หนังน้ำดีไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์?

ผสมโรง

สันต์ สะตอแมน

“อยากสร้างหนังน้ำดีให้คนต้องนั่งดู เลยเป็นแรงบันดาลใจขีดเส้นใต้ไว้เลยว่าเราต้องทำหนังน้ำดี”

นี่..เป็นประโยคสะดุดตา-สะกิดใจ และทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบเอาบทคำสัมภาษณ์ของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์..

กับก้าวใหม่ก้าวแรกบนเส้นทางธุรกิจภาพยนตร์ ในฐานะ “ผู้อำนวยการสร้าง” มาคุยวันนี้!

ก่อนอื่น ต้องกล่าวคำ “ขอต้อนรับ” ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทยคนใหม่  ซึ่งการที่คุณณวัฒน์ได้นำเงินมา “ลงทุน” สร้างหนังไทยในภาวะที่เป็นอยู่ในห้วงนี้..

 เห็นจะต้องพูดล่ะว่า..ใจกล้า-ใจถึงนัก!

จะว่าคุณณวัฒน์เดินดุ่มๆ เข้ามาแบบ “จิ๊กโก๋ผิดซอย” ไม่ได้รู้-ไม่ได้ศึกษาสภาวะ “ตลาดหนังไทย” อยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงก็ไม่น่าใช่ เพราะจากคำสัมภาษณ์..

“หลายคนก็ค้านว่ายุคนี้ทำไปก็อาจจะพลาดท่าเสียที เพราะที่ผ่านๆ มาใครทำกันก็ไม่ค่อยจะได้เงินเท่าไหร่ ก็คิดอยู่นะ แต่ก็มาคิดอีกว่าถ้าไม่เคยลอง ไม่เคยสู้จะไม่มีคำตอบที่แท้จริง”

นั่น..เท่ากับคุณณวัฒน์รู้-เข้าใจสภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอย่างดี และพร้อมที่จะใช้เงิน 20-30 ล้าน เพื่อสนองเจตนารมณ์..

อยากสร้างหนังน้ำดีให้คนต้องนั่งดู!

ก็..ปรบมือซิครับรอไร โดยเฉพาะสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ คณะกรรมการอย่ามัวแต่นั่งแอคอาร์ตอยู่บนเก้าอี้ แต่ควรที่จะได้รีบนำกระเช้าดอกมง-ดอกไม้ไปร่วมแสดงความยินดี

เพราะนานที ที่คนมีชื่อเสียง มีศักยภาพ จะได้หอบเงินเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย แต่ที่เห็นบ่อยก็ประเภท..

แคะกระปุก-กู้ยืมเงินทำหนังเพื่อสนองตัณหาตัวเอง!

ฉะนั้น เมื่อคุณณวัฒน์ที่เครดิตเป็นถึง “ประธานและผู้ก่อตั้งเวทีประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์” กระโจนเข้ามา องค์กรคนทำหนัง ก็ควรจะได้แสดงไมตรี ต้อนรับขับสู้ ให้เขารู้สึกอบอุ่น ไม่เคว้งคว้าง..

เพื่อเขาจะได้มีกำลังใจ สร้างสรรค์ผลงานหนังเรื่องแรก คือ “รักข้ามคาน” มาช่วยปลุกกระแสหนังไทยให้คึกคักในปีนี้!

“เราควักเงินไป 30 ล้านแล้วเราจะไหวไหม ตอบตรงๆ ว่าเราก็ลุ้นกันพอสมควร แต่มิสแกรนด์ของเราเวลาทำอะไรแล้วเราน่าจะสร้างความน่าเชื่อถือได้ ให้คนยอมเสียเงิน 200 บาท เพื่อเข้าไปพิสูจน์อีกหนึ่งผลงานของเรา

มีคนบอกว่าถ้าไม่ได้ทำมันน่าเสียดายยิ่งกว่าทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จ ก็ขอเดิมพันด้วยความสามารถของเรา”

ครับ..เงิน 30 ล้านกับการลงทุนทำหนังในยามนี้ จะมีสักกี่ค่าย-กี่บริษัทผู้สร้างล่ะที่กล้าควัก..ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่กันอยู่มิใช่รึ?

แต่เออ..เรื่องต้อนคนเข้าดูหนังด้วยวิธีที่คุณณวัฒน์ว่า.. “จะไปขอยันต์หลวงพี่น้ำฝนเอาไปแปะหลังเก้าอี้นั่งทุกโรง ใครเข้าไปนั่งแล้วจะเฮงตลอดปี” นั่นน่ะ ขอเถอะ..

ทำหนังน้ำดีทั้งที จะต้องพึ่งไสยศาสตร์ทำไม..หือ?

Written By
More from pp
รัฐบาลเตือน ประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ช่วง 6-9 เม.ย.66
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ากรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการประกาศเตือนในช่วงวันที่ 6 – 9...
Read More
0 replies on “หนังน้ำดีไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์?”