เปลว สีเงิน
สถาบัน “พระมหากษัตริย์” เวลานี้
ถ้าพูดตามนิยาม “นิทานอีสป” ก็ต้องพูดว่า
ประหนึ่ง “ลูกแกะ”
ที่ตกอยู่ในวงล้อม “หมาป่า”!
เป็นหมาป่าในคราบ ตัวแทนยูเอ็น, สหรัฐ, สหภาพยุโรป และตัวแทนจากสถานทูตอีกกว่าสิบประเทศ
หน้าฉาก “ใส่สูท” ระดับทูต “ตัวแทนประเทศที่น่าเชื่อถือ
หลังฉาก “สวมหน้ากากหมาป่า” ออกล่าไทยเป็นเหยื่อ
หวังใช้เป็นฐานยุทธศาสตร์ “ภูมิภาคอุษาคเนย์” ยันจีน และเก็บเกี่ยวทรัพยากรในประเทศกลับไป “แบ่งกันรวย”
อย่างที่พวกมันเคยทำกับไทยมาแล้ว สมัยรัชกาลที่ ๕!
หมาป่าพันธุ์เทศ “มันฉลาด” ไม่ออกหน้าเองโดยตรง
เอาหนังหมาป่ามาให้ “หมาขี้เรื้อนไทย” คลุมตัวเป็น “พันธุ์รุ่นใหม่” แล้วกระตุกโซ่ ให้ออกหน้าเห่าล่มชาติ
ผ่านปฏิบัติการ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ถอนราก-ถอนโคนระบบพระมหากษัตริย์ แล้วใช้ระบบ “ประธานาธิบดี” แทน ตามสูตรปิยบุตร
นอกจากต้องการครอบครองไทยแล้ว….
ยังต้องการให้ไทย “หางด้วน” อย่างพวกมันเป็นในยุโรป ที่ล้ม “สถาบันกษัตริย์” ไปแล้ว…….
บูชา “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” เป็นสรณะชาติแทน ด้วยหลงว่า “สูงสุด-ประเสริฐสุด”
ตอนนี้ “บุญเก่าหมดแล้ว” กรรมในอดีตกำลังย้อนสนอง อีกไม่ต่ำ ๕ แสน ขุดหลุมรอได้ เพราะ “สิทธิมนุษยชน” ที่บูชาสูงสุด-ประสริฐสุด “ไม่ฉีดวัคซีน” คือสิทธิกู
โควิดจึงหัวร่อร่า….
ทั้งป่วย ทั้งตายโหง-ตายห่ากันแบบโง่ๆ ศพแช่แข็งหิมะตอนนี้!
จงดูไว้ เพื่อสำเหนียก สังคมประเทศที่ไม่มีแก่นความเป็นชาติ คราวิกฤติ จะเหมือนเรือไร้หลักให้ผูก ไม่มีท่าให้จอดหลบมรสุม
ผู้คนก็จะว้าวุ่น สับสน อลหม่าน ด้วยไม่มีที่พึ่ง-ที่ยึด ทั้งทางกายและทางใจ ใครก็ไม่เชื่อฟังใคร เพราะต่างบ้าใบ้ในสิทธิมนุษยชนเสมอภาค
แต่โง่ของหมาป่า ยังมีเล่ห์โดยสันดาน ดังนั้น มันจึงรู้
ว่าจักรวรรดิ์อำนาจตะวันตก “สหรัฐ-ยุโรป” จะแผ่อำนาจเหนือประเทศได้
ขั้นแรก ต้องถอน “เสาหลักไทย” ให้ได้ก่อน!
“สถาบันพระมหากษัตริย์” คือ “เสาหลักประเทศและความเป็นไทย”
แต่ตราบใดที่สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ ตราบนั้น ใครก็อย่าหวังจะ “ล่มชาติ-ล่มแผ่นดิน” เพื่อเอาประเทศไทยนี้ไปกิน-ไปครองได้!
ฉะนั้น ตอนนี้ พวกหมาป่าใส่สูทจึงพล่าน
พล่านเพราะสามนิ้วขี้เรื้อนในปลอกคอหมดน้ำยา “ด่านหน้า” แตก เข้าคุกกันเป็นแถวๆ
ทั้งหัวขบวนตัวแสบแอบหลังม็อบ พวกจานมหา’ลัย พวกสามสัส พวกท่านผู้ทรงเกียรติบางพรรคใจสภา พวกกเฬวรากรับจ้างจลาจล
อยู่ในภาวะ “หัวหดลงหำ”!
ตอนนี้ ลามไปถึงองค์กรหากินในคราบผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน อย่างแอมเนสตี้ ที่เดินบทบาท “อำนาจโลก” เพื่อสิทธิมนุษยชน
แต่ที่แท้…..
เป็นองค์กร-เครือข่าย “พิทักษ์สามนิ้ว” ปฏิรูปแบบปฏิวัติ เป้าหมาย “ล้มล้างสถาบัน”
ถึงจุด ประชาชนคนไทย “ทนไม่ได้”
มึงล่ารายชื่อมาบีบไทย ชนิดแทรกแทรงอำนาจอธิปไตย ในความเสมอภาคทางสิทธิมนุษยชน นั้น ประชาชนคนไทย ก็เข้าชื่อล้านคน
ไล่มึง “แอมเนสตี้”
ให้ไสหัวออกไปจากประเทศไทยได้เหมือนกัน!
แล้วไงล่ะ วานซืน (๒๔ พย.๖๔) หางไทย-หางเทศก็โผล่กันเป็นแถวๆ
คณะทูตานุทูตและตัวแทนองค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ที่เป็นวอลเปเปอร์โลกให้ธนาธรบ้าง ให้แก๊งสามนิ้วตอนขึ้นศาลบ้าง
มาเป็นตลก “คณะรวมญาติ” ที่สำนักงาน “ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน”
มีใครบ้างล่ะ ก็แกะข่าวมาให้ดู นี่ไง จาก…
-สถานทูตเยอรมนี, ฝรั่งเศส, สวีเดน, ฟินแลนด์, นอร์เวย์, สหราชอาณาจักร, ลักเซมเบิร์ก, ออสเตรีย, สวิตเซอร์แลนด์ และสถานทูตสหรัฐอเมริกา
และยังมีดาราสมทบ….
-ตัวแทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย
-ตัวแทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(Human Rights)
รายการนี้ “ฝ่ายไทย” ที่ขาดไม่ได้แน่นอนอีกคน คือ iLaw โดย “นายยิ่งชีพ” ผู้จัดการ มา “นำเสนอข้อมูล” ด้วยอีกคน
เรื่องคอขาดบาดตาย ขั้นสงครามโลก ครั้งที่ ๓ อย่างนั้นหรือ ถึงยกโขยงมาโชว์ตัว-ประจานหน้า ตอกย้ำถึงความเป็น “องค์-เครือข่าย” กันถึงขนาดนี้
สำหรับ “องค์กร-เครือข่าย” ในความแตกพ่ายของสามนิ้ว ก็คงประมาณนั้น
ร้อนอก-ร้อนใจกัน จนไม่คำนึงถึงมรรยาทที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศอื่น
ยกทัพจักรวรรดิ์อำนาจตะวันตก “สหรัฐ-ยุโรป” มากันครบหน้า
มาทำไม?
มาสุมหัวในประเด็น “คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ” ที่วินิจฉัยว่า คำปราศรัย “อานนท์-ไมค์-รุ้ง” เมื่อ ๑๐ ส.ค.๖๓
มีเจตนาซ่อนเร้น เพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป
การใช้สิทธิและเสรีภาพของ อานนท์-ไมค์-รุ้ง เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สุจริต
เป็นการละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง
เนี่ย…
เขามาเป็นแนวร่วม “สามนิ้วรวมญาติ” กัน แล้วยโสในความเป็นฝรั่งหัวแดง วิพากษ์ในทางลบหลู่ศาลไทย เช่นว่า
“รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันฯ ของ ๓ แกนนำ การชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยถือเป็นการล้มล้างการปกครอง”
แถมทวิตขู่….
ให้ไทยตระหนักถึงพันธะกรณีในการปกป้องสิทธิของผู้ประท้วงในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง!
การประท้วง ก็ประท้วงได้ การแสดงความคิดเห็น ก็แสดงได้ มันเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า “โดยสงบและปราศจากอาวุธ” หรือไม่ตะหาก
การรวบรัดตัดตอนอ้างแต่สิทธิด้านเดียว “ห่วยแตก” ว่ะ “สหรัฐ-ยุโรป” อย่านึกว่าตีนใหญ่ นึกจะเหยียบใคร ก็เหยียบได้สบายตีนเหมือนอดีตนะ
บ้านเมืองตัวเองตอนนี้น่ะ ทั้งสหรัฐ-ยุโรป สิทธิมนุษยชน ประชาธิปตง-ธิปไตย อยู่ตรงไหน มีมั้ย?
บ้านกูมีโทรทัศน์นะ ….
ซีเอ็นเอ็น บีบีซี อัลจาซีรา กูฟังไม่ออก แต่กูดูออก ภาพเหตุการณ์มันฟ้อง ว่าพวกมึง สู่ยุค “บ้านป่า-เมืองเถื่อน” แล้วตอนนี้
ไสหัวกลับไปหาสิทธิมนุษยชนจากรัฐบาลบ้านพวกมึงให้เจอก่อน แล้วค่อยมาเผือก!
แล้วรู้จัก “เม่น” ไว้ด้วย ถ้าจะเผือกกับไทย ไม่ใช่สุมหัวกับขบวนการสามนิ้ว แล้วรู้จักแต่ “หมาขี้เรื้อน”
พูดถึงหมาขี้เรื้อน……
เห็นนาย “สุทิน คลังแสง” กระบี่มือหนึ่งของพรรคทักษิณ ตั้งกระทู้สุดถามรัฐมนตรีต่างประเทศ “ดอน ปรมัตย์วินัย” เมื่อวานแล้ว
อยากจะร้อง…เฮ้อ!
พรรคเพื่อไทยเขาไม่รักประเทศหรือยังไง ตั้งกระทู้ถามน่ะไม่มีใครว่า แต่ทัศนคติในการถาม นอกจากไม่สร้างสรรค์แล้วยังมุ่งทำลายอย่างน่าเกลียด
เช่นว่า รัฐมนตรีต่างประเทศไปเมียนมา นายสุทินก็ว่า
-สังคมโลกต่างแสดงท่าทีรังเกียจ คว่ำบาตร และเรียกร้องให้กลับมาเป็นประชาธิปไตยโดยด่วน แต่ไทยกลับไปเยือน สวนทางสังคมโลก
-ไทยยังไปเยือนแบบลับๆ ล่อๆ ไม่มีแถลงข่าว ไม่มีวาระแจ้งต่อสังคมไทย
-ตั้งข้อสังเกตว่า ในเดือนธันวาคมนี้ สหรัฐฯ จะจัดประชุมสุดยอดประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย ๑๑๐ ประเทศ แต่ไม่ได้เชิญไทย มาจากเหตุการณ์ไปเยือนพม่าหรือไม่
อืมมม ……..
บางเรื่อง “สิ้นคิด” ได้ แต่ไม่ควรถึงขั้น “เสียคน”!
รัฐมนตรีดอนท่านตอบได้สมภูมิ-สมวุฒิภาวะผู้เข้าถึงการเมืองระหว่างประเทศนะ
-ยืนยันทั้งสองเรื่อง สอดคล้องกับผลประโยชน์ชาติทั้งสิ้น พม่าเป็นประเทศสำคัญในด้านยุทธศาสตร์ มีชายแดนติดต่อจีน อินเดีย ไทย และประเทศอื่นๆ
มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในชายแดนจำนวนมาก เป็นที่รับรู้หลายประเทศ ทำให้มีคำร้องขอต่อไทย ให้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมพม่าในแง่มนุษยธรรม
-ไม่ได้ไปเยือนแบบลับๆ ล่อๆ แต่ไปตามสถานการณ์และความจำเป็น ไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องป่าวประกาศโฆษณา เพราะไม่ใช่ “มนุษย์พันธุ์หิวแสง”
ในด้านการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องประกาศ แต่ทำงานหวังผลสำเร็จ ดำเนินการไปด้วยความรอบคอบสุขุม ทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติ
เคยได้ยินคำที่ว่า ไฟท์ไฟท์ ทอล์กทอล์ก หรือไม่ ฉันใดฉันนั้น ไทยเป็นประเทศที่หลายประเทศมาขอร้อง ขอให้ไทยเป็นตัวกลาง
-การเชิญประชุมสุดยอดฯ นั้น เป็นการเมืองล้วนๆ ไว้สำหรับเร่งงานกันและกัน
กรณีนี้ ไม่ใช่ว่าเพื่อนอาเซียนที่เป็นประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งจะได้รับเชิญเช่นกัน เรื่องนี้ บางทีก็เป็นเหมือนดาบสองคม
บางครั้งไม่เชิญก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน
แม้จะไม่มีคำเชิญ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตื่นตระหนกกระทืบเท้าด้วยความเสียใจ
ขณะเดียวกัน แม้เราจะได้รับเชิญ ก็ไม่ต้องลิงโลด แต่ต้องพิจารณาว่า จะไปร่วมหรือไม่ไปร่วมเสียก่อน
เจ๋งอ่ะ…
เขาถึงว่า รัฐมนตรีดอน “คมในฝัก” อย่าให้ท่านต้องชักออกมาใส่กันเองเชียวนะ
แล้วเป็นไงล่ะ สุทิน “ยืนโด่”
แต่ “หัวกระเด็น” ไปไหนก็ไม่รู้?!