ภาวะรูทวารตีบ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้จากการรักษาโรคริดสีดวงทวารผิดวิธี ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานเวลาขับถ่าย ผู้ป่วยที่มีภาวะรูทวารตีบควรได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางอย่างถูกวิธี และยิ่งรู้ตัวเร็ว รักษาไว จะยิ่งทำให้การรักษาไม่มีความซับซ้อน
นายแพทย์วรัญญู จิรามริทธิ์ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนไข้รูทวารตีบ มีสาเหตุมาจากการรักษาริดสีดวงทวารผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา ทายา หรือฉีดยาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากยาที่ใช้ฉีดจะทำให้เกิดการอักเสบจนเกิดเป็นเนื้อตายและแผลเน่าบริเวณรอบรูทวาร ซึ่งกลไกการซ่อมแซมของแผลโดยธรรมชาติจะทำให้เกิดพังผืด เพราะฉะนั้นยิ่งแผลกินพื้นที่บริเวณกว้างเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งสร้างพังผืดมากขึ้นเท่านั้น โดยพังผืดจะค่อย ๆ มากขึ้นจนทำให้รูทวารตีบแคบลงได้
“ ปัจจุบันมีคนไข้จำนวนหนึ่งที่คิดว่าการรักษาริดสีดวงทวารด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นเรื่องที่เข้าถึงยากและน่ากลัว แต่อาจจะลืมนึกไปว่าการรักษาริดสีดวงทวารที่ผิดวิธี นอกจากจะไม่ทำให้โรคเดิมที่เป็นอยู่หายแล้ว ยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาอีกด้วย ได้แก่ เลือดออกบริเวณรูทวาร รูทวารตีบ และการติดเชื้อ โดยเฉพาะภาวะรูทวารตีบ ที่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานเนื่องจากร่างกายมีอาการปวดถ่าย แต่ไม่สามารถขับถ่ายได้ตามปกติ ” นายแพทย์วรัญญูกล่าว
อาการของรูทวารตีบที่พบได้ สังเกตได้จากการรักษาริดสีดวงทวารครั้งที่ผ่านมามีความเจ็บปวดมาก, หลังการรักษาริดสีดวงทวาร มีเนื้อตายหรือแผลรอบรูทวาร, เริ่มทรมานเวลาขับถ่าย ถ่ายเป็นเส้นหรือก้อนเล็กลงเรื่อย ๆ, อาการรุนแรงที่สุดคืออาการถ่ายไม่ออก ซึ่งแตกต่างจากอาการท้องผูกตรงที่มีอาการปวดถ่ายและตุงหน่วงบริเวณทวารร่วมด้วย โดยวิธีการรักษารูทวารตีบแบ่งเป็น 4 วิธีตามความรุนแรงของอาการ ได้แก่
- ขยายรูทวารด้วยนิ้ว
- การกรีดเปิดพังผืด เพื่อให้ถ่ายออกเอง
- การตัดเย็บซ่อมพังผืด
- การโยกเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียงมาปิดแผล เพื่อไม่ให้เกิดการสร้างพังผืด
หลังการรักษาภาวะรูทวารตีบ คนไข้สามารถขับถ่ายเป็นปกติได้ทันที โดยจะมีอาการปวดจากการรักษาประมาณ 1 – 2 วันแรก และแผลจะค่อย ๆ หายใน 1 – 2 เดือน โดยในระยะแรกแพทย์จะให้ยาระบายและไฟเบอร์เพื่อให้คนไข้ขับถ่ายทุกวัน ซึ่งหากเข้ารับการรักษาเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีต่อคน
อย่างไรก็ตาม ภาวะรูทวารตีบ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง แต่มักเกิดจากการรักษาริดสีดวงทวารที่ผิดวิธี เพราะฉะนั้นหากเกิดโรคริดสีดวงทวาร ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะรูทวารตีบตามมาภายหลัง