ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เปิดหัวตามฉบับ “หนังบู๊ล้างผลาญ”
ด้วยฉากอันธพาลยกพวกถล่ม เผาป้อม ยิงตำรวจไปแล้ว 2 (วัน) ซีน ส่วนจะถูกตา-โดนใจคนดูหรือไม่นั้น..
นั่น..ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมใคร-รสนิยมมัน!
สำหรับผมบอกเลย ก็งั้นๆ..ผู้กำกับยังมือไม่ถึง ผู้สร้างก็ดูจะไม่กล้าทุ่มทุน ไม่ได้ใช้ดาราใหญ่ มีแต่พวก “เอ็กซ์ตร้า” ไปยืนร่วมฉากอยู่แค่หะหรอมหะแหรม
ด้าน “บท” ก็เขียนแบบมักง่าย แข็งๆ-ทื่อๆ ทำให้ดูเป็นหนังไทยยุคพระเจ้าเหา เปิดฉากก็ยิงภูเขา เผากระท่อม ย้อมหน้า ปาระเบิด ประมาณนั้น
ถ้าจะให้คะแนนอย่างนักวิจารณ์หนัง ก็..แต่ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สบายใจกันเปล่าๆ!
เอาอย่างงี้ เพื่อความเป็นธรรม เมื่อหนัง “ไอ้ชาติชั่ว” ยังไม่อวสาน ก็ยากให้ตามดูการดำเนินเรื่องต่อไป นัยว่า 15 สิงหานี้ จะมีฉากใหญ่ ส่วนจะเป็น “ไคลแม็ก” ของเรื่องรึเปล่าไม่รู้
รู้เพียง เป็นฉากที่ “ดารานำ” ระดับแถวหน้า เจ้าของไดอะล็อกที่จดจำ “เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” โผล่หน้าออกมาในบทหัวหน้าแก๊งค์..
มาดพระเอก “วิน ดีเซล” ในฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส เลยล่ะ!
และเพื่อเสริมความโดดเด่นให้กับตัวดารานำ (ค่าตัวแพง) ผู้สร้างจึงต้องจำใจควักทุนก้อนโต นอกจากจะจ้างเอ็กซ์ตร้าคนไทย (พม่าด้วย) แล้ว ยังต้องจัดหารถยนต์มาเข้าฉากอีกนับร้อยนับพันคัน!
เปล่า..ไม่ได้มาใช้ลงแข่งความเร็วหรอก แต่เอามาเพื่อต้องการสร้างความแออัดบนถนน สร้างความวุ่นวาย สร้างความรำคาญ และกวนโอ๊ยหมาต๋า ตามอย่างหนังภูธร-ขายสายไง?
หรือไม่แน่นะ ผู้สร้าง-ผู้กำกับฯอาจจะมีเซอร์ไพรส์ แอบทำเอฟเฟ็คระเบิดรถตูมๆขึ้นมาก็ได้ เพราะสไตล์ดารานำคนนี้ค่อนข้างชอบแสงสี..
คงเห็นทะเลเพลิงเป็นงานศิลปะที่สวยงาม!
เนี่ย..ผมก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย อ่านนี่ดีกว่าได้แง่คิด ขออนุญาตคุณประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ผู้เขียน คัดลอกเอาเฉพาะบางท่อน..
“ใครที่เอาความเถื่อนถ่อยมานำทางนั้น ประสบชะตาร้ายทุกคน ไม่ติดคุกก็จะไร้แผ่นดินซุกหัวนอน หรือไม่ก็ตายก่อนวัย ซึ่งมีให้เห็นแล้ว
พวกเขาจะทำด้วยตนเอง เขาจะรับจ้างใครมา เขาจะมีต่างชาติชักใยหรือไม่ นั่นเป็นวิถีของเขาเอง
ข้อสำคัญมันไม่ใช่พฤติกรรมของนักประชาธิปไตย
คนอื่นมีศักดิ์และศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ที่เขาควรได้รับความเคารพ คนอื่นมีตัวตนที่ไม่ต้องการให้ใครมาละเมิด ทรัพย์สินสาธารณะมีประชาชนเป็นเจ้าของที่จะต้องไม่ถูกทำลาย
วีรชนที่ถูกจารึกชื่อที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีไว้ให้เคารพและสำนึกในบุญคุณ ไม่ใช่มีไว้ให้ใครมาเหยียดหยามหมิ่นแคลน
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของนักประชาธิปไตย คือการเปิดใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นต่างของคนอื่น คือการใช้เสรีภาพอย่างมีความรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น
คนที่ทำตรงกันข้ามกับคุณสมบัตินี้ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย แต่เป็นนักอนารยาธิปไตย โดยแท้.”
ครับ..เมื่อวานได้กำไรอีกวัน!
