เปลว สีเงิน
ไอ้พวกนี้…..
มันรู้ว่าคนไทย “กลัวฝรั่ง”
มันจึงใช้แบรนด์ ยูเอ็น มั่ง ฮิวแมนไรซ์ มั่ง แอมเนสตี้ มั่ง ยูเอ็นเอชซีอาร์ มั่ง เอ็นจีโอ มั่ง
ข่มขู่-คุกคามเราในแทบทุกเรื่อง ที่พวกมันคือจักรวรรดิอำนาจตะวันตก “สหรัฐ-ยุโรป” ต้องการ แล้วไทยเราไม่ยอมเป็นประเทศบริวารให้กับมัน!
สดๆ ร้อนๆ……
“UNHCR ประณามไทย ส่งตัวผู้ลี้ภัยฝ่ายค้านให้กัมพูชา”
เป็นเจ้า-เป็นนายประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไหร่…หือ? แจกแจงมาให้ครบประเด็นซิ เป็นผู้ลี้ภัยเข้ากฎเกณฑ์ตามกฎหมาย หรือที่ส่งตัวกลับไป นั่นเพราะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง?
เอาให้แน่ อย่าถืออำนาจพูดแบบ “กู-หมาป่า มึง-ลูกแกะ”
ถ้าลี้ภัยจริง เขาก็ต้องไปหา UNHCR คุ้มครองแล้วซี จะโด่ๆ เข้ามาให้ถูกจับส่งตัวได้อย่างไร?
UNHCR น่ะ พฤติกรรมทุกวันนี้ ไม่ใช่ช่วยผู้ลี้ภัยตามหลักการสหประชาชาติแล้วหละ
มันหนักไปทาง “พิทักษ์โจร” ที่ฝ่ายตะวันตกหนุนหลังให้ “หนีคดี” ไปซุกที่โน่น-ที่นี่ ลักษณะ “รู้เห็นเป็นใจ” มากกว่า
กี่คนล่ะ ที่ UNHCR ช่วยพวกแดงระบอบทักษิณให้หนีคดีอาญาไปอยู่นอกประเทศนั่นน่ะ?
เห็นคลั่กอยู่ทั้งที่เขมร ที่สหรัฐฯ ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ก็มี มันใช่โทษการเมืองซะที่ไหนล่ะพวกนั้น
มันโทษอาญาทั้งนั้น….
ไม่ว่าคดี “เผาบ้าน-เผาเมือง” คดี “ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เพราะรู้เห็นเป็นใจกันใช่มั้ยล่ะ?
จึงยกโจร “พวกเดียวกัน” เป็นผู้ลี้ภัยการเมือง แล้วองค์กรโจรโลกก็อ้างความชอบธรรมลวงโลกว่า “ประเทศไทยคุกคามสิทธิมนุษยชน”
“โลโก้ลวงโลก” พวกนี้ เดี๋ยวนี้ มันไม่ขลังแล้ว ไปซ่าที่ไหน เขาก็ถุยใส่หน้า หรือไม่ก็ไล่ให้ออกจากประเทศเขา เหมือนไล่หมู-ไล่หมา
มันก็ดีแต่เบ่งกล้ามใส่ประเทศเล็กๆ
“สหรัฐ-ยุโรป” ละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้่งในประเทศตัวเองและประเทศอื่นๆ เขาด่ากันขรมทั้งโลก
แล้ว ยูเอ็น, ฮิวแมนไรซ์ ,แอมเนสตี้, ยูเอ็นเอชซีอาร์, เอ็นจีโอ เหล่านี้ เคยมีน้ำยาไปประณามสหรัฐ-ยุโรปบ้างมั้ย?
ก็ไม่มี ปากไม่ว่าง
เพราะ “คาบส้นตีน” ไอ้กันและจักรวรรดิยุโรปอยู่!
แอมเนสตี้ ประเทศไทย เหมือนกัน หลังรณรงค์โลกให้มากระทืบไทย แต่พอถูกคนไทยไล่กระทืบกลับเข้ามั่ง
เมื่อวาน เฟซบุ๊ก Amnesty International Thailand ของแอมเนสตี้ โพสต์พิโอด-พิโอย ด้วยข้อความเหล่านี้
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงทำหน้าที่เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนให้กับบุคคลที่ถูกละเมิด
เพราะเรามีความเชื่อมั่นว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนมีความเท่าเทียม ไม่ควรมีใครถูกกดให้ต่ำลง
เป็นองค์กรที่รณรงค์ในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนโดยไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมือง หรือลัทธิใดๆ
ในโลกที่เต็มไปด้วยการตักตวงผลประโยชน์ทางธุรกิจและการเมือง แอมเนสตี้ยึดมั่นในความเป็นกลาง อิสระ และโปร่งใส
คุณบอก….
-ปกป้องสิทธิมนุษยชนให้กับบุคคลที่ถูกละเมิด
-ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีใครถูกกดให้ต่ำลง
-ไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมือง หรือลัทธิใดๆ
-ยึดมั่นในความเป็นกลาง อิสระ และโปร่งใส
เอาหละ ผมจะถามให้คุณตอบนะ….
พระมหากษัตริย์ก็ดี นายกฯ ก็ดี คนที่เห็นต่างกับพวกสามนิ้วล้มเจ้าก็ดี ชาวบ้านที่สามเหลี่ยมดินแดงก็ดี มี “สิทธิมนุษยชน” ด้วยใช่มั้ย?
ใช่
“เท่าเทียมกัน” ตามหลักประชาธิปไตยว่าด้วยความเสมอภาคใช่มั้ย?
ใช่
คุณบอกว่า หน้าที่พวกคุณคือ “ปกป้องสิทธิมนุษยชนให้กับคนที่ถูกละเมิดใช่มั้ย?
ใช่
ในเมื่อใช่ แต่พระมหากษัตริย์ นายกฯ คนเห็นต่างกับสามนิ้ว คนสามเหลี่ยมดินแดง ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นปีๆ
ทำไม “แอมเนสตี้” จึงไม่ออกมาปกป้องเลยแม้แต่สักครั้งเดียว?
ขณะเดียวกัน พวกสามนิ้วล้มเจ้า ทั้งละเมิด ทั้งคุกคาม สถาบัน สังคม บุคคล ถึงขั้นก่อจลาจล ลักษณะบ่อนทำลายประเทศ
เมื่อเจ้าหน้าที่บานเมืองเข้าระงับ-ยับยั้ง จับกุมผู้ทำผิดเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
“แอมเนสตี้” แจ๋นออกมาทันที!
แจ๋นออกมากู่ก้องฟ้องโลก “ปกป้องสิทธิมนุษยชน” ให้กับโจร ผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น
แบบนี้ คือ ความเป็นกลาง, อิสระ, โปร่งใส, ทุกคนเท่าเทียมกัน ของ “แอมเนสตี้” หรือ?
หรือ….
แอมเนสตี้ เนื้อแท้ ถือหาง-เลือกข้าง-ดำทึบ ในความเป็น “องค์กรเครือข่าย” ของขบวนการสามนิ้วล่มชาติ-ล้มสถาบัน?
คุณอวดอ้าง “ไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมือง หรือลัทธิใดๆ”
ไปดูเว็บคุณซิ ถ้าไม่พะโลโก้ “แอมเนสตี้” ดูแต่ภาพกิจกรรมและเนื้อหาที่เผยแพร่
นี่มันเว็บ “องค์กรเครือข่าย” สามนิ้วสุมหัวล้มเจ้าชัดๆ!
และนี่….
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคำปราศรัย “อานนท์-รุ้ง-ไมค์” เมื่อ ๑๐ พฤศจิกา เสร็จปุ๊บ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แถลงปั๊บ แถลงด้วยทัศนคติพิษในทางบิดข้อเท็จจริง โดยพาดหัวเรื่องว่า
ประเทศไทย:คำวินิจฉัยของศาลเป็นสัญญานอันตรายต่อเสรีภาพในการแสดงออก
การเรียกร้องของนักกิจกรรมสามคนที่เป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวให้มีการปฏิรูปสถาบันระหว่างการชุมนุมเมื่อปี 2563 เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เอ็มเมอร์ลีน จิล รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า
แม้คำวินิจฉัยนี้ จะไม่มีบทลงโทษหรือค่าปรับ แต่มีผลกระทบเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับประชาชนชาวไทยหลายหมื่นคน ที่แสดงความเห็นหรือวิจารณ์อย่างชอบธรรมต่อบุคคลสาธารณะหรือสถาบัน
ทั้งโดยการแสดงความเห็นทางตรงหรือแสดงความเห็นทางออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินคดีข้อหาร้ายแรงต่อแกนนำทั้งสามคนและบุคคลอื่น ๆ อีกมาก
โดยฐานความผิดล้มล้างการปกครองนี้มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือโทษประหารชีวิต
“ถ้าคำวินิจฉัยนี้มีเจตนาเพื่อทำให้ประชาชนหวาดกลัว และขัดขวางพวกเขาจากการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ ผลที่ออกมาจะตรงกันข้าม
ดังที่เห็นจากการติดแฮชแท็กอย่างกว้างขวาง การส่งทวิต และข้อความทางโซเชียลมีเดียมากมายทันทีหลังศาลมีคำวินิจฉัย
ประชาชนชาวไทยกว่า 200,000 คนได้ลงนามในจดหมายเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ในประมวลกฎหมายอาญาของไทย”
……………….
“คำวินิจฉัยนี้ ฉายเงามืดหม่นทาบทับประเทศไทยที่เริ่มเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวจากนานาชาติ
นับเป็นเรื่องน่ากังขาในเจตนาของรัฐบาลไทยที่แสดงท่าทีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาพักผ่อนในประเทศ แต่กลับจำกัดและกดขี่สิทธิของคนไทยเอง”
…………………..
เหล่านี้ แอมเนสตี้หยิบบางส่วนในคำวินิจฉัยมายำให้คนที่ไม่ได้ศึกษาคำวินิจฉัยถ่องแท้เข้าใจผิด ด้วยประสงค์ร้ายต่อสถาบันศาลและการเมืองไทยโดยตรง
แค่คำว่า………
“คำวินิจฉัยของศาลเป็นสัญญานอันตรายต่อเสรีภาพในการแสดงออก”
“คำวินิจฉัยนี้ ฉายเงามืดหม่นทาบทับประเทศไทยที่เริ่มเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวจากนานาชาติ”
มันก็ประจาน “สันดานแท้” แล้วว่า สิทธิมนุษยชนที่แอมเนสตี้ปกป้องนั้น
เฉพาะ “สิทธิมนุษยชนโจร” ล่มชาติ/ล้มสถาบันเท่านั้น!
ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Amnesty International Thailand