วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า
นโยบายประกันราคาข้าวไม่สามารถแก้ปัญหาข้าวเปลือกตกต่ำได้ เป็นความทุกข์ซ้ำซากของชาวนา ที่ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำยิ่งจน
หากพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาล จะเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อให้ชาวนาหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างมั่นคงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันมาตลอดว่า จะดูแลพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ
โดยขณะนี้เร่งให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันวิเคราะห์แนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตร เพื่อหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเหมาะสม และไม่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด รวมถึงเร่งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างเป็นระบบด้วย
นอกจากนี้ มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการประกันราคาข้าว รวมทั้งยังส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ชุมชน และโรงสีข้าวอินทรีย์ของเครือข่าย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุนราคา ให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นวิธีที่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ชี้แจงชัดเจนแล้วว่า เรื่องราคาข้าวนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้น ดังนั้น จะเอาข้าวที่มีความชื้นมาเทียบราคาข้าวแห้งที่ไม่มีความชื้นไม่ได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติโครงการประกันรายได้ ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานอื่น ๆ วงเงิน 18,000 ล้านบาท ขณะที่เงินประกันรายได้นั้นจะจ่ายให้ 33 งวด โดยขณะนี้งวดที่ 1 และ 2 จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 9-10 พ.ย. ที่ผ่านมา วงเงิน 13,000 ล้านบาท ส่วนงวดที่เหลือจะจ่ายสัปดาห์ละครั้ง แต่จะจ่ายครั้งละเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับราคาข้าวที่เป็นจริงในขณะนั้นด้วย
ส่วนการแก้ปัญหาระยะกลางและยาวนั้น รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ข้าวระยะ 5 ปี จะลดต้นทุนการทำนาของชาวนาจาก 6,000 บาทต่อไร่ เหลือ 3,000 บาทต่อไร่ภายใน 5 ปี รวมถึงภายในปี 2567 จะเร่งพัฒนาส่งเสริมในการใช้พันธุ์ข้าว 12 ชนิด ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่เป็นไปตามความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การตลาดนำการผลิต