เพ้อ “นายกฯ คนนอก” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กน้อย”
“พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เมื่อวาน (๒๙ เมย.๖๕)
เป็นห่วงท่านขึ้นมาทันที!
“การทหาร” น่ะ ผมเชื่อว่าท่าน “ช่ำชองยุทธ”
แต่การเมือง ที่บุญหรือกรรมก็ไม่ทราบ ชักนำให้ท่านขึ้นไปนั่งระดับ “หัวหน้าพรรค” ผมว่าท่านดูจะ “ฉ่ำเฉิ่มยุทธ” ไปนิด
คือ ระยะนี้ ใกล้เปิดสภา

ฝ่ายค้านก็รุกประชิด ตีฟองข่าวไล่นายกฯ มีทีเด็ดคว่ำรัฐบาล-คว่ำนายกฯ ได้ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อวาน พรรคเศรษฐกิจไทยประชุมใหญ่กัน นักข่าวก็ไปถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯพรรค เศรษฐกิจไทย ถ้ารัฐบาลแพ้โหวตแล้วจะทำยังไง?

ร.อ.ธรรมนัสก็ตอบว่า…..
“ให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ วรรคสอง มี “นายกรัฐมนตรีคนนอก” ได้ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง”

คือ ไม่เอานายกฯ “บัญชีรายชื่อ” ตามที่แต่ละพรรคยื่นกกต.ไว้ตอนเลือกตั้ง
ให้ที่ประชุมรัฐสภา กระโดดข้ามวรรคแรกของมาตรา ๒๗๒ ไปใช้วรรคสอง “เสนอคนนอก” มาให้โหวตเป็นนายกฯ ได้ เอาอย่างนั้นเลย

ยกตัวอย่างง่ายๆ……
สมมติรัฐบาลแพ้โหวต จากกฏหมายงบประมาณก็ดี จากอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดี นายกฯ ต้องตกเก้าอี้

พรรคร่วมรัฐบาล จะไม่เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ นายอนุทิน ตามบัญชีรายชื่อ แต่เสนอชื่อ “คนนอก” อย่างพลเอกประวิตร เป็นนายกฯ ก็ได้

หรือฝ่ายค้านเพื่อไทย จะเสนอชื่อ “นางสาวอุ๊งอิ๊ง ชินวัตร” เป็นนายกฯ ตามเงื่อนไขมาตรา ๒๗๒ วรรคสอง ก็ได้
และถ้าที่ประชุมรัฐสภา “สส.-สว.” ด้วยเสียงส่วนใหญ่โหวตเห็นชอบ

พลเอกประวิตร หรือนางสาวอุ๊งอิ๊ง ก็จะได้เป็นนายกฯ เข้าไปจัดตั้งรัฐบาลใหม่ บริหารแทนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้ทันที!

นี่…..
สรุปให้เข้าใจความหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒ วรรคสอง คร่าวๆ ตามแนวคิด ที่ร.อ.ธรรมนัสเสนอให้รู้ไว้
เมื่อเลขาฯ พรรคมีความเห็นอย่างนี้
นักข่าวก็ไปถาม “พลเอกวิชญ์” บ้าง ท่านก็ตอบว่า

“น่าจะเป็นไปได้ หากทุกอย่างนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ก็อาจจะเป็นไปได้”

นักข่าวถามต่อ……
“นายกฯ ในบัญชีรายชื่อที่มีอยู่ไม่พอใช่หรือไม่ จึงเสนอแนวคิดนี้ขึ้นมา?”

พล.อ.วิชญ์ ตอบว่า
“ไม่ใช่ไม่พอ แต่คนไม่ศรัทธา คนไม่เอาก็ไม่เอา อย่างมากก็ต้องหาคนที่ประชาชนต้องการ ที่ทำเพื่อประชาชน”

เอ้อเฮอ…พระเดชพระคุณท่าน
เต็มปาก-เต็มคำอย่างนี้ ก็ระบุชื่อไปตรงๆ ตามที่คิดอยู่ในใจซะก็สิ้นเรื่อง จริงมั้ย?

ผู้สื่อข่าวเลยขยิกถาม
“ในความเห็นของพล.อ.วิชญ์ มีใครที่เหมาะสมเป็นนายกฯ คนนอกได้?”

นายพลผู้ฉ่ำเฉิ่มยุทธ์ หล่นโครมลงไปในบ่อทั้งตัว
“ผมไม่ได้มองใคร ผมมองแค่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพราะท่านมีความเหมาะสม ที่สามารถช่วยประเทศได้ในเวลานี้ เพราะท่านทำงานมาตลอด น่าจะรู้ดีว่าทำอย่างไร”

ก็ไม่อยากใช้คำว่า “เดียงสาทางการเมือง” กับพลเอกวิชญ์ลย กับการที่ท่านคิดอย่างไร ก็พูดไปอย่างนั้้น
ให้ค่าเป็นว่า ท่านเป็นคนซื่อตรงต่อความคิด น่ารักดี ก็แล้วกัน!
“พลเอกวิชญ์” เตรียมทหาร รุ่น ๑๑ จบนายร้อย จปร.รุ่นที่ ๒๒ รุ่นเดียวกับเสธฯ แดง”พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล”

ส่วน “พลเอกประยุทธ์” เตรียม รุ่น ๑๒ คือรุ่นน้อง และจบนายร้อยจปร.รุ่นที่ ๒๓

พลเอกวิชญ์เป็นคนสนิทประจำตัวพลเอกประวิตร ช่วงเป็นรัฐมนตรีกลาโหม สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
ข่าวประโคมกันว่า จะได้ขึ้นเป็นผบ.ทบ.ต่อจากพลเอกอนุพงษ์ ตอนปี ๒๕๕๓
แต่คนที่ได้ขึ้นกลับชื่อ “พลเอกประยุทธ์!”

มันเหลื่อมๆ อยู่ในซอกหลืบหัวใจกันอยู่เช่นนี้แหละ กระทั่งในรัฐบาลคสช.ทีมงานพลเอกประวิตร กับทีมงานนายกฯ
เหมือนงา “ร่วมเศียร” แต่ “แทงคนละข้าง” ตลอด!

เมื่อแยกมาเป็นเศียรพรรค “เศรษฐกิจไทย” ให้บิ๊กป้อม ก็ไม่ต้องบอก ทุกคนรู้ ว่าลึกๆ พลเอกประวิตร “แอบจิต” อยากเป็นนายกฯ

ดังนั้น ที่พลเอกวิชญ์พูดครั้งนี้ จะบอกว่า “เป็นซื่อสังหารนาย” หรือ หวังดีที่กลายเป็น “ส่งผลร้าย” ต่อนาย ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่!

พูดกันแฟร์ๆ ใครอยู่ในฐานะบิ๊กป้อม ถ้าบอก “ไม่อยากเป็นนายกฯ” ถือว่าตอแหล
แต่ความเป็น “พี่ใหญ่-พี่รอง-น้องเล็ก” ของ ๓ ป. ต้องบอกว่า……

ถึงอยากเป็นขนาดไหน ในความพันผูกลึกซึ้ง คำว่า “จำพิฆาตน้องรักให้ตักษัย” ไม่มีในพลเอกประวิตร และไม่ทำกับน้องแน่

ถึงใครจะยุ จะเป่าหู ขนาดไหน บิ๊กป้อมก็แค่เคลิ้มตามไปชั่วครู่-ชั่วขณะ ที่จะทำตาม ไม่มี-ไม่ทำแน่!

การสร้างกระแส ๓ ป.แตกกันก็ดี ป้อมจะชิงน้องขึ้นเป็นนายกฯ ก็ดี บิ๊กป้อมแตกพรรค เป็นแผนใช้หักชิงเก้าอี้น้องก็ดี ต่างๆ นานาเหล่านี้……….

เป็นแผนสร้างข่าว “กระแสเสี้ยม” ให้คนรู้สึกเบื่อหน่าย เสื่อมศรัทธาพรรคพลังประชารัฐ ด้วยระอา ว่าแตกแยก
บิ๊กป้อม “กันท่า” นายกฯ ไม่ให้เข้าไปยุ่งในพรรค

แล้วประโคมข่าว “พลังประชารัฐเสื่อมแล้ว” เพราะการเมืองฝ่ายตรงข้ามรู้ ว่าคนเลือกพลังประชารัฐ เพราะศรัทธานายกฯ

เมื่อทำให้คนเกิดความรู้สึกว่า ขณะนี้ นายกฯ ถูกกีดกันจากพรรค ลุงป้อมยึดพรรค จะตั้งตนเป็นใหญ่แทนนายกฯ คนก็ลังเลที่จะสนับสนุนพลังประชารัฐ เพราะไม่แน่ใจ นายกฯ ยังจะอยู่พรรคนี้ หรือถูกผลักไส หรือจะถูก “จ้างวานฆ่า” ทางการเมืองระบบรัฐสภา เพราะหมาเห่าในคลับเฮาส์ผิดสังเกตเหลือเกิน!?

การที่หัวหน้าพรรค-เลขาฯ พรรคเศรษฐกิจไทย แบไพ่เล่น “พลเอกประวิตร” คือนายกฯ คนนอก ตามมาตรา ๒๗๒ วรรคสอง

แทนที่จะเป็นผลร้ายกับนายกฯ ประยุทธ์ กลับกลายเป็น “ความปรารถนาดีที่ประสงค์ร้าย” กับลูกพี่ตัวเอง คือ “พลเอกประวิตร” ด้วยความซื่อๆ แบบทื่อๆ แท้ๆ!

มาตรา ๒๗๒ วรรคสอง “นายกฯ คนนอก” ที่ต้องการนั้นทั้งไม่มีความเป็นไปได้ และทั้งจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

เพราะอะไร?

ในฐานะหัวหน้าพรรค พลเอกวิชญ์ต้องเข้าใจทางเดินระบบสภาใน ๑๐ เดือนต่อจากนี้ ก่อนจะพูด จะแสดงความเห็นทางการเมือง
ขั้นแรก ต้องรู้ว่า ทั้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล ตอนนี้ “กล่องดวงใจ” อยู่ที่ไหน?

ไม่ใช่ที่ “ยุบสภา-ไล่นายกฯ”!

อยู่ที่ “กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ๒ ฉบับ” ที่ยังต้องใช้สภาเป็นตรายางในวาระ ๒-๓ เพื่อประกาศใช้
รัฐธรรมนูญกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน คือ ๖ เดือน

ก็นับไปจาก ๒๔ กุมภา.๖๕ ที่ผ่านวาระแรก จะครบ ๑๘๐ วันก็ ๒๔ สิงหา.๖๕

นั่นคือ การแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ ส่งเข้าพิจารณา วาระ ๒-๓ ในรัฐสภา จะผ่านเรียบร้อย ตีซะว่า สิงหา.

นั้นก็ยังหรอก….
ก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้ ยังต้องมีขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญต้องปฏิบัติ
คือ….ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขแล้ว

ให้รัฐสภาส่งร่างที่แก้ไข ไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น
โดยหากไม่มีข้อทักท้วงภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว
ก็เข้าสู่ขั้นตอน เรื่องการนำร่างที่แก้ไขและรัฐสภาเห็นชอบแล้ว ขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป

เห็นมั้ย ท่านหัวหน้าเศรษฐกิจไทย

เมื่อเห็น “กล่องดวงใจ” นักเลือกตั้งแล้ว ทีนี้ก็มาดูเทอมการเมืองตามปฏิทินรัฐสภา หลังเปิดสภา ๒๒ พฤษภา.นี้
๒๒ พฤษภา.แค่ทำพิธีเปิด มีกฎหมายค้างรอคิวเยอะแยะ เฉพาะวาระจำเป็นต้องเข้าสู่การพิจาณาแน่ๆ ก็

มิถุนา.พรบ.งบประมาณ ๖๖ เข้าสภา

กรกฏา.ยื่น/ไม่ยื่น อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือกฎหมายลูกเลือกตั้ง ๒ ฉบับเข้าพิจารณาก่อน ฝ่ายค้านก็คิดเอา

สิงหา.ที่ว่านายกฯครบ ๘ ปี เป็นต่อไม่ได้ อยากยื่นตีความ ก็ยื่นกันไป

ถึง ๒๒ กันยา….อ้าว “หมดสมัยประชุม” ต้องปิดสภา “ไปว่ากันต้นปีหน้าซะแล้ว!

ก็ดูเอง-คิดเองแล้วกัน ถ้าจะฉวยจังหวะโหวตคว่ำพรบ.งบประมาณ รัฐบาลคว่ำ “ยุบสภา” กฎหมายลูก ๒ ฉบับตกไป อดเลือกตั้งบัตร ๒ ใบอีก

กรกฏา.-สิงหา.ถึงเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ กฎหมายลูก ๒ ฉบับ ยังคาอยู่ ถ้าไม่ต้องการแลนด์ไสลด์ ด้วยบัตร ๒ ใบ เชิญโหวตคว่ำรัฐบาลไปเลย

สรุปแล้ว “หมาเห่าใบตองแห้ง” ทั้งนั้น

เพราะแต่ละพรรค-แต่ละฝ่าย น้ำลายไหลรอกฏหมายลูกผ่านสภา-ประกาศใช้ก่อนทั้งนั้น

ดังนั้น ดูตามเทอม-ตามปฏิทินการเมืองแล้ว การจัดประชุม APEC โดยมีนายกฯ ประยุทธ์เป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกา.
ฟ้า-ดิน “กำหนดแล้ว” ต่อให้นายแม้ว-นายหมาที่ไหน ก็ บ่มิไก๊ จะมาขวาง

จากนั้นแล้ว ใครก็ไม่ต้องมาไล่ นายกฯ จะ “ยุบสภา” เป็นน้ำข้าวให้หมาเลียเองแหละ!

 


Written By
More from plew
ดี-เลว “ในการเมือง” ที่ควรมี
เฮ้อ….. ไม่รู้จะพูดยังไงดี กับ “สัตว์การเมือง” ยุคนี้? อยากเป็นรัฐบาลกันจนตัวซี้-ตัวสั่น เมื่อไม่ได้เป็น ก็คืนสันดานสัตว์!
Read More
0 replies on “เพ้อ “นายกฯ คนนอก” – เปลว สีเงิน”