อาฟเตอร์ช็อก “ลุงตู่” -เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ไทยว่าเร็วแล้วนะ……
แต่ซาอุดีอาระเบีย เร็วกว่า!
ขณะที่พวกเรา “ไทยกันเอง” สายเสี้ยม-สายต่ำสัตว์ “เอาแต่เคร่งเค้นประเด็นอิจฉา” นายกฯประยุทธ์ ที่แฉล้มเกินหน้า
แต่ทางซาอุฯ ฟื้นสัมพันธ์กับไทยเสร็จปั๊บ ก็โพสต์นี่ปุ๊บ!

SAUDIA AIRLINES الخطوط السعودية
· Introducing our newest destination ????
Direct flights from Saudi Arabia to Thailand starting May 2022 ✈️????????
Booking will be available soon ⏱
#GetReadyForThailand
#SAUDIA

ฝรั่งยังไม่มา จีนยังไม่มา ญี่ปุ่น-เกาหลี ยังไม่มา แต่ซาอุฯ ประกาศวันขนนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมาเจิมตลาดท่องเที่ยวไทยทันควัน!

ก็อยากจะบอก “ไทยกันเอง” ว่า จะเป็นหมาเยี่ยวรดภูเขาทองไปทำไม ถ้าไม่รู้ว่าเราจะได้อะไร จากมิตรภาพสัมพันธ์ที่ฟื้นกลับละก็

อ่านนี่ “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” เขาสรุปประเด็น “ผลดี-ผลได้” ตามที่ “นายสนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยพูดเมื่อวาน (๒๗ มค.) ดังนี้

๕ โอกาสเศรษฐกิจไทย หลังฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ

⦁ ส่งออก
-เพิ่มขึ้น ๒%จากทั้งหมด เพิ่มขึ้นถึงประมาณ ๕,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ ๕ หมื่นล้านบาท)

-เจาะตลาดรถยนต์และส่วนประกอบ,สินค้าอาหาร และอาหารแปรรูป, อาหารฮาลาล, สินค้าเกษตร, เครื่องจักรกล, จิวเวลรี่, อุปกรณ์ไฟฟ้า, พลังงานสะอาด, วัสดุก่อสร้าง และ Medical Hub

⦁ ท่องเที่ยว
-สามารถดึงนักท่องเที่ยวซาอุฯได้เพิ่มขึ้นประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน/ปี
-ทำให้เกิดรายได้ประมาณ ๑๓,๕๐๐ ล้านบาท

⦁ ตลาดแรงงาน
-จำนวนแรงงานไทยในซาอุฯเพิ่มขึ้นจาก ๑๐,๐๐๐ คน เป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน ในระยะ ๓ ปี
-เพิ่มขึ้นเป็น ๒๐๐๐,๐๐๐ คน ในระยะ ๕ ปี เท่ากับปี ๒๕๓๒
-จะทำให้มีรายได้ส่งกลับไทย เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ ๔,๕๐๐-๙,๐๐๐ ล้าน/ปี

⦁ การลงทุน
-ลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวในกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ
-ซาอุฯยังมีโอกาสจะย้ายการดำเนินการ Head Quarter ในภูมิภาคนี้ มาที่ประเทศไทย

⦁ การค้า
-ภาคเอกชนของซาอุฯเตรียมการส่งเสริมการค้า-การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกัน
-คาดว่าจะมีการเซ็น MOU ภายในครึ่งปีนี้
ก็ตามโพสต์นายกฯ วันก่อนนั่นแหละ!
การฟื้นสัมพันธ์นี้ ทั้งภาคธุรกิจการค้า-การลงทุน-การอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว รวมถึงชาวบ้านร้านตลาด

มีแต่คนมองเป็นบวก +++
และชื่นชมรัฐบาลประยุทธ์, คณะทำงาน “กระทรวงการต่างประเทศ” ที่ทำให้สัมพันธ์ที่สูญหาย ๓๒ ปี คืนกลับ

จะบวกจริงหรือไม่ พวกสายพันธุ์อิจฉา อาจแย้งว่า คนทั่วๆ ไป รู้ผิวเผิน ก็หลับตาสรรเสริญเยินยอกันไป ถ้าอย่างนั้น ก็อ่านที่ “คนลืมตา” เห็นทั้งใน-เห็นทั้งนอกเขาโพสต์

“ดร.วินัย ดะห์ลัน” ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านสังคม
โพสต์ เมื่อ ๒๖ ม.ค.๖๕ กรณีสัมพันธ์ ๒ ชาติฟื้นฟูแน่นแฟ้น “เป็นทางการ” ว่า

⦁ ประเทศไทย-ซาอุดีอาระเบีย
เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ กับข่าวที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและซาอุดีอาระเบีย ใกล้จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากตกต่ำมานานกว่าสามทศวรรษ

สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเกิดปัญหามีหลายเรื่อง ซับซ้อนจนยากจะเข้าใจนานมาแล้ว

เคยฟังผู้ใหญ่ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย พูดผ่านผู้ใหญ่ฝ่ายไทยว่า เรื่องเพชรที่ฝ่ายเรามองว่าเป็นเรื่องสำคัญ
เอาเข้าจริงกลับไม่ใช่

ความคลุมเครือเรื่องการสูญหายของคนซาอุในประเทศไทยสำคัญกว่า แต่ยังมีประเด็นอื่นที่สำคัญกว่านั้น เราคนวงนอกยิ่งฟังก็ยิ่งงง

หลังจากผ่านไปสามสิบปี ในความเห็นของผมการขึ้นสู่อำนาจของมกุฎราชกุมาร MBS นับเป็นปัจจัยสำคัญ

เนื่องจากพระองค์ท่านทรงมีความคิดทันสมัย อีกทั้งบุคลิกภาพของนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวกันว่า ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย พึงพอใจค่อนข้างมาก

เท่าที่ทราบจากหลายฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างสองรัฐบาลดีขึ้น ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ผมเดินทางไปประชุมมาตรฐานฮาลาลที่ซาอุดีอาระเบีย พร้อมอาจารย์ปกรณ์ ปรียากร ดร.อาณัฐ เด่นยิ่งโยชน์ และดร.มุฮัมหมัดอมีน เจ๊ะนุ ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

ได้รับทราบข่าวดี ด้านการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทั้งจากประธานหอการค้าซาอุดีอาระเบีย จากอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยอิสลามมะดีนะฮฺ และอีกหลายฝ่าย ทว่าเป็นแค่ข่าว ยังไม่มีรายละเอียด

ผมและทีมงานไปประชุมที่ซาอุดีอาระเบียสองสามครั้ง ที่ผ่านมา เมื่อได้พบกับผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย เห็นว่า เขาระวังตัวกันมาก ในการพบปะพูดคุยกับฝ่ายเรา
แต่มาครั้งใหม่ เมื่อปลายปีที่แล้ว
ฝ่ายซาอุดีอาระเบียเปิดกว้างจนเห็นได้ชัด ขอเข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัย ยังได้พบทั้งท่านอธิการบดีและผู้บริหารทั้งชุด
พูดคุยกันเรื่องความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล ระหว่างประเทศไทยกับซาอุดีอาระเบียเสียด้วยซ้ำ

ความที่ท่านอธิการบดีทรงเป็นบุคคลระดับเชื้อพระวงศ์ ยิ่งทำให้พวกเรามั่นใจว่า คงได้ข่าวดีด้านความสัมพันธ์
และมันก็เป็นอย่างที่คาดจริง ๆ

ระหว่างที่ความสัมพันธ์ง่อนแง่น เราคนไทยได้รับผลกระทบกันมาตลอด ผลประโยชน์ของประเทศไทยจำนวนมหาศาลสูญเสียไป
จึงต้องขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและซาอุดีอาระเบีย กลับมาเป็นปกติ

ความสัมพันธ์ที่ดีจะก่อประโยชน์มากมายให้กับทั้งสองฝ่าย เชื่อมั่นอย่างนั้น

#drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน #สัมพันธ์ไทยซาอุ
………………………….

อ่านแล้ว รู้สึกไง พวก “สายอิจฉา” ทั้งหลาย ทีนี้มาถึง “สายเสี้ยม” ตระกูลสื่อบ้าง
ไม่รู้ไปเสี้ยมกันอีท่าไหน นักวิชาการเขาโพสต์ “สอนจรรยาบรรณสื่อ” ไว้ประมาณนี้
……………………………..
Pat Hemasuk

“ผมอ่านข่าวจากคอลัมนิสต์บางคนแล้วผมรู้สึกว่าการหาข่าวของบางสำนักตื้นเขินขึ้นทุกวัน บางคนไม่หาความรู้ในข่าวนั้นก่อนจะเขียนข่าว

บางคนก็เอาความรู้สึกที่ไม่ดีกับตัวบุคคลหรือรัฐบาลเป็นที่ตั้งแล้วเขียนไปตามนั้น
ผมอ่านข่าวว่าลุงตู่ไปซาอุได้พบเพียงระดับรองผู้ว่าการฯ แคว้นริยาด ลุงแกกระจอกมาก

แต่ความจริงแล้ว นั่นคือ เจ้าชายที่รับลุงที่สนามบิน เจ้าชายโมฮาเหม็ด บิน อับเดล รอห์มัน รองผู้ว่าการมณฑลริยาด
โดยตำแหน่งแล้วก็คือ ผู้ว่าการฯ ตัวจริงนั่นแหละ เพราะว่าผู้ว่าการฯ โดยตำแหน่งแล้วคือกษัตริย์ ดังนั้น คนที่ทำงานจริงคือรองผู้ว่าการฯ และนั่นคือ เพียงเจ้าชายที่ไปรับลุงที่สนามบิน

แต่คนเขียนข่าวรู้ไหมว่า เป้าหมายจริงที่เข้าพบคือเจ้าชายเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด ที่ลุงแกไปพบ
พระองค์ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมารที่จะขึ้นครองราชย์ในอนาคต

และยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 เพราะโดยตำแหน่งแล้ว นายกรัฐมนตรีก็เป็นกษัตริย์โดยตำแหน่งอีกเช่นกัน ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และประธานสภาเพื่อกิจการเศรษฐกิจและการพัฒนา ที่ถือเงินของประเทศจำนวนมหาศาล

นอกจากกษัตริย์แล้ว พระองค์คือเบอร์สองตัวจริงของซาอุดิอาระเบีย และเป็นข่าวที่ใหญ่มาก ระดับลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่นั่น รวมถึงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของตะวันออกกลางก็ลงข่าวนี้

สายการบินซาอุดีอาระเบียแอร์ไลน์ ก็ออกข่าว จะเปิดเที่ยวบินไดเร็กไฟล์จากริยาดมากรุงเทพในอีกสามเดือนข้างหน้า ทั้งที่ลุงตู่แกยังไม่จบงานที่นั่นอีกด้วย

ลุงแกยังไม่กลับบ้านเลย ก็มีข่าวด้อยค่าการไปเยือนเพื่อสัมพันธ์อันดีที่หยุดไปสามสิบกว่าปีเสียแล้ว

นั่นผมไม่ติดใจหรอกนะ
จะรักจะชอบหรือเกลียดก็แล้วแต่สำนักสื่อหรือตัวผู้เขียนข่าว

แต่การลงข่าวเท็จหรือความจริงครึ่งเดียว นั่นมันผิดจรรยาบรรณสื่อ ไม่ละอายตัวเองตอนเขียนข่าวกันบ้างหรือครับ”
………………………….

ผมก็ “ตระกูลสื่อ”
ถึงจะไม่ใช่คนที่คุณ Pat Hemasuk พูดถึง แต่ยินดีในคำสั่งสอนนะ เพราะทำให้ผมรู้ในเรื่องที่ไม่รู้ในซาอุฯ

สรุปว่า ทั้ง ๒ โพสต์ ตรงไหนเป็นการด่า ก็เฉลี่ยๆ รับกันไปเน้อ แต่ตรงไหนเป็นการดี
กองไว้ที่ผมคนเดียวก็ได้!



Written By
More from plew
จากปรับครม.ถึงดรามาไวรัส
เฮ้อ…. จะเลอะเทอะกันไปถึงไหน…หือ เจ้าพวกขบวนการสร้างข่าวปล่อยให้สับสนรายวัน?
Read More
0 replies on “อาฟเตอร์ช็อก “ลุงตู่” -เปลว สีเงิน”