ผักกาดหอม
“พร้อมสู้คดี”
ต้องยกนิ้วให้ “นายหัวชวน” ครับ คดีค้างเก่าที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ฟ้องหมิ่นประมาท จะหมดอายุความวันที่ ๒๘ ตุลาคมนี้
จู่ๆ ได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวน ให้ไปพบพนักงานอัยการเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อส่งตัวฟ้องศาล
นายหัวชวน สั่ง “ราเมศ รัตนะเชวง” ทนายความว่า…
“…ราเมศอย่าให้คดีขาดอายุความ องค์กรตำรวจ องค์กรอัยการจะเสียหายได้ จะต้องยึดหลักในการเคารพกฎหมาย ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมสู้คดี…”
คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ นายหัวชวน ปราศรัยนโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งสมัยทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่บริหารผิดพลาด
ที่จริงสามารถดึงเรื่องให้หมดอายุความได้ เพราะเหลือแค่ ๓ วัน จากอายุความ ๑๐ ปี แต่ นายหัวชวน เลือกที่จะสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
เทียบกับ นักโทษหนีคุกคดีโกง ต่างกันลิบลับ
ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
หนำซ้ำยังทำลาย อ้างยุติธรรมสองมาตรฐาน
นั่นคือตัวตนของ “ทักษิณ”
ครับ…เมื่อคืนวันอังคาร “ทักษิณ” ไปพูดใน Clubhouse ถึงเหตุการณ์ตากใบ ที่ครบรอบ ๑๘ ปี
และ “ทักษิณ” เพิ่งจะขอโทษหลังเหตุการณ์ผ่านไป ๑๘ ปี ก่อนนี้ แสดงท่าทีแค่ เสียใจ เท่านั้น
แต่แทนที่เหตุการณ์ซึ่งผ่านไป ๑๘ ปี ข้อเท็จจริงจะกระจ่าง “ทักษิณ” กลับบิดเบือนหนักกว่าเก่า
“ทักษิณ” ยังคงยืนกรานว่า ไม่ได้สั่ง ทหารทำกันเอง จนชาวบ้านเสียชีวิตนับร้อยศพ
“…วันนั้นได้รับรายงานขณะตีกอล์ฟย่านบางนา ได้รับรายงานว่า มีประชาชนมาล้อมสถานีตำรวจ ขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาว่าเอาอาวุธไปส่งให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จึงมาล้อมขอเอาตัวออกไป ซึ่งตำรวจถามผมว่าจะทำยังไง ผมบอกว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้ ตำรวจต้องดำเนินคดีตามกฎหมายก่อน ผมพูดแค่นี้หลังจากนั้นก็ตีกอล์ฟ ต่อมารู้อีกทีก็หลังเหตุการณ์เคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมและมีผู้เสียชีวิต ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งการ และเหตุการณ์ตัดตอนหลังการสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ เท่านั้น
หลังจากที่ผมออกจากประเทศไทยไปแล้ว มีโอกาสเจอตำรวจสันติบาลของมาเลเซีย ที่ประเทศเยอรมนี เขาเล่าว่า ตอนแรกมาเลเซียก็โกรธผม คนมุสลิมก็โกรธผม นึกว่าผมเป็นคนที่รังเกียจและทำร้ายมุสลิม ตอนหลังมาเขาพบว่า เป็นการกระทำของทหารที่วางแผนจะไม่เอาผม ตอนหลังมาทางมาเลเซียจึงไม่โกรธอะไรผม ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเล่าให้ผมฟัง เหตุการณ์ที่เอาคนไปซ้อนกัน เป็นเรื่องที่สั่งการโดยทหาร และพาคนเหล่านี้ไปค่ายทหาร ซึ่งผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งอะไรยังไง ตัดตอนตั้งแต่สลายการชุมนุมที่หน้าโรงพักตากใบ หลังจากนั้นเป็นเรื่องที่ทหารรับช่วงไป ผมไม่รู้เรื่องแล้ว ผมรู้แค่คนจะบุกเข้าไปเอาคน ๖ คนในโรงพัก มีการสลายการชุมนุม มีการใช้ปืนฉีดน้ำ มีการยิงกันนิดหน่อยหลังจากนั้นผมไม่รู้เรื่องแล้ว
ผมถือว่า ถึงแม้ผมไม่ได้สังการ แต่ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ผมต้องขอโทษ ขออภัย แก่บรรดาญาติพี่น้องของผู้ที่สูญเสีย และผู้ที่ได้รับความเสียหายในครั้งนั้นด้วย เพราะจริงๆ ที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ถือเป็นความผิดพลาดอย่างแรงของการลำเลียงผู้ต้องหาแบบนั้น
ต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ในฐานะเป็นอดีต ผบ.ทบ.ตอนนั้น ท่านจะรู้เรื่อง หาดูท่านจะชดเชยอย่างไร รัฐบาลนี้ก็กู้เงินมาเยอะ นี่จะชดเชยยังไงก็ว่าไปตามนั้น เพราะผมไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว วันที่มันเสียหาย มันอยู่ในมือทหาร
นายตำรวจมาเลเซียที่ผมเจอที่เยอรมัน บอกกับผมว่า ตอนหลังมาเขาสืบทราบจนรู้ว่า ทหารเขาวางแผนจะล้มผมตั้งแต่วันนั้นแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องจริง เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหารปี ๒๕๔๙ ประมาณ ๒ ปี และหลังจากนั้นก็จะมีม็อบพันธมิตรออกมา อะไรต่างๆ ออกมาเป็นชุด…”
ย้อนกลับไปวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ใน Clubhouse “ทักษิณ” พูดว่า
“รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ตอนนั้นอยู่ในการควบคุมทหาร ผมก็ได้รับรายงาน ก็เสียใจ จำไม่ค่อยได้ เสียใจ”
ปี ๒๕๖๔ บอกจำไม่ค่อยได้
ให้หลังแค่ปีกว่ามาเป็นฉากๆ
ถึงขั้นจับโยงทหารสร้างสถานการณ์ตากใบเพื่อปูทางทำรัฐประหาร
ไม่ทราบว่ามีใครเชื่อบ้าง
เหตุการณ์วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ “ทักษิณ” ตีกอล์ฟจนจบ ขณะที่สื่อมวลชนประเมินสถานการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มว่าอาจเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น
เพราะปี ๒๕๔๗ เกิดเหตุการณ์ใหญ่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง สองเหตุการณ์ในนั้นคือ เหตุการณ์ปล้นปืน “ค่ายปิเหล็ง” วันที่ ๔ มกราคม
วันนั้น “ทักษิณ” ยิ่งใหญ่มาก ตำหนิทหารด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า
“ถ้าคุณมีกองทหารทั้งกองพันอยู่ที่นั่น แต่คุณก็ยังไม่ระวังตัว ถ้าอย่างนั้นก็สมควรตาย”
มาสู่วาทกรรมที่จดจำกันจนถึงทุกวันนี้
“ไม่มีการแบ่งแยกดินแดน ไม่มีผู้ก่อการร้ายอุดมการณ์ มีแต่โจรกระจอก”
ถัดมาเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบชาวมุสลิมที่เข้าโจมตีจุดตรวจหน้ามัสยิดกรือเซะ วันที่ ๒๘ เมษายน ที่มัสยิดกรือเซะ
ฉะนั้นปี ๒๕๔๗ เป็นปีที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกจับตามองจากสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ แต่คนเป็นนายกฯ บอกว่าตัวเองเข้าไม่ถึงข้อมูล เพราะคนตัดสินใจคือทหาร
“ทักษิณ” พยายามพูดให้ตัวเองดูดี อ้างว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งการ แต่ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ขอโทษ ขออภัย
คนที่เชื่อก็คงจะมีแค่สาวก “ทักษิณ” เพราะคนกลุ่มนี้เชื่อสนิทใจว่า “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องรับผิดชอบในทุกเรื่องที่เกิดในประเทศไทย
สังหารหมู่ที่หนองบัวลำภู ก็อยู่ในความรับผิดชอบของ “พลเอกประยุทธ์”
วันนี้ “ทักษิณ” พยายามโยนความรับผิดชอบให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็น ผบ.ทบ.ในขณะนั้นว่าเป็นคนสั่งการ
“พลเอกประวิตร” เป็น ผบ.ทบ.ตั้งแต่ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ – ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘
คำถามคือ ขณะนั้น “ทักษิณ” ปล่อยให้ “พลเอกประวิตร” เป็น ผบ.ทบ. จนเกษียณอายุราชการ โดยไม่ทวงถามความรับผิดชอบใดๆ เลยได้อย่างไร
คนที่ถูกลงโทษในวันนั้นกลับเป็น แม่ทัพภาคที่ ๔ พลโทพิศาล วัฒนวงษ์คีรี
นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ “ทักษิณ” จับเหตุการณ์ตากใบไปโยงกับรัฐประหาร
เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นวันที่ ๒๕ ตุลาคม “พลเอกประวิตร” เป็น ผบ.ทบ.วันที่ ๑ ตุลาคม ขึ้นมาก็เตรียมทำรัฐประหารกันเลยอย่างนั้นหรือ
หรือว่าเตรียมการกันไว้ก่อน
แต่…ผบ.ทบ.คนก่อนหน้า คือ พลเอก ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ของทักษิณไม่ใช่หรือ
ยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งต้องฟังเรื่องโกหกจาก “ทักษิณ” มากขึ้น
นี่ก็โกหกเรียกแขกช่วงใกล้เลือกตั้ง
“…ผมขอแสดงความยินดีกับตัวเอง ตอนนี้ผมเป็นคุณปู่ป้ายแดงแล้ว พึ่งได้เป็นปู่ หลังจากเป็นตาให้หลานมาแล้ว ๔ คน ตอนนี้โอ๊คมีหลานให้ผมแล้ว ๒ คน ทำให้ตอนนี้ผมมีหลานแล้ว ๖ คน เลยอยากกลับไปเลี้ยงหลาน ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว ได้กลับแน่…”
ก็มาดิครับ
คุกรออยู่