ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ไม่ทันได้เริ่มงาน..
แค่เห็นชื่อพิธีกรข่าว “4 ยอดกุมาร” เข้าประจำการที่ททบ.5 เสียงจากคนพรรคก้าวไกล น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ก็ฉอดๆ ออกมาเสียแล้ว
“เห็นรายชื่อของผู้ประกาศชุดนี้แล้ว อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า ททบ.5 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะ กำลังใช้งบประมาณในการสร้าง Propaganda หรือไม่
หรือนี่คือ การที่กองทัพกำลังยกระดับขบวนการไอโอมาไว้บนดิน
สิ่งที่กองทัพควรตระหนักและเข้าใจ คือ เราอยู่ในยุคสมัยที่พี่น้องประชาชนเข้าถึงสื่อ และสามารถเป็นเจ้าของสื่อได้ การพยายามสร้างโฆษณาชวนเชื่อ นอกจากจะเป็นการดูถูกประชาชนแล้ว
พวกคุณยังไม่มีวันก้าวทันความเข้าใจของสังคมที่รุดหน้าไปไกล
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เป็นการบ่งชี้ว่า ยุทธศาสตร์การสื่อสารเชิงรุกที่ ททบ.5 ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองทัพบก กำลังทำภารกิจสร้างความแตกแยกในสังคม
เหตุผลที่พูดเช่นนี้ เพราะหากมีการนำชื่อของผู้ประกาศข่าวใหม่ทั้งหมดไปค้นหา ก็ได้คำตอบถึงวัตถุประสงค์ในครั้งนี้ได้ไม่ยาก นอกจากนี้ การผลิตข่าวสารนั้น จะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง
ผู้ดำเนินรายการจะต้องไม่ใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในการรายงาน และสัดส่วนของการรายงานข่าวต้องไม่เป็นผลประโยชน์ขององค์กรใดขององค์หนึ่งหรือเป็นเครื่องมือแก่กลุ่มการเมืองใดๆ ซึ่งที่ผ่านมา
จรรยาบรรณของคนทำงานสื่อมวลชน ต้องตระหนักว่า hate speech เป็นการสร้างความแตกแยก ได้รับความเสียหายมากมายในอดีต
หาก ททบ.5 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความแตกแยก ก็โปรดพิจารณาและวางสัดส่วนผู้ดำเนินรายการให้มีความหลากหลายกว่านี้”
เนี่ย..พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์ ผอ.ช่อง จะเก็บไปคิด-เก็บไปตรองหรือไม่อย่างไร-ไม่ทราบ แต่ที่ได้รู้-ได้ทราบ (แล้ว) ..พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก บอก..
“ททบ. 5 เป็นสถานีโทรทัศน์ หรือสถานีสื่อสารที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ว่ามีพื้นที่นำเสนอข่าวกี่เปอร์เซ็นต์ และเรื่องบันเทิงกี่เปอร์เซ็นต์
ใครมีความประสงค์ซื้อเวลา งานต่างๆ หรือประชาสัมพันธ์ ก็มีเงื่อนไขการตกลง เรื่องค่าตอบแทน และเงื่อนเวลา เรารับได้ทั้งหมด ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นใคร
ยืนยันว่า เป็นเรื่องการทำธุรกิจ และเป็นไปตามระเบียบ ไม่มีเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง”
ครับ..ที่นั่นมันธุรกิจของเขา เหมือนกับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ หรือแม้แต่ “ช่องวอยซ์” ที่น.ส.สุทธวรรณคุ้นเคย..เขาก็ประกอบธุรกิจ!
ฉะนั้น อย่าตีตนไปก่อนไข้เลย ในเมื่อ 4 ยอดกุมารเขายังไม่ได้นั่งจ้อจะไปรู้ (ดี) ได้ไง ว่าการผลิตข่าวไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง..รู้ได้ไง ว่าผู้ดำเนินรายการใส่ความคิดเห็นส่วนตัวไปในรายงาน..
และ..รู้ได้ไง ว่าพวกเขาเป็นเครื่องมือให้แก่กลุ่มการเมือง!
การเจาะจง-มุ่งถามหา “จรรยาบรรณ” เอากับช่อง 5 ทั้งๆ ที่ยังไม่เกิดเหตุ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ถึงเจตนา และก็ให้สงสัยอีกว่า..
ในขณะที่บางช่องเหตุเกิด-เห็นอยู่โต้งๆ ทั้งเป็นเครื่องมือกลุ่มการเมือง ทั้งใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในการรายงาน ทั้ง hate speech ทั้งนำข่าวไม่ตรงข้อเท็จจริงมาอ่าน (ประจำ)..
น.ส.สุทธวรรณ..ทำไมถึงทำเป็นมืดบอดเสียล่ะ..หือ?