึดรักษากันไป

แต่บ้านเมืองไทย ก็ไม่ทุกข์ …..
ซ้ำสุข-สนุกสนาน ทุกทิวาวารแลราตรี ด้วยบ้านเมืองไทยนี้ มีทั้ง…
“พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง,พระหลักเมือง, พระสยามเทวาธิราช, ท้าวสักกเทวราช, ท้าวมหาพรหม

ท้าวจาตุโลกบาล, ท้าวเวสสุวรรณ, เจ้าพ่อหอกลอง, เจ้าพ่อเจตุปต์, พระกาฬไชยศรี คอยปกปักรักษา

นานาร้าย พระปัดป้องผ่อนคลาย นานาดี พระผลักไสนำเข้ามาอำนวยชัย

อีกทั้งคอยอภิบาลคนดี ที่เป็นศรีกับชาติบ้านเมือง

ส่วนคนไม่ดี คิดชั่ว-ชังชาติบ้านเมืองไทย
พระกาฬไชยศรี แลเจ้าพ่อเจตคุปต์ พระจะทำหน้าที่
เด็ดหัวไทยอัปรีย์…..

มันผู้ใด จะทำการใด ก็ให้พินาศภิณท์พัง ย่อยยับ ดับสลาย ปราชัย ทั้งอ้าย ทั้งอี ไปในทุกทิศสถาน

นี่….ณ หยดน้ำหยาดสู่ปฐพี
“พระผู้ก่อกำเนิดเกิดแผ่นดิน” นี้ ทรงจิตพิษฐานไว้

ฉะนั้น ก็อย่าดูแคลนกันไป ทั้ง “หัวเก่า-หัวใหม่” ในวาระองค์เจตคุปต์ “เจ้าพ่อแห่งคุก” ออกรอบ “เช็คพอยท์-เช็คบิล” ส่งท้ายปี!

๕-๖-๗-๘ พฤศจิกา.เทศกาล “ลอยกระทง” ปีนี้ ดูเหมือน “ดินฟ้าอากาศ” เป็นใจมากนะ ท่านว่ามั้ย?

ไม่เพียงคนไทย…
“คนเทศ” ที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนเขื่อนแตกตอนนี้ เมื่อพบบรรยากาศไทย พวกเขาดูเหมือนจะ “หลุดมิติ” เข้าเมืองสวรรค์

เมื่อเห็นพระปรางค์วัดอรุณ วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ โบสถ์คริสต์ มัสยิด ศาลเจ้า ริมเจ้าพระยา ฝั่งธน
ได้นั่งรถตุ๊กตุ๊ก

ได้ลิ้มลองอาหารการกินย่านเยาวราช ได้ชอปปิ้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของที่ระลึก ราคาไม่แพง ย่านประตูน้ำ ย่านสำเพ็ง ย่านพาหุรัด

ได้ซอกซอนเข้าตรอกนั้น ซอยนี้ ของกรุงเทพฯ ย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ เช่นย่าน เพชรบุรี สุขุมวิท เจริญกรุง

บวกเสียงทักทาย รอยยิ้มเต็มใบหน้า พ่อค้า-แม่ขายไทย กุลี-กุจอช่วยเหลือดูแล
แม้พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ภาษากายและภาษาใจ ทุกชาติในโลก สื่อสารเข้าใจกันได้

คนไทยน่ารัก เมืองไทยมีอะไรให้ตื่นตา-ตื่นใจตลอดเวลา อีกทั้งอาหาร ขนูกขนม ของกินเล่น-กินจริง หลากหลายให้ลิ้มลอง ล้วนอร่อยทั้งนั้น

ที่สำคัญ คนไทยซื่อสัตย์ (ส่วนใหญ่)….
ไม่ขายโขกราคากับคนต่างชาติเหมือนตะก่อน ตรงนี้ ต้องชื่นชม พ่อค้า-แม่ขายคนไทยไว้ตรงนี้เลย

เท่าที่ผมเฝ้าดูการพลิกฟื้นของประเทศ….

ประการแรก ถึงสิ้นปี ๒๕๖๕ นักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านคนแน่นอน เข้ามาเมืองไทย

ต่างจากก่อนโควิด ตรงว่า เมื่อก่อน นักท่องเที่ยวยุโรป จีน ญี่ปุ่น จะมาก
แต่ตอนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจากอาเซียน-เอเซียด้วยกัน เช่น จากเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย บังคลาเทศ

ประการที่สอง กระจายตัวท่องเที่ยวไปทั่วทุกจังหวัด มาก-น้อย ตามแรงดึงดูดของสถานที่

ประการที่สาม คนไทย เป็นเจ้าบ้านที่ดี การฉกชิง ทำร้ายนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นน้อยมาก

ประการที่สี่ ขอย้ำเน้นไว้เลยว่า นักท่องเที่ยวเขาต้องการมาดื่มด่ำสัมผัสบรรยากาศ ชีวิตความเป็นอยู่, สภาพสังคมเป็นจริงตามธรรมชาติ

ฉะนั้น เราไม่ต้องไปปรุงแต่ง เอาสวย-เอางาม ให้ผิดเพี้่ยนไปจากของเดิม
ซึ่งเขาเบื่อ และจำเจ พวกอิฐ พวกปูน หรูหรา สีสันฉาบทา ที่ไหนก็มีในโลก ประเภทนั้น

เขาอยากเห็น อยากสัมผัส “ที่เป็น-อย่างที่เราเป็น” นั่นแหละธรรมชาติบริสุทธิ์ ที่สังคมโลกวันนี้ต้องการ

รอยยิ้ม อัธยาศัยไมตรี เรามีอยู่แล้ว….
เพียงเติม “ความสะอาด-ความสะดวก-ความปลอดภัย” ให้นักท่องเที่ยวเท่านั้น แค่นั้น Soft Power มาเต็ม!

ก็อย่างเคยคุยกันเป็นร้อยครั้ง ที่ว่าไทยแย่นั้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อีกมากมายในโลก

“แย่ของไทย” คือ “เยี่ยมที่สุด” ของโลก!!!

ผมไม่โทษคนเหยียดบ้านเมืองไทยของตัวเองหรอก เพราะเขายังไม่เคยออกไปสัมผัสโลกกว้าง
จึงไม่รู้ “นรกมีจริง”

อีกทั้งนิทานอีสปเรื่อง “กบเลือกนาย” ก็คงไม่เคยอ่าน จึงเรียกร้องจะเอาอย่างประเทศโน้น-ประเทศนี้

ได้ “นกกระสา” สีแดง-สีส้ม เข้ามาปกครองเมื่อไหร่
“กบ” จะรู้ว่าตัวว่าเป็น “เหยื่อ”
ก็ตอนถูก “นกกระสา” จิกกินทีละตัว จนกระทั่งหมดทั้งสระจ้อยนั่นแหละ!

เมืองไทย จะเป็น “ถิ่นวิไล” ก็จากระหว่างรอยต่อนี้กระมัง คือพวก “กบเลือกนาย” ถูกนกกระสาสีแดง-สีส้ม จิกกินบ้าง

ถูก “เจ้าพ่อเจตคุปต์” นำตัวไปเป็นลูกศิษย์อยู่ในคุกบ้าง ที่พอเหลือ ถึงจะได้ “ตาสว่าง” กันซะที

นกไซบีเรียอพยพ “หนีหนาว” มาอยู่เมืองไทยทุกปี ฉันใด
ตอนนี้ “คนตะวันตก” ที่มีเงิน กำลัง “หนีนรก” จากยุโรป-สหรัฐ มาลงทุนที่ EEC ประเทศไทย ฉันนั้น

EEC นอกจากนักลงทุน “ญี่ปุ่น” ซึ่งตาแหลมคม นองเห็นการณ์ไกลในอนาคตจากไทย เข้ามาลงทุนอยู่ก่อนแล้ว

ขณะนี้ ต้องบอกว่า “นานาชาติ” พาเหรดเข้ามายื่นแผนการลงทุน ทั้งลงทุนเองและร่วมทุนไทย น้องๆ ตลาดแตก

ไม่ว่าจากสหรัฐ จากยุโรป จากจีน และที่เหนือคาดหมาย เป็น “จุดเปลี่ยนประเทศ” ด้านเศรษฐกิจ-การลงทุน

คือ ชาติตะวันออกกลาง “ซาอุดีอาระเบีย” …..

รัฐบาลไหนๆในรอบ ๓๐ ปี ไม่เคยทำได้
แต่รัฐบาล “พลเอกประยุทธ์” และ “รัฐมนตรีดอน” ทำได้ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้น “กลับคืนมา” ปานปาฎิหาริย์

ไม่คืนสัมพันธ์เฉยๆ
กลับกระตือรือร้น ฟื้นฟูสัมพันธ์ “ในทุกด้าน” ระหว่างซาอุฯ-ไทย แบบจริงจัง-จริงใจ

เจริญงอกงาม รวดเร็ว อันไม่เคยปรากฏ “ความรวดเร็ว-มุ่งมั่น-จริงใจ” เช่นนี้มาก่อน

กับประเทศไหนๆ ระหว่างกัน จะพูดว่า “ในรอบศตวรรรษ” ก็ไม่ผิด

นอกจาก “ลอยกระทง” ที่คึกคักประเทศแล้ว

ต่อเนื่องกัน ขบวนผู้นำ ๒๑ เขตเศรษฐกิจโลก ไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ คน จะทะยอยกันเข้ามาเป็น “แขกบ้าน-แขกเมือง” กระจายไปตามโรงแรมต่างๆ

เพื่อร่วมการประชุม APEC 2022 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่าง ๑๘-๑๙ พฤศจิกา.นี้

ในจำนวน “สุดยอดผู้นำเอเปก” จาก ๒๑ เขตเศรษฐกิจแล้ว ไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพ ได้เชิญผู้นำ ๓ ประเทศมาเป็น “แขกพิเศษ” ของเอเปก

ประกอบด้วย “ประธานาธิบดีมาครง” แห่งฝรั่งเศส

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา “พลเอกอาวุโส สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน” ในฐานะประธานอาเซียน

และ “มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด” มกุฎราชกุมาร นายกรัฐมนตรี ซาอุดีอาระเบีย

และขณะนี้….
ระหว่าง ๖-๗ พฤศจิกา. “คาหลิด อับดุลอะซีส อัลฟาลิฮ์” รมว.กระทรวงการลงทุนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐ-ภาคเอกชนซาอุดีอาระเบีย กว่า ๘๐ คน เดินทางเข้ามา ตามคำเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย “ดอน ปรมัตถ์วินัย”
เพื่อพบปะหารือภาครัฐและภาคเอกชนไทย

กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า-การลงทุนระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย
ก่อนที่องค์มกุฎราชกุมาร “มุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด” จะเสด็จมาเยือนไทยตามคำกราบบังคมทูลเชิญของนายกฯประยุทธ์ ตอนไปเยือนซาอูดีฯเมื่อต้นปี

เห็นชัดว่า การมาของ “คาหลิด อับดุลอะซีส อัลฟาลิฮ์” รมว.กระทรวงการลงทุนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

เป็นการมาเห็น “รูปธรรม” ด้านจริงใจ-จริงจังที่จะมาลงทุนในประเทศไทยชัดเจนมาก

เพราะนอกจาก นำคณะหารือกับกระทรวงต่างประเทศ กระทรวง กระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงพลังงานแล้ว ยังลงพื้นที่ EEC ด้วย

เนี่ย ที่หยิบโน่น-นี่มาคุย วันนี้….
ก็เพื่อบอกให้พวกเราคนไทยได้รู้ว่า สิ่งที่คนข้างนอกคือ “ต่างชาติ” เขามองเข้ามาในไทย
กับสิ่งที่คนข้างในคือ “คนไทยด้วยกัน” มองบ้านเมืองตัวเอง มัน “คนละมิติ” กันเลย

เขาเห็นเมืองไทยคือ “สวรรค์บนดิน” เห็นอนาคต “ก้าวแกร่ง-ก้าวไกล” ในศักยภาพไทย เห็นอู่ข้าว-อู้น้ำ ความน่ารัก ความมีน้ำจิต-น้ำใจของคนไทย

อยากเข้ามาลงทุน มาเที่ยว มาพักอาศัย ให้ “ประเทศไทย” เป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ของเขา

แต่พวกเรากันเอง ก็ไม่ว่ากันนะ เพียงอยากบอกในความเป็นไทยที่ “ตัดไม่ตาย-ขายไม่ขาด” จากกัน

ไม่รักชาติบ้านเมือง ไม่รักสถาบัน ก็ไม่เป็นไร
คุณมีสิทธินั้น

แต่ “ขอให้เก็บไว้ในใจ” อย่าแสดงออก “ด้วยการกระทำ”

ไม่เช่นนั้น คนไทยอีกส่วนหนึ่ง เขาก็มีสิทธิแสดงออกด้วยการ “กระทืบ”

“เจ้าพ่อพระกาฬไชยศรี” และ “เจ้าพ่อเจตคุปต์” ผู้ปกบ้าน-ป้องเมือง ท่านบอกผม!

เปลว สีเงิน
๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

 

Written By
More from plew
“เอกอัครศาสนูปถัมภก” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์” = ประเทศไทย แยก “อย่างใด-อย่างหนึ่ง” ออกจากกันไป นั่นหมายถึง ไม่มี...
Read More
0 replies on ““โลกศาสตร์-จิตศาสตร์” – เปลว สีเงิน”