เปลว สีเงิน
ชัดเจนกันไปซะที
ว่าการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ดี ให้แก้หรือยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ก็ดี
ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง ที่ระบุว่า…
“บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้”
โดยเมื่อวาน (๑๐ พย.๖๔)
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว มีผลผูกพันทุกองค์กรทันที ใครละเมิด โทษอาญาสถานเดียว
สืบเนื่องจากปีก่อน “นายณฐพร โตประยูร” ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๙ ว่า
“การกระทำของ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง
ชุมนุมปราศรัย ๑๐ สิงหา.๖๓ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อเสนอข้อเรียกร้อง ๑๐ ข้อ ในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่?”
แล้วศาลฯ ท่านก็มีคำวินิจฉัยเมื่อวาน สรุปว่า
“พฤติกรรมผู้ถูกร้องที่ ๑-๓ (อานนท์,ไมค์,รุ้ง)…..
เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙วรรคหนึ่ง”
และสั่งการให้ผู้ถูกร้องรวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่าย เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”
ในคำวินิจฉัยตอนหนึ่ง ยังระบุด้วย ว่า …….
“การเสนอข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ และให้ยกเลิกกฎหมายป้องกันการหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์
ส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะเคารพสักการะ เป็นผลให้เกิดความกระทบกระเทือนและเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศชาติ”
เอ้า..ใครก็ได้…….
ช่วยไปบอกพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย รวมทั้งคณะก้าวหน้าของธนาธร-ปิยบุตรให้ที ว่า ….ถ้าไม่อยากคุก
หยุดได้แล้ว กับการตะเกียก-ตะกายใช้ช่องทางรัฐสภาแก้มาตรา ๑๑๒ นั่นน่ะ
และก็ช่วยไปบอกทักษิณกับชัยเกษมด้วย
“รักษาหัวให้อยู่กับตัวดีๆ เน้อ”!
ศาลฯ วินิจฉัยเสร็จ รุ้ง-วอนอนคุก อ่านแถลงการณ์ทันที
“…….ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งว่า
ข้าพเจ้าไม่อาจเห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าว และขอเน้นย้ำอย่างบริสุทธิ์ใจ ว่า
ข้อเรียกร้องต่อการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
อันเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อทำลายหรือล้างผลาญให้สูญสิ้นสลายหมดไป ดังที่นาย ณฐพร โตประยูร กล่าวอ้าง”
ผมขอป้องปากพูดแบบยี่เกนิด…..
“โบราณว่าเดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด แต้รุ้งเดินตามหลังกิ้งกือฝรั่งเศส ที่บอก “ปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง” เลยตกท่อ ทำเอาตัวพ่อสะดุ้ง
สะดุ้งซี..ทำไมจะไม่สะดุ้งล่ะ ก็อย่างที่บอก “คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด แต่เมื่้อพูด คำพูดของคุณจะถูกน้ำไปใช้ในชั้นศาล”
ปิยบุตรจำได้มั้ย ……
ตอนไปเยี่ยมเมียแหม่มฝรั่งเศส โพสต์ ๕ ข้อเสนอถึงขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เมื่อต้นสิงหา.๖๔ นั่นน่ะ
ถ้าจำไม่ได้ ผมจำได้ นี่ไง โพสต์คือคำพูดวันแรกของคุณ
Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล
ปฏิรูปแบบปฏิวัติทำข้อเสนอให้ราดิคัลที่สุด ก้าวหน้าที่สุด ไต่เพดานให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ระบอบที่เป็นอยู่
ยกระดับให้ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอขั้นต่ำที่เราจะไม่ถอยไปมากกว่านี้
หากข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการสนองตอบ สถานการณ์จะสุกงอมจนลื่นไถลให้ปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ
นี่คือ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”
วันต่อมา โพสต์ต่ออีก…
ผมมีข้อวิเคราะห์-ข้อเสนอ ๕ ข้อต่อขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ดังนี้
-ภารกิจสำคัญของนักต่อสู้ทางการเมืองก็คือแปลงเอายุทธศาสตร์ใหญ่ให้กลายเป็นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม และคิดค้นแผนการและวิธีปฏิบัติการที่จะทำให้ข้อเสนอเหล่านั้นเกิดได้จริง
วิธีการหนึ่ง ก็คือ นำข้อเสนอต่างๆเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มาแปลงเป็นร่างรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ
ท่ามกลางข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในหลากหลายประเด็น บางประเด็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ บางประเด็นต้องแก้ไขพระราชบัญญัติ
บางประเด็นต้องปรับเปลี่ยนธรรมเนียมปฏิบัติ และบางประเด็นก็เป็นเรื่องพฤติกรรมของคนหรือองค์กร
แต่หากเรานำข้อเสนอมายกร่างเป็นกฎหมายและรณรงค์ทั่วประเทศ
อย่างน้อยข้อเสนอนั้น ก็จะอยู่ในสถานะ “พร้อมใช้” และรอสถานการณ์ที่สุกงอมเพียงพอมาถึง
ผมจึงขอใช้โอกาสนี้นำเสนอ “ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด ๒ พระมหากษัตริย์”
พร้อมคำอธิบายต่อสาธารณะ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการรณรงค์ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต่อไป
-การรณรงค์เรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ครั้งนี้ เป็นการรณรงค์แบบ “ปฏิรูป”
กล่าวคือ ยืนยันว่าประเทศไทยยังคงมีรูปของรัฐแบบราชอาณาจักร ไม่ใช่สาธารณรัฐ ประเทศไทยยังคงมีประมุขของรัฐเป็นกษัตริย์ที่สืบทอดทางสายโลหิต
-ระบอบที่เป็นอยู่ “รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐” และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เราต้องควานหาช่องทางจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ เท่าที่มีอยู่เหล่านี้
แล้วใช้มันเพื่อผลักดันข้อเสนอที่ก้าวหน้าที่สุดของเราให้เข้าไปอยู่ใน “พื้นที่ทางการ” “พื้นที่อำนาจรัฐ”
พร้อมสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้กับผู้รณรงค์และผู้สนับสนุน
“หากปฏิบัติการเช่นนี้ได้ เราก็จะได้สองสิ่งไปพร้อมกัน”
สิ่งแรก ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กลายเป็นประเด็นสาธารณะ เข้าไปอยู่ในแดนอำนาจรัฐ อยู่ในสถานะ “พร้อมใช้”
รอให้องค์กรผู้มีอำนาจรัฐยินยอมใช้อำนาจรัฐเปลี่ยนข้อเสนอของเราให้กลายเป็นผลสำเร็จ
สิ่งที่สอง ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กลายเป็นเรื่องปกติ สามารถรณรงค์ได้ปลอดภัย เพราะอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
คนที่เห็นด้วยที่ยังกลัว ก็จะคลายความกลัว พร้อมเข้าร่วมรณรงค์มากขึ้น
-เสนอให้ฝ่ายสนับสนุนตั้ง “คณะกรรมการรณรงค์การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เพื่อเดินสายรณรงค์ทั่วประเทศ
ข้อ ๓ (นี่ สำคัญ ปิยบุตรขยาย “ยุทธ-กลวิธี” ล้มสถาบันกษัตริย์ ต่อจากโพสต์แรก คือให้…)
-ยกระดับข้อเสนอการ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” ให้เป็นการ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”
แม้ข้อเสนอนี้คือ “ปฏิรูป” ไม่ใช่ “ปฏิวัติ” แต่เราต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า
การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในครั้งนี้ ไม่ใช่งานจำพวก “ปฏิรูปแบบปฏิรูปนิยม” แต่มันคือ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”
ในทางรูปแบบคือ
“การปฏิรูป” ไม่ได้ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ขีดเส้นยืนยันว่า “ยังรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่” ต่อไป
แต่ในทางเนื้อหา คือ “การปฏิวัติ”
เพราะเป็นเนื้อหาการ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” ที่ก้าวหน้าที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้ระบอบนี้
“ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเรายกระดับข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นี้ให้เป็น “ข้อเสนอขั้นต่ำ”
หมายความว่า….
ข้อเสนอทั้งหมด ก็เพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ในระบอบประชาธิปไตย ไม่สามารถถอยหรือลดไปกว่านี้ได้
หากไม่รับข้อเสนอเช่นนี้ ด้วยสถานการณ์แบบที่เป็นอยู่ ที่ประชาชนก้าวรุดหน้ามากขึ้น ก็จะโหมเร่งให้รุดหน้ามากขึ้น
“สุกงอม” เพียงพอจน “ปฏิรูป” กลายเป็น “ปฏิวัติ”
ทำข้อเสนอให้ราดิคัลที่สุด ก้าวหน้าที่สุด ไต่เพดานให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ระบอบที่เป็นอยู่
แล้วไงล่ะทีนี้…รุ้ง?
ปฏิรูปแบบปฏิวัติ คือการขุดรากถอนโคนระบบกษัตริย์ ตามที่กิ้งกือตัวพ่อสอนให้ทำน่ะ หลักฐานจะแจ้งอย่างนี้แล้ว ยังจะแถอีกหรือว่า การปฎิรูปของพวกเธอ ไม่ใช่การล้มล้าง
เห็นปิยบุตรโพสต์ตอนเช้า (๑๐ พย.) เปรยถึง “สงครามกลางเมือง” ถ้าคำวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการล้มล้าง
ก็ออกมานี่แล้วไง….!
กลางเมืองวันไหน ถ้าไม่ออกมารำนำหน้าเอง “ลูกหมาห้าร้อยชาติ” นะ