หลวงปู่ไม่ได้ขอบิณฑบาต
แต่..จากที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ บอกว่า.. “ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับหลวงปู่แสง ถึงประเด็นเกี่ยวกับนักข่าวสาวช่องเวิร์คพอยท์ ที่ถูกไล่ออกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลวงปู่แสงฝากไปถึงผู้บริหารต้นสังกัดว่า ไม่อยากให้ไล่ออก ให้มีการรับนักข่าวกลับมาทำงานอีกครั้ง เพราะท่านได้ให้อภัยแล้ว ซึ่งนักข่าวถือว่ายังเด็กและประสบการณ์ทำงานน้อย” นั้น
หากผู้บริหารเวิร์คพอยท์จะทำเป็นนิ่งเฉย เอาหูไปเอาตาไปไร่เสีย ก็ดูจะไม่เหมาะ-ไม่งามนัก ครั้นจะ “กลับลำ”ชนิดตีลังกา กวักมือเรียกให้นักข่าวสาวกลับเข้าทำงานในทันทีทันใด..
ก็..เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ และพอจะเข้าใจ ไม่ใช่จะทำกันแบบไม่มีหลักมีการ เพราะผู้นำ-ผู้บริหาร จะทำตัวเป็น “ไผ่ลู่ลม” ไม่ได้!
ฉะนั้น..ประเด็นนี้ก็ต้องตามดูกันว่า ที่สุดแล้ว เวิร์คพอยท์จะรับนักข่าวสาวผู้นั้นกลับทำงานตามที่หลวงปู่แสงเอ่ยปากฝากถึงผู้บริหารหรือไม่อย่างไร?
ส่วนตัวผม..ถ้าไม่ติดขัดในกฏ-ระเบียบ หรือหนักใจเกินไป ก็ควรจะทำตามความประสงค์ของหลวงปู่แสงเถอะนะ คิดเสียว่า “ถวายเป็นทาน” หลวงปู่ก็แล้วกัน!
อีกอย่าง..การ “ไล่ออก” ก็ใช่ว่าจะทำภาพลักษณ์ดูดีอะไรขึ้นมา ด้วยสังคมก็ยังมีข้อครหา-ซุบซิบนินทาอยู่ดีว่า..ไล่แต่นักข่าว แล้วหัวหน้า บ.ก.ล่ะ ไม่ผิดอะไรเลยเหรอ?
เอ้า..แล้วนั่น แค่เพจ “กองทัพบก Royal Thai Army” โพสต์.. “หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 13 จัดให้มีการฉายภาพยนต์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ให้กับน้องทหารใหม่ ผลัดที่ 1/2565 ได้รับชม
ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ ร้อย.มทบ.13 อ.เมือง จ.ลพบุรี เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ ประวัติศาสตร์องค์พระมหากษัตริย์ ประวัติศาสตร์ชาติไทย
ปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ สร้างความภาคภูมิใจในการเข้าเป็นทหารกองประจำการ”
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ถึงกับหัวร้อน-ของขึ้น.. “ไม่รู้สึกแปลกใจที่กองทัพบกจะคิดได้แค่นี้ แต่การผูกว่าเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้คือความรักชาตินั้น
นับวันโลกของพวกท่านและบทบาทของกองทัพแคบลงไปทุกที อีกทั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบทบาทของกองทัพที่ชัดเจนที่สุด คือ การพิพากษาประชาชนที่ไม่แสดงออกไปในทิศทางเดียวกับตน
กองทัพมักใช้ข้ออ้างของการรักชาติเพื่อสร้างความเสียหายนับครั้งไม่ถ้วน เพราะคิดว่าตนรักชาติกว่าผู้อื่น หากท่านอยากปลูกฝังการรักชาติ เริ่มต้นที่การเคารพสิทธิของผู้อื่น
เปิดพื้นที่ให้ประชาชนแสดงความรักชาติอย่างกว้างขวาง รับฟังและความคิดเห็นที่แตกต่าง ปล่อยตัวประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิของพวกเขา
อย่าจำกัดความรักชาติเอาไว้แค่กลุ่มใดกลุ่มนึงเท่านั้น” (ผู้จัดการออนไลน์)
ขอโทษ..มันไปรกหู-รกตา-ขัดใจอะไรมากมายถึงเพียงนั้น จนต้องหยิบมาพูด-มาเป็นประเด็น ทั้งๆที่เขาก็ฉายหนังดูกันด้วยความเพลิดเพลินในหน่วยฝึกฯ และ..
“เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ ประวัติศาสตร์องค์พระมหากษัตริย์ ประวัติศาสตร์ชาติไทยปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ สร้างความภาคภูมิใจในการเข้าเป็นทหารกองประจำการ”
ทำไม..การที่ทหารปลูกฝังทหารให้มีอุดมการณ์ “รักชาติ-รักแผ่นดิน” มันทำให้บทบาทกองทัพแคบลงไปทุกทีอย่างงั้นรึ?
ผมว่า นายธัญวัจน์และพรรคก้าวไกลนั่นต่างหากกระมังที่นับวันบทบาทจะแคบลงๆ เพราะตั้งแต่ก่อเกิดพรรค (อนาคตใหม่) มา ไม่เห็นจะทำอะไรให้เห็นถึงบทบาทที่กว้างไกล..
นอกจากคอยประกันตัวบรรดาเด็ก 3 กีบ กับตั้งหน้าตั้งตา “สร้างวาทกรรม” ให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก เกลียดชังในสังคมไปวันๆ!
เห็นเรียกร้องกันจัง.. “ให้รับฟังและความคิดเห็นที่แตกต่าง ให้เคารพสิทธิของผู้อื่น” ถามตรงๆ..
พวกคุณเคยเคารพสิทธิคนอื่นเค้าบ้างมั้ย..หือ?