ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เป็นผม..อายครับ!
แต่กับ..นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่รู้จะมียางหรือมีความรู้สึกอย่างไรกับคำถาม..
“อายไหมครับ”?
นี่..ก็สืบเนื่องมาจากกรณีคุณสมชัยได้โพสต์ข้อความ อธิบายถึงเหตุจูงใจให้ต้องสมัครร่วม “วิ่งไล่ลุง” กับเขา ว่า..
1) ลุงอยู่บริหารบ้านเมืองมานาน แต่ไม่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการเท่าที่ควรจะเป็น ความฝันและคำสัญญาที่ลุงสร้างว่าจะขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็ไม่เห็นเป็นจริง
2) ลุงไม่ได้แสดงความแตกต่างในทางที่ดีกว่านักการเมืองรุ่นก่อนๆที่ลุงเคยว่าเขา แถมการตั้งรัฐบาลของลุง ยังมาจากการรวบรวมสารพันนักการเมืองสายยี้ที่ประชาชนส่ายหน้า
3) ลุงสร้างกลไกกติกาต่างๆที่ทำให้บ้านเมืองบิดเบี้ยว บทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญที่ให้มี ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของลุงเกือบทั้งหมด ไม่ใช่ความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองแต่เป็นเพื่อความมั่นคงในตำแหน่งของลุงเท่านั้น
4) ลุงยังคงนึกว่าตัวเองมีคะแนนนิยมดี คิดว่าตัวเองทุ่มเททำงานเหน็ดเหนื่อย ไปไหนก็มีแต่คนแวดล้อมยกย่องชมเชย ไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้ของประชาชน
และต่อมา..นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ “ไอลอว์” ที่สนับสนุนแนวทางพรรคอนาคตใหม่ และกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ได้โพสต์ข้อความ..
“ตอนเฮียเป็น กกต. นะครับ เฮียจัดประชามติ แล้วเฮียก็ออกมาข่มขู่ ออกมาด่าคนรณรงค์ Vote No แทบจะทุกวันสามเวลาหลังอาหาร
เฮียไม่เอาประยุทธ์แล้วเพราะโดนไล่ออกด้วย ม.44 แต่ผมไม่ลืมที่เฮียเคยทำไว้ครับ ถ้าเฮียจัดประชามติเป็นธรรม รัฐธรรมนูญอาจจะไม่ผ่าน วันนี้บ้านเมืองอาจไม่เป็นงี้นะครับ”
“ขออีกดอก เฮียทำพูดว่า จะสู้กับเผด็จการ แล้วก็ไปเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งสมุทรสาคร เขต 2 เฮียได้ไป 10,652 คะแนน ซึ่งเท่ากับเอาคะแนนไปให้พรรคที่โหวตประยุทธ์นะครับ
เฮียน่ะแหละ ตัวสนับสนุนลุงเลย อายไหมครับ”
ครับ..อยู่ดีไม่ว่าดี โดนเด็ก “ถอนหงอก” เอาจนได้..ผมนั้นได้ติดตามดูบทบาทหลังพ้นจากตำแหน่ง “กกต.” ของคุณสมชัยมาตลอด และได้ประจักษ์ว่ามีเพียงคนเดียวในจำนวนกกต.ที่พ้นหน้าที่แล้ว..
ยังตะเกียกตะกาย ดิ้นรน ไขว่คว้าหา “อำนาจ” จะด้วยเสพติดหรือเกิดจากแรงแค้นก็มิทราบ?
ไปเข้าพรรคประชาธิปัตย์..พอสอบตก ก็เผ่นออกมาโดยอ้าง “อุดมการณ์ไม่ตรงกัน” ซึ่งก็ให้สงสัยอยู่ว่า ถ้าได้เป็นส.ส.ล่ะ จะลาออกและอ้างอย่างนี้มั้ย?
ที่จริงคุณสมชัยก็มีความรู้ ความสามารถ และจากบทบาท-หน้าที่กกต.ในขณะนั้น สังคมก็ให้การยอมรับ-ศรัทธาอยู่ค่อนข้างมาก หากจะได้รู้จักพอ-รู้จักประมาณตน..
ชื่อเสียง-เกียรติยศก็ยังคงจะอยู่ติดตัวให้เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนอยู่ต่อไป!
ก็..ยังไม่สายหรอกนะ แม้จะไม่สามารถตัด “ต้นเหตุแห่งกิเลส” รัก โลภ โกรธ หลง ไปได้ แค่คุณสมชัยหยุดทบทวนตัวเอง นิ่งสงบเช่นอดีตกกต.ท่านอื่น นอกจากไม่ต้องอับอาย..
หงอกก็ยังจะพอมีเหลือครับ!