ผักกาดหอม
ราวกับจะเลือกกันวันพรุ่งนี้
ครับ…การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ยังคงเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างมาก
บรรยากาศดูคึกคัก
ทั้งๆ ที่คาดกันว่าจะเลือกกันเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม ปีหน้านู้นนน
แต่ตอนนี้ ปี่ กลอง เชิดรัวเป็น เฮฟวีเมทัล ร็อก ตีกันสนั่น เป่ากันชนิดไม่ต้องหายใจ เหมือนกับว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คือเดิมพันสุดท้ายของพรรคการเมืองหลายพรรค
ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
การเมืองในปัจจุบันเปลี่ยนไปเยอะ แต่เปลี่ยนไปในทิศทางที่เลวลง
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง รู้จักผู้สมัครรับเลือกตั้งฉาบฉวยขึ้น โดยโซเชียลเข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก
การเมืองสมัยก่อนต้องตั้งเวทีปราศรัย เหนื่อยทั้งคนพูด คนฟัง
ปัจจุบัน นั่งในส้วมที่บ้านก็ฟังปราศรัยได้ ผ่านโลกออนไลน์
ที่จริงมันก็ดี เพราะโลกมันเปลี่ยน โซเชียลเข้าถึงทุกคนได้ง่ายกว่า
แต่ก็มีข้อเสีย ที่ต้องยอมรับนั่นคือ โซเชียลเต็มไปด้วย ข่าวปลอม อคติ ข้อมูลครึ่งเดียว ข้อเท็จจริงแทบไม่มีเหลือ
เมื่อบรรยากาศที่เปลี่ยนไป นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของหลายๆ สิ่ง
ที่เลวร้ายคือการเสพสื่อด้านเดียว
การตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกใคร ผ่านข้อมูลทางโซเชียล จึงอาจเป็นการเลือกที่ผิดพลาดได้
ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่หลายๆ คนตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใคร โดยไม่ดูผลงานในอดีต
หรือบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ว่าฯ กทม.มีหน้าที่ทำอะไร ขอบข่ายงานของ กทม.มีอะไรบ้าง ขอแค่นักการเมืองฝ่ายตนได้เข้าบริหาร กทม.ก็สมใจอยากแล้ว
งั้น…ไปดูกันก่อนว่าผู้ว่าฯ กทม. และงานของ กทม.มีอะไรบ้าง
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔๙ กำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
๑.กำหนดนโยบาย บริหารราชการของกรุงเทพมหานคร ให้เป็นไปตามกฎหมาย
๒.สั่ง อนุญาต อนุมัติ เกี่ยวกับราชการของกรุงเทพมหานคร
๓.แต่งตั้งและถอดถอน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และแต่งตั้งและถอดถอนผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา หรือคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือเป็นคณะกรรมการ เพื่อปฏิบัติราชการใดๆ
๔.บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย
๕.วางระเบียบ เพื่อให้งานของกรุงเทพมหานคร เป็นไปโดยเรียบร้อย
๖.รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
๗.อำนาจหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น
และมาตรา ๘๙ ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายอื่น ให้กรุงเทพมหานครมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการใน เขตกรุงเทพมหานครในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งนี้ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครและตามกฎหมายอื่นที่กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร
(๒) การทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนด
(๓) การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(๔) การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
(๕) การผังเมือง
(๖) การจัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ
(๗) การวิศวกรรมจราจร
(๘) การขนส่ง
(๙) การจัดให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรือ ท่าข้ามและที่จอดรถ
(๑๐) การดูแลรักษาที่สาธารณะ
(๑๑) การควบคุมอาคาร
(๑๒) การปรับปรุงแหล่งชุมชนแออัดและการจัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
(๑๓) การจัดให้มีและบำรุงรักษาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
(๑๔) การพัฒนาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
(๓) (๑๔ ทวิ) บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
(๑๕) การสาธารณูปโภค
(๑๖) การสาธารณสุข การอนามัยครอบครัว และการรักษาพยาบาล
(๑๗) การจัดให้มีและควบคุมสุสานและฌาปนสถาน
(๑๘) การควบคุมการเลี้ยงสัตว์
(๑๙) การจัดให้มีและควบคุมการฆ่าสัตว์
(๒๐) การควบคุมความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและการอนามัยในโรงมหรสพ และสาธารณสถานอื่นๆ
(๒๑) การจัดการศึกษา
(๒๒) การสาธารณูปการ
(๒๓) การสังคมสงเคราะห์
(๒๔) การส่งเสริมการกีฬา
(๒๕) การส่งเสริมการประกอบอาชีพ
(๒๖) การพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร
(๒๗) หน้าที่อื่นๆ ตามที่กฎหมายระบุให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เทศบาลนคร หรือตามที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย หรือที่กฎหมายระบุเป็นหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร
เมื่อเข้าใจแล้วว่า อำนาจหน้าที่ ขอบข่ายงานมีอะไรบ้าง ทีนี้มาดูผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งยืนยันแล้วและยังไม่ยืนยัน หลักๆ ๓ คนในเวลานี้คือ ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, ผู้ว่าฯ หมูป่า-ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร และชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ทั้งหมดมีดีกรี “วิศวกร”
ก็ถือว่าเหมาะสม หากจะมารับหน้าที่เป็นผู้สร้างเมือง
ครับ…แต่การเมืองมันฟาดฟันกันชนิด ถ้าไม่ใช่คนของตัวเอง ต้องตีให้มันจมดิน
ช่วงนี้ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ดูจะหนักหน่อย ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่พูดสักคำว่า จะลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ แต่สื่อสำนักโอ๊กอ๊ากดูจะเล่นใหญ่ไปหน่อยโจมตีทุกวัน เพียงเพราะมีข่าวพัวพันกับพรรคพลังประชารัฐ
ลองสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ขี้ก็ว่าหอม!
สำหรับ “ดร.เอ้” ยังใหม่อยู่ แต่อีกไม่นานน่าจะโดนถล่มหนักเหมือนกัน
ต่างกับ “ชัชชาติ” ดูจะได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นพิเศษ ภาพลักษณ์ติดดิน ซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง นั่งสองแถว โหนรถเมล์ เดินเท้าเปล่าหิ้วถุงแกงเข้าวัด ถูกขุดขึ้นมาแชร์ในโซเชียลอีกครั้ง
ก็ไม่แปลกอะไร เพราะนั่นคือ “ชัชชาติ”
มีประเด็นเปรียบเทียบ “ชัชชาติ” ก็ไม่ต่างอะไรกับ “ลูกหนัง-ศีตลา วงษ์กระจ่าง” ลูกสาว “ตั้ว ศรัณยู” แต่ทำไมคนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ถึงได้สองมาตรฐานในการตัดสินคน
“ตั้ว ศรัณยู” ไม่ได้ทำลายชาติ เพียงเคลื่อนไหวทางการเมือง ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลโคตรโกงพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น
แต่ผู้รักประชาธิปไตยบอกว่า “ลูกหนัง” ต้องรับผิดชอบ เพราะพ่อนิยมเผด็จการทหาร ชอบการรัฐประหาร
ขณะที่เช้าวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ พล.ต.ต.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ บัญชาการให้ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) พ่อของ “ชัชชาติ” พร้อมลูกน้องอาวุธครบมือบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วันนั้น ตชด.มีอาวุธสงครามใช้ทุกชนิด ตั้งแต่เครื่องยิงระเบิด ปืนต่อสู้รถถัง ปืนเอ็ม ๗๙ ปืนเอ็ม ๑๖ ปืนเอชเค และปืนคาร์บิน
ตำรวจบางคนมีระเบิดมือห้อยอยู่ครบเต็มอัตราศึก เสียงปืนดังรุนแรงตลอดเวลา
ก่อนนำไปสู่เหตุการณ์วิปโยค นักศึกษาประชาชนถูกฆ่า
ถามว่ามีคนที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยลุกขึ้นมา ต่อต้าน “ชัชชาติ” สมัครผู้ว่าฯ กทม. เหมือนที่รุมด่าอย่างป่าเถื่อน ต่อต้าน “ลูกหนัง-ศีตลา” เป็นเกิร์ลกรุ๊ป-เคป๊อป บ้างหรือไม่
ครับ…ไม่ควรตัดสิน “ชัชชาติ” เพราะมีพ่อชื่อ พล.ต.ต.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์
เช่นเดียวกัน ไม่ควรรังแก “ลูกหนัง-ศีตลา” เพราะเป็นลูก “ตั้ว ศรัณยู”