เช็ดขี้ให้ยังโดนด่า-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

พูดไปมันก็เหลือเชื่อ
มีคนขี้กองไว้ในที่สาธารณะ ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาทนไม่ไหว จัดการโกยขี้ไปทิ้ง
แต่เจ้าคนที่ขี้ ออกมาโวยวาย
โกยทำไม?
ด่าคนโกยเป็นพวกเลวระยำต่ำช้า จะต้องรับผิดชอบ
ครับ…การอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนวานนี้ (๑๘ กุมภาพันธ์) ฝ่ายค้านเอาเรื่องเหมืองทองอัครามาโจมตีรัฐบาลอีกครั้ง

เหมืองทองอัครา หรือ เรียกว่า เหมืองทองคำชาตรี ตั้งอยู่ในพื้นที่รอยต่อ ๓ จังหวัด คือ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์
แต่คนอภิปรายคือ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย
ประเด็นที่นำมาอภิปรายก็ตามนี้….

“….การให้อาชญาบัตรสำรวจแร่ เกือบ ๔ แสนไร่ การให้สิทธิประทานบัตร เกี่ยวข้องกับกฎหมายไทยหลายฉบับ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติเหมืองแร่ พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๑๗ วรรคสี่ กำหนดว่าเขตทำเหมืองแร่ ห้ามทำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตป่าสงวน พื้นที่เขตปลอดภัย ต้นน้ำ หรือแหล่งน้ำซับซึม

แต่ปรากฏว่า ตั้งแต่กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ผ่านมา ๕ ปี ยังมีการยื้อเวลา ไม่ประกาศเขตเหมืองแร่ แต่ตอนนี้มีการเปิดทางให้มีการสำรวจแร่ ๖ แสนไร่ที่คิงส์เกตขอไว้ คือแหล่งสุวรรณและแหล่งโชคดี ซึ่งเป็นแหล่งทองคำ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย และทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก

ถามว่านายกฯ จะยกให้คิงส์เกตหรือไม่ ขณะนี้กำลังมีการทอดเวลา รัฐบาลกำลังค่อยๆ แล่เนื้อเถือแผ่นดิน

หากไม่แสวงหาความจริงได้ ขอให้ทุกคำถามประทับอยู่ในหัวใจทั้งประเทศ พรรคเพื่อไทยไม่มีวันลืม แสวงหาข้อเท็จจริงทุกช่องทาง นำความจริง ตีแผ่เบื้องหลัง หากการเจรจายอมความมีพฤติกรรมไม่สุจริต มีข้อแนะนำเดียว คือ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมทีมทนายทั้งในและต่างประเทศไว้ให้ดี

หลายครั้งที่พรรคเพื่อไทยถามเรื่องนี้ แต่นายกฯ กลับตอบไม่ตรงคำถาม จนกลายเป็นคดีระหว่างประเทศที่ดำมืด

ขณะนี้มีการเปิดทางให้คิงส์เกตนำผงเงินผงทองคำที่ถูกอายัดไว้ออกขาย ให้สิทธิสำรวจแร่เกือบ ๔ แสนไร่ การให้สิทธิต่อประทานบัตร ๔ แปลง

อยากถามว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเจรจาประนีประนอมยอมความของทั้งสองฝ่ายหรือไม่ ถ้าตอบว่าทั้งหมดไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการประนีประนอม ทำไมการฟ้องร้องกันยังไม่ยุติ หรือคดีไม่ถึงที่สุด แต่รัฐบาลไทยกลับเปิดเหมืองให้ทำต่อ

เป็นไปได้อย่างไรที่คดีเดิมมีการฟ้องร้อง เพียง ๓ พันกว่าไร่ ยังไม่ยุติ นอกจากได้สิทธิเก่าคืนแล้ว ยังได้สิทธิใหม่เพิ่มเติม เท่ากับว่าเป็นการใช้พื้นที่เฉียดหนึ่งล้านไร่ เพื่อสังเวยค่าโง่ ของการใช้ ม.๔๔ สั่งปิดเหมืองทองอัครา….”

ครับ…ประเด็นทั้งหมดนี้ มีจุดเริ่มจากไหน
เคยนำเสนอไทม์ไลน์เหมืองทองอัครามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ก็ซ้ำอีกที

๒๕๓๗ ยุครัฐบาลชวน ๑ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เริ่มทำการสำรวจแหล่งแร่ทองคำในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์
ทั้งสองจังหวัดเป็นพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่อยู่นอกพื้นที่พัฒนาเหมืองแร่ทองคำ เป็นโครงการใหญ่ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม

๒๕๔๓ รัฐบาลชวน ๒ บริษัทอัคราฯ ได้ประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และพิจิตร รวม ๔ แปลง

๒๕๔๔ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร บริษัทอัคราฯ ได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุนจาก BOI โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ๘ ปี จึงเริ่มผลิตทองคำเชิงพาณิชย์

๒๕๔๖ รัฐบาลทักษิณ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำจังหวัดเลย ๖ แปลง แต่มาเปิดกิจการทำเหมืองและประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ ก่อนรัฐบาลนายทักษิณประกาศยุบสภา

หลังบริษัทอัคราฯ ผลิตทองคำในเชิงพาณิชย์ได้ไม่นาน ก็เริ่มมีความขัดแย้งกับชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งปัญหาเรื่อง ฝุ่นละออง เสียงรบกวน มีการยื่นหนังสือให้รัฐบาลระงับการทำเหมืองมาต่อเนื่อง

๒๕๔๙ รัฐบาลพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ สั่งทบทวนนโยบายพัฒนาเหมืองแร่ทองคำ
รัฐบาลขณะนั้นยืนยันให้ความสำคัญกับเรื่องความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากร

มติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๐ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๐ มอบหมายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาทบทวนการกำหนดค่าภาคหลวงแร่ทองคำให้เหมาะสม
ตุลาคม ๒๕๕๐ กระทรวงอุตสาหกรรม ออกกฎกระทรวงปรับอัตราค่าภาคหลวงใหม่

จากเดิมใช้อัตราคงที่ ร้อยละ ๒.๕ เปลี่ยนมาใช้อัตราก้าวหน้าร้อยละ ๐-๒๐ ซึ่งมีอัตราการจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ทองคำที่แท้จริง หรือ effective rate เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๑๐

ปี ๒๕๕๖ กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอร่างนโยบายสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำฉบับใหม่ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อใช้เป็นกรอบในการกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลและการทำเหมืองแร่ทองคำ

แต่ “ยิ่งลักษณ์” ประกาศยุบสภาไปเสียก่อน
เรื่องค้างมาถึงรัฐบาลลุงตู่

มีชาวบ้านร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมลพิษจากเหมืองที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสารพิษปนเปื้อนในน้ำ ดิน และอากาศ
รวมถึงสภาวะเครียดที่เกิดขึ้นจากเสียงของอุตสาหกรรม

“ลุงตู่” ใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ออกคำสั่งที่ ๗๒/๒๕๕๙ ระงับการทำเหมืองทองคำและประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ ท่ามกลางเสียงสรรเสริญจากชาวบ้าน และองค์กรพัฒนาเอกชน

คำสั่งระบุว่า มีการร้องเรียนและคัดค้านการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคําเนื่องจากได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่โครงการทําเหมืองแร่ทองคําหลายแห่ง

จึงมีความจําเป็นต้องกําหนดมาตรการในการป้องกันและระงับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน รวมทั้งกําหนดมาตรการในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคํา
จึงมีคำสั่งระงับการประกอบกิจการไว้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐

อันที่จริง “ลุงตู่” จะเมินเฉย ไม่สนใจที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ได้ ปล่อยให้รับมรดกบาปจากผลงานที่ “ทักษิณ” ร่วมก่อเอาไว้
แต่ก็ตัดสินใจเช็ดขี้ให้รัฐบาลก่อน ด้วย ม.๔๔

และนี่เองทางบริษัทคิงส์เกตจึงได้เจรจาเพื่อยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลไทยชดใช้เป็นจำนวนเงินประมาณ ๓ หมื่นล้านบาท แต่การเจรจาไม่เป็นผล

เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ บริษัทคิงส์เกตได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหาข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย Statement of Claim ได้ถูกยื่นต่ออนุญาโตตุลาการด้วยการขอตั้ง คณะอนุญาโตตุลาการ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย หรือ TAFTA ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย

รัฐบาลไทยและคิงส์เกตเริ่มเข้ากระบวนการไต่สวนอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ ๓-๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่สิงคโปร์
การพิจารณายังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ทางรัฐบาลไทยต้องการใช้แนวทางการเจรจาโดยยึดหลักรัฐไม่เสียหาย เอกชนต้องอยู่ได้

ถามคนอภิปรายว่า เรื่องแบบนี้ตัดสินใจง่ายอย่างนั้นหรือ
ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะตัดสินใจแบบไหน

ด่าในสภามันง่ายครับ ลงเนื้องานจริงๆ ผลกระทบมันเยอะ

แน่นอนครับรัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่ก็ใช่ว่ารัฐบาลที่ก่อเรื่องจะโยนขี้ให้คนอื่น แถมยังด่าไล่หลังอีก โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ
มันเคยตัว


Written By
More from pp
สถานเสาวภาเชิญร่วมการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ AMSEM 2020
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ร่วมกับ  จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ เรื่อง The 6th International Symposium on ASEAN Marine...
Read More
0 replies on “เช็ดขี้ให้ยังโดนด่า-ผักกาดหอม”