สันต์ สะตอแมน
“เชื่อว่าเวลาอยู่ข้างพวกเราแล้ว”!
นี่..หมายถึงอย่างไร ใครพอจะเดาใจคนพูด คือคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม ได้ ก็อยากให้ช่วยอธิบายหน่อย ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าผมกำลังคุยเรื่องอะไร
ก็จะบอกว่า..เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณชัชชาติได้ไปร่วมในงานตลาด (นัด) ราษฎร และถูกเชิญให้ขึ้นพูดคุยกับผู้ร่วมงาน ช่วงหนึ่งได้กล่าว..
“ส่วนตัวเห็นว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงชัยชนะของตน แต่หมายถึงชัยชนะของพวกเรามากกว่า
ผมว่าเรามีพลังขึ้น และเชื่อว่าเวลาอยู่ข้างพวกเรา เชื่อว่าสถานการณ์จากนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น เราจะเริ่มที่กรุงเทพฯ ก่อน”
ไม่เพียงเท่านี้ คุณชัชชาติได้ตอบคำถามน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ถึงประเด็นการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกด้วยว่า..
“อย่าเอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยก จริงๆ แล้วมันมีมานานแล้ว ผมมองในแง่ผู้บริหาร การบริหารมันต้องมีความละมุนละม่อมในระดับหนึ่ง มันมีวิธีการในการค่อย ๆ ปรับ
ถ้าเราบอกว่าจะยกเลิก มาตรา 112 ผมว่ามันจะไปอีกขั้วหนึ่ง ฉะนั้นเริ่มจากการไม่เอา มาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เอาตรงนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวมันจะค่อย ๆ พัฒนาไป
เราเป็นผู้บริหารมันต้องมีวิธีในการสื่อสาร..ผมก็อดทนมา 8 ปี ตั้งแต่ปฏิวัติมา แต่เราต้องมียุทธศาสตร์ในการเดิน เขาบอกว่า อันนี้อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ
ภาษาอังกฤษว่า The revenge is best when served cold. การแก้แค้นจะดีที่สุดเมื่อตอนที่มันเย็นแล้ว อย่าไปเอาความโกรธความแค้นมาทำ
การกำหนด strategy ในการเดิน ผมเชื่อว่ามียุทธศาสตร์ในการเดิน แล้วเวลาก็อยู่ข้างพวกเราแล้ว ผมว่าเรื่อง 112 นาทีนี้คุณบอกให้ยกเลิก ในความเป็นจริงไม่ง่าย
แต่ขออย่าเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เริ่มประเด็นนี้ก่อนดีมั้ย แล้วเดี๋ยวมันก็เป็นสเต็ปต่อไป”
ครับ..ความคิดหากอยู่ในใจก็ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อหลุดปากออกมา แม้จะพยายามปั้นแต่งลีลา-วาทศิลป์สักแค่ไหน-อย่างไร คนเขาก็พอจะอ่านใจได้!
จากนี้ ก็คอยตามดูว่า “ทีละสเต็ป” นั้น จะเดินไปแบบไหน-อย่างไร แต่สเต็ปแรกผมว่ารอให้กกต.รับรองเป็นทางการเสียก่อน แล้วสเต็ปสอง ช่วยทำความเข้าใจกับหาบเร่-แผงลอย-รถเข็น..
ว่าที่บอกจะ..ส่งเสริมให้ผู้ค้าแผงลอยมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ ก็ดี จะสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ค้าแผงลอย ภาคประชาชน และเอกชนในพื้นที่ ช่วยดูแลพื้นที่การค้า ก็ดี
จะขึ้นทะเบียนผู้ค้าแผงลอย พร้อมติดตามการดำเนินการ ก็ดี จะเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมรองรับพื้นที่การค้าหาบเร่แผงลอย ก็ดี
หรือ จะหาพื้นที่ของเอกชนหรือหน่วยงานราชการที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ขายของสำหรับหาบเร่หรือศูนย์อาหาร (hawker center) ก็ดี
นั่น..เป็นการพูดตอนหาเสียง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพอคุณชัชชาติได้เป็นผู้ว่าฯ ปุ๊บ หาบเร่ แผงลอยออกมายึดฟุตบาท-ทางเท้าทันทีทันควัน!
เอ้า..แล้วนู่นอีกคนที่พูดให้คิด ก็ “คุณยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ไง วันก่อนเห็นพูดประโยคหนึ่งสะดุดตาผม..
“ประเทศต้องได้นายกฯ ที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เอายามอาชีวะมาเป็น”!
ซึ่งก็ไม่รู้คุณยงยุทธจะหมายถึงใคร จะใช่นายกฯ คนปัจจุบัน จะใช่นารีขี่ม้าขาวคนก่อนหน้าหรือว่าจะเป็นนารีที่กำลังจะ “แลนด์สไลด์” มา ก็อดที่จะคิดไม่ได้!
แต่เอาน่า..ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือต่อให้เป็น “ยามอาชีวะ” จริง ถ้ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่คิดคดโกงชาติ ปล้นแผ่นดิน มีคุณธรรม..
ไม่ดึงฟ้าต่ำ ไม่ทำหินแตก ไม่แยกแผ่นดิน ผมก็ยินดีทั้งเพแหละ!
สงสัยแต่ว่า คุณยงยุทธพูดแบบนี้ไม่กลัวคนแดนไกลจะโกรธเอารึ ก็แหม รู้ทั้งรู้ นายกฯ คนต่อไปจะเป็นใครไปไม่ได้..
แล้วถ้าเป็นเธอจริงๆ ถามตรงๆ “คุณภาพมีแค่ไหนเหรอ”?
ฉะนั้น..“ประเทศต้องได้นายกฯ ที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เอายามอาชีวะมาเป็น” มันก็แค่คำพูดโลกสวย เพ้อเจ้อเท่านั้น เพราะโลกความจริง..
คุณยงยุทธก็รู้-ก็เห็นเหมือนกับผม “หัวหน้าพรรค” แต่ละคนที่ถูกเชิดเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็มีอยู่แค่นี้ แล้วคนไหนล่ะที่จัดอยู่ในระดับ..
คุณภาพเหนือกว่ายาม..ชี้สิ!