เดชา สุดทน กลุ่มค้านนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ระบุใช้ข้อมูลเท็จให้ศาลปกครอง กรณี THC จากช่อดอก 20% เชื่อศาลรับฟังข้อเท็จจริง ใช้รักษาโรค และประโยชน์ทางอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง เทียบเหล้า-บุหรี่ รักษาโรคอะไรได้ ทำไมไม่เรียกร้องเป็นยาเสพติด เผยเตรียมระดมพล หักล้างข้อมูลให้ศาลพิจารณา
๗ มิถุนายน ๒๕๖๕-นายเดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ ออกมาแสดงความเห็นกรณี กลุ่มหมอยื่นคัดค้านต่อศาลปกครองในการปลดล็อกกัญชา ตามประกาศรายชื่อยาเสพติดประเภทที่ ๕ ที่จะมีผลวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ ว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งด้วยเหตุผลหลายอย่าง
พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติด ๒๕๖๔ ผ่านการพิจารณาของตัวแทนของประชาชนเป็นสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา จนกระทั่งมันออกมาเป็นพระราชบัญญัติ และรายชื่อที่จะประกาศวันที่จะเริ่มใช้วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการยาเสพติดของชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ลงมติกันแล้วว่า
ให้รายชื่อดังกล่าวออกจากยาเสพติดประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่ตั้งแต่วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งเขาให้เตรียมตัวมา ๑๒๐ วัน จนประชาชนรอมาจนถึงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ ประชาชนเตรียมไว้หมดแล้วว่าคนไหนจะแจ้ง คนไหนจะปลูก คนไหนจะใช้ประโยชน์ แล้วอยู่ดีดี มีคนกลุ่มเดียว กลุ่มเล็กๆเอง ถึงแม้จะเป็นแพทย์หรือไม่เป็นแพทย์ประจำแต่ มาคิดแทนประชาชนบอกว่า ยังไม่ต้องใช้ รอไปก่อน รอกฎหมายเกี่ยวกับกัญชงกัญชาที่ยังไม่เสร็จ
“ผมไม่เห็นอย่างยิ่งเพราะว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่มันมีน้ำหนักที่จะมาจ้องมาหยุด จะอ้างว่ามันจะมีกฎหมายประกอบ อะไรที่จะต้องมาหยุดอีก กฎหมายที่ผ่านมาอย่างถูกต้องกี่เดือนแล้ว แล้วถามว่าตอนที่เขาประกาศมา ในราชกิจจา ทำไมคุณไม่คัดค้านมาตั้งแต่ตอนนั้น ล่ะครับ ทำตอนนี้เพื่อให้ประชาชนนี่นะ ไม่มีเวลาจะมาแก้ไขเพราะคุณเล่นมาให้ศาลตัดสินตอนจะถึงวันที่๙9 มิ.ย. กับคนเล่นแบบนี้แสดงว่าคนมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์หรือไม่ อย่างนั้นคุณก็เขียนตั้งแต่ ๑๒๐ วันที่แล้ว คุณไม่มีปฏิกริยาอะไรเลยเนาะ จนกระทั่งอีก ๓ วันจะประกาศนะครับ ถูกตามกฎหมายแล้วนี่นะ คุณมาประกาศตอนนี้นะครับ อ้างอย่างเดียวว่ามันจะทำให้เกิดผลเสียซึ่งไม่ชัดเจนมันจะเสียอะไร”
นายเดชา กล่าวว่า ข้อมูลที่นำมาอ้างก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว แล้วคุณบอกว่าฉันเมา THC อยู่ในช่อดอกนี่ผิดกฎหมาย วันที่ ๙ มิ.ย. จะถูกกฎหมายนะ คุณบอกว่ามีตั้ง ๑๐-๒๐% ของน้ำหนัก นี่คุณพูดผิดไปจากข้อเท็จจริงไปอย่างให้อภัยไม่ได้เลย เพราะคุณเป็นถึงแพทย์ที่จะไปร้องเรียนต่อศาลคุณยังไม่รู้เลยว่า ๑๐ หรือ ๒๐ % มันแค่น้ำมันนะครับ
น้ำมันกัญชาที่สกัดได้นี่ไม่เกิน ๒๐% และน้ำมันกัญชา ๒๐% อย่างมากก็ไม่เกิน ๓๐% ของ ๒๐% มันกี่ % ข้อมูลง่ายๆ แบบนี้คุณยังอ้างผิด แล้วคุณจะมาอ้างอย่างอื่นได้อย่างไรว่ามันยังเหตุผลที่เสียมาเยอะแยะถ้ากฎหมายบังคับใช้ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งสิ้น
นายเดชา กล่าวว่า กฎหมายที่บอกว่ารอ ถามว่าแล้วมีกำหนดไหมว่ามันจะออกมาเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างง่ายๆ ตอนกระท่อม ออกจากยาเสพติดบอกให้บังคับใช้หลังจากที่ประกาศ ๙๐ วัน แล้วจะมีกฎหมายกระท่อมมากำกับ กฎหมายรอมาตั้ง ๒ ปีแล้วยังไม่ออกสักทียังติดอยู่ในสภาฯ นั่นแหละ ขนาดกระท่อมนะ แล้วถ้ากัญชา ที่คุณให้เรารอนี่ คุณบอกได้ไหมจะรออีกสักกี่ปี กี่เดือน
ส่วนผลเสียถ้ายังไม่เอากัญชา ออกจากยาเสพติด นายเดชา กล่าวว่า ข้อแรกคือพวกคุณละเมิดสิทธิของบุคคลที่เขาควรได้รับสิทธิ คือคนที่รับโทษจากคดีกัญชา อยู่ในคดี อย่างน้อย ๔,๐๐๐ คน เขาไม่ได้รับอิสรภาพจากการกระทำของพวกคุณ คุณเล่นมาขวางให้ระงับไว้ก่อน ให้เอากัญชาอยู่ในบัญชียาเสพติดแบบเก่า
“นักโทษเหล่านั้นก็ยังติดคุกอยู่ต่อไปนั่นแหละอีก ๔,๐๐๐ คน คุณไม่ได้คิดถึงเขาเลยว่าสิทธิของเขามันถูกละเมิด เขาออกแล้ว ตามกฎหมาย คุณไประงับให้เขาติดคุกอีก”
นายเดชา ได้กล่าวเปรียบเทียบโทษของกัญชากับเหล้า และบุหรี่ อันไหนมากกว่ากัน ว่า ถามหมอง่ายๆ ถ้าคุณเป็นหมอจริง
๑.บุหรี่ มันทำให้เกิดโรคกี่โรคลองตอบมาซิ แค่ข้างซองที่เขาพิมพ์ก็นับไม่ถ้วนแล้ว ๒.เหล้า ทำให้เกิดโรคกี่โรค ๓.เหล้าทำให้เกิดอาชญากรรม ทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แต่ละปี ๔.บุหรี่รักษาโรคได้กี่โรค อะไรบ้างสักโรคไหม ๕.เหล้ารักษาโรคได้กี่โรค อะไรบ้าง แต่พวกนี้ไม่อยู่บัญชียาเสพติด ค้าขายกันเสรี ที่ไหนก็มี ที่ไหนก็มี
อยากให้เปรียบเทียบ ๑.กัญชา ทำให้เกิดโรคกี่โรค คุณลองบอกมา ทำให้เกิดกี่โรค ๒.กัญชารักษาโรคได้หรือเปล่า ไม่ต้องต่างประเทศ แค่ประเทศไทย แพทย์แผนไทย ๒ ปีมานี่ คนเกือบ ๒ แสนราย รักษาโรค ๘ โรค เกิน ๘๐% ไปดูข้อมูลสิ ถาม รพ.จุฬาลงกรณ์ก็ได้ ข้อมูลเป็นอย่างไร ทำไมต้องเอาไปเข้า ๓๐ บาทรักษาทุกโรค
เทียบแค่นี้ก็รู้แล้วว่ากัญชาไม่มีโทษ มีแต่ประโยชน์ แต่ว่าไอ้เหล้าบุหรี่ไม่มีประโยชน์มีแต่โทษ คุณไม่เคยคัดค้านว่าทำไมไม่เข้ายาเสพติด เหตุผลพวกนี้ไม่มีข้อมูลหรือไง แบบนี้คุณเป็นหมอหรือเปล่าถ้าเป็นหมอทำไมไม่รู้ข้อมูลแบบนี้
ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ยืนยันว่า การให้ปลดล็อกวันที่ ๙ มิ.ย.ไปก่อน แล้วมาทำกฎหมาย จะทำให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ แต่ถ้าไม่ปลดล็อกแล้วรอกฎหมาย ระหว่างนี้กัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ ประชาชนใช้ประโยชน์ไม่ได้ คนใช้ประโยชน์จะมีจำกัดมาก คือ
หมอ ราชการ แล้วประชาชนเข้าถึงก็พวกใต้ดินจะเฟื่องฟูเหมือนเดิม ไม่มีประโยชน์ที่จะไปรอกฎหมายที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จ เราก็ใช้ไปตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีอยู่ไปก่อน เหมือนกระท่อม ๒ ปีแล้วไม่มีกฎหมายไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้ากัญชายังเป็นยาเสพติดประชาชนเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย
ไม่ว่าทำอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ทำยาใช้เองเล็กๆ น้อยๆ ทำไม่ได้เลยต้องขออนุญาตราชการ เงื่อนไขเยอะแยะมากมายมหาศาล ซึ่งไม่ควรจะมีอีกแล้ว ๒ ปีที่ผ่านมาเราก็เห็น ที่ผ่านมาตอนพิจารณาประมวลกฎหมายยาเสพติด ในสภาเห็นพ้องกันว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดไม่มีคนค้านสักคนเดียว แล้วจะเอาไปเป็นยาเสพติดอีกทำไม มันมีเหตุผลอะไรจะต้องไปล็อกไว้อีก
“ถ้ามองแง่ร้าย คนบางกลุ่มมองหมอกลุ่มนี้ว่าเสียประโยชน์หรือไม่ เพราะยาสมัยใหม่ที่มาจากต่างประเทศ หมอพวกนี้เขาใช้อยู่ จึงต่อต้าน บางกลุ่มมองแบบนั้น แต่ผมไม่ได้มองแบบนั้น หมอพวกนี้อาจจะเข้าใจว่ากัญชาเป็นยาเสพติดจริงๆ เขาเลยไม่เห็นด้วย ที่จะเอากัญชาออกจากยาเสพติด เขาเห็นว่าควรนำกลับไปเป็นยาเสพติดโดยวิธการต่างๆ เช่นประวิงเวลาให้ช้าที่สุดรอกฎหมายออกซึ่งจะไปประวิงกฎหมายอีกแบบกระท่อม ไม่ให้ออก เข้าใจว่ามีกลุ่มไปประวิงเวลาไว้ซึ่งกัญชาก็คงเป็นแบบเดียวกัน โดยไปร้องศาลปกครอง แล้วไปประวิงเวลาพิจารณากฎหมาย ให้ช้าที่สุด โดยระหว่างนี้ หวังหรือหาเหตุการณ์ที่ทำให้คนเชื่อว่ากัญชามีโทษ และเป็นยาเสพติดอยู่ ก็จะอาศัยให้อยู่ในบัญชียาเสพติดต่อไป เพราะถ้าอยู่แล้ว จะเอาออกมันยาก เขาเลยอยากให้อยู่”
ส่วนการจะออกมาคัดค้านกลุ่มที่ไปร้องศาลปกครอง นายเดชา กล่าวว่า ทราบว่าขณะนี้มีหลายกลุ่มจะเคลื่อนไหว ส่วนกลุ่มของตนจะรอดูก่อนว่า ศาลปกครองจะพิจารณาแบบไหน หากระงับรายชื่อ การนำกัญชาออกจากยาเสพติด และให้เป็นยาเสพติด เราจะเริ่มเคลื่อนไหว โดยระดมคนเห็นด้วยกัน ซึ่งมีไม่น้อยไปเรียกร้องให้ศาลปกครองตัดสินใหม่ตามความต้องการของประชาชน โดยยกเหตุผลมีน้ำหนักมากกว่าเอาไปหักล้าง ซึ่งอันนี้เป็นสิทธิ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คงไม่อยู่นิ่ง เพราะเป็นตัวแทนประชาชนคงร่วมด้วยกับพวกเรา และจะได้เห็นว่า ศาลปกครองจะฟังความข้างเดียวหรือจะพิจารณาจากหลักฐานภาคประชาชนซึ่งมีให้เยอะแยะ ไม่ใช่ข้อมูล THC มี ๑๐-๒๐% ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ ๑๐๐% ถ้าศาลปกครองรับฟังเราจะเอาข้อมูลจริงไปให้ดูเลยว่าข้อเท็จจริงเป็นแบบไหนหักล้างกันและเปลี่ยนคำตัดสิน
“ผมเชื่อว่าศาลปกครองคงไม่ตัดสินโดยใช้ข้อมูลเป็นเท็จแน่ๆ เราเชื่อไว้ก่อนว่าจะตัดสินตามข้อมูลจริง ขณะนี้ประชาชนทั่วไปรอฟังข่าวสาร ส่วนพวกที่เคยใช้กัญชารักษาโรค ซึ่งมีจำนวนมากเป็นแสนคน ให้รอฟังและเมื่อกลุ่มเราเคลื่อนไหวให้ออกมาช่วยกัน” นายเดชา กล่าว