เดินทางสู่ฟลอเรนซ์ในยุคเรเนซองส์ไปกับ Rado

Rado ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิสปรับรูปโฉมใหม่ให้คอลเลกชั่น Florence ซึ่งตั้งชื่อตามเมืองในอิตาลี ศูนย์กลางแห่งยุคเรเนซองส์ และเช่นเดียวกับงานศิลปะในยุคนั้น นาฬิกาคอลเลกชั่น Florence Classic โฉมใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามอันเป็นอมตะของสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกแบบกรีกและโรมัน

ทั้งหอคอยสูงตระหง่านกับโดมงามสง่าประจำเมืองฟลอเรนซ์ ได้รับการแปลงมาเป็นเส้นสายอันงดงามและส่วนประกอบรุ่นใหม่ๆ บนตัวเรือนสเตนเลสขัดเงา นาฬิกาคอลเลกชั่นนี้มาในรูปแบบเซตนาฬิกาชาย-หญิง โดดเด่นด้วยรูปทรงเพรียวดูหรูหราและสายนาฬิกาแบบข้อต่อเจ็ดส่วน ทำให้นาฬิกาคู่แต่ละเซตกลายเป็นของขวัญในอุดมคติของคู่รักทุกคู่อย่างแท้จริง

การนำคอลเลกชั่นยอดนิยมของ Rado มาตีความใหม่อีกครั้ง ทำให้เราได้เห็นองค์ประกอบนาฬิกาที่ประณีตบรรจงจากการดีไซน์ขึ้นใหม่ ที่เห็นเด่นชัดคือหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์ดำบนตัวเรือนสเตนเลสขัดเงาหรูหรา พร้อมด้วยกรอบหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์แบบโค้งที่ออกแบบพัฒนาให้เอียงอย่างได้องศาจรดขอบที่เคลือบโลหะดำ

ส่วนเข็มนาฬิกาชุบโรเดียมเดินบอกเวลาเข้ากันกับเพชรฟูลคัทสี่ตำแหน่งบริเวณ 36, 9 และ 12 นาฬิกา ซึ่งความเปล่งประกายนี้เองที่ตอกย้ำภาพการเฉลิมฉลองการกลับมาอีกครั้งของคอลเลกชั่น Florence Classic ได้เป็นอย่างดี พร้อมโลโก้ Jubilé อันโด่งดัง แต่เดิม

การใช้เพชรเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการคัดสรรวัสดุแท้ชั้นเลิศ—ไม่ใช่เพียงเพชรสังเคราะห์ แต่การกลับมาครั้งนี้ Rado ยังสะท้อนภาพความทุ่มเทของแบรนด์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่มุ่งมั่นจะสร้างสรรค์นาฬิกาให้ได้คุณภาพสูงสุดเสมอ

ทั้งในเรื่องการออกแบบและวัสดุที่เลือกใช้ ส่วนโลโก้อันคุ้นตานั้นพิมพ์สีเงินอยู่เหนือช่องบอกวันที่ด้านบนเลข ไม่เพียงเท่านี้ Rado สุดคลาสสิกยังยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยเม็ดมะยมและตัวสายที่ทำจากสเตนเลสขัดเงาทั้งหมด รวมทั้งใช้ข้อต่อแบบ ส่วน และขานาฬิกาที่เชื่อมตัวเรือนกับสายก็ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่

ส่วนนาฬิกาคู่ที่สอง มาในกรอบหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์แบบโค้งที่ทำมุมเอียงและเคลือบโลหะสีเหลืองทอง อยู่รอบตัวหน้าปัดแบบซันบรัชสีขาว ซึ่งมาพร้อมเข็มนาฬิกาสีเหลืองทอง และดัชนีบอกเวลาสีเดียวกันในตำแหน่ง 3, 6, 9 และ 12 นาฬิกา ทั้งตัวกรอบ เม็ดมะยม และแถบโลหะสีเหลืองทอง

ทั้งหมดนี้อยู่คู่กับสายนาฬิกาสเตนเลสที่มีข้อต่อสามแถบเคลือบ PVD สีเหลืองทองเช่นกัน  และนี่ก็คือตัวอย่างนาฬิกา 2 คู่จากทั้งหมด คู่—รวม 14 รุ่น—ที่อยู่ในคอลเล็กชั่น Florence Classic โฉมใหม่

แรงบันดาลใจจากไฟถนน ณ ฟลอเรนซ์

จากการเล่นแสงและเงาบนถนนฟลอเรนไทน์มาสู่เฉดสีที่ตัดกันบนพื้นผิวของนาฬิกาในคอลเลกชั่นนี้ ดีไซน์ใหม่ๆ ของนาฬิกาแต่ละรุ่นมาพร้อมหน้าปัดขนาด 38 มม. และ 30 มม. สำหรับผู้ชายและผู้หญิง ตัวเรือนสเตนเลสสตีลบางเพียง 8.7 มม. และ 7.8 มม. สายนาฬิกาเป็นแบบ ส่วนขนาด 19 มม.และ 15.8 มม. โดยสายนาฬิกาทุกเรือนทำจากสเตนเลสขัดเงา และ/หรือสเตนเลสเคลือบสี ซึ่งมีความยืดหยุ่นและใส่สบายอย่างแท้จริง

ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้นวัตกรรมการออกแบบขานาฬิกาที่เชื่อมตัวเรือนกับสาย และโครงสร้างสายหน้าฬิกาแบบ ส่วนที่มอบความสบายให้ทุกคนที่สวมใส่

Rado Florence Classic ทั้งของผู้ชายและผู้หญิงเป็นแบบสามเข็มนาฬิกาทั้งหมด และมีวันที่บอกตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทุกเรือนใช้กลไกการเดินระบบควอทซ์ Rado R073/R079 พร้อมเทคโนโลยี PreciDrive และ HeavyDrive ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและทนทานต่อแรงกระแทกด้วย นอกจากนี้ทุกรุ่นในคอลเล็กชั่นยังกันน้ำได้ถึง บาร์ (50 เมตร)


Written By
More from pp
สวก. โชว์ศักยภาพเทคโนโลยีนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ ยกระดับงานวิจัยสู่สังคมแห่งอนาคต พร้อมจับ 13 บริษัทลงทุนธุรกิจ ผลักดันสู่อาหารโลก  
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. จัด “งานสัมมนาเปิดตัวเทคโนโลยีและนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยกลุ่มเรื่องอาหาร “Taste of Innovation : นวัตกรรมอาหาร เพื่อการพัฒนาสู่อนาคต” ภายใต้การสนับสนุนของ สวก.
Read More
0 replies on “เดินทางสู่ฟลอเรนซ์ในยุคเรเนซองส์ไปกับ Rado”