เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2564 เวลา 7.30 น.
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนคร นครราชสีมา
นายอุทัย มิ่งขวัญ ประธานสภาเทศบาลนครนครราชสีมา
ส.จ.รัชฎา ใจกล้า ส.จ.องอาจ พฤกษ์พนาเวศ ส.จ.ก้องเกียรติ วงศ์นิยม และคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา (สท.)
ลงพื้นที่มอบปฏิทินประจำปี 2565 พร้อมอวยพรปีใหม่พี่น้องประชาชนชาวโคราช โดยเริ่มตั้งแต่ตลาดหัวรถไฟ,ตลาดประปา,ตลาดแม่กิมเฮง จากนั้นเดินทางไปกราบพระเถระจังหวัดนครราชสีมา วัดสะแก,วัดสุทธจินดา,วัดบู วัดศาลาลอย และวัดพายัพ ตลาดย่าโม,ตลาดประตูผี,ตลาดหนองไผ่ล้อม และตลาดป๋องแป๋ง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
นายเทวัญ กล่าวว่าปีนี้พรรคชาติพัฒนาร่วมกับศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน ทีมโคราชชาติพัฒนา ได้จัดทำปฏิทินประจำปี 2565 มาสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนชาวโคราชเหมือนทุกปี แต่ปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเราเจอวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) แล้วยังมาเจอน้ำท่วมหนักซ้ำเข้ามาอีกก็อยากให้กำลังใจคนโคราชเป็นของขวัญปีใหม่ จึงได้อัญเชิญภาพ “พระชัยเมืองนครราชสีมา” พระคู่บ้านคู่เมืองโคราชมาจัดทำเป็นภาพปฏิทิน เพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พี่น้องชาวโคราช”ชนะ”อุปสรรคทุกอย่าง
“”พระชัยเมือง” คือ ชัยชนะทุกอย่าง ปีใหม่แล้วขอให้พี่น้องประชาชนชาวโคราชมีแต่ชัยชนะ ชนะทุกอย่าง มีความสุขกันทุกคน” หัวหน้าพรรค กล่าว
“พระชัย” เป็นพระพุทธรูปสำคัญแต่บรรพกาล มีตำนานการสร้างเป็นของ “สมเด็จพนรัตน์” วัดป่าแก้ว ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีความหมายว่า “ชัยชนะ” สร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ใช้เพื่ออัญเชิญไปในกองทัพออกศึกสงคราม
“พระชัยเมืองนครราชสีมา” ค้นพบที่เมืองพิมาย เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครราชสีมา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 19-20 ชนิดสำริด หน้าตักกว้าง 15.3 ซ.ม. สูง 22.2 ซ.ม. ประทับนั่งสมาธิราบบนฐานเตี้ย พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย ครองจีวรห่มเฉียง ชายสังฆาฏิยาวสอดอยู่ใต้ชายรัดประคดพระพักตร์ สี่เหลี่ยม พระเนตรเบิกกว้าง กรอบพระพักตร์มีไรพระศกสองเส้น ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีทำเป็นรูปคล้ายหม้อน้ำแบบศิลปะที่เรียกว่า ‘พระพุทธรูปอู่ทอง 2’
จุดเด่นคือ มีจารึกอักษรขอม ภาษาบาลี ที่องค์พระโดยรอบเป็นยันต์และหัวใจพระคาถาต่างๆ คำคาถา (นะ โม พุท ธา ยะ) ความหมายคือ”ชัยชนะ เหนือสิ่งทั่งปวง”