วัคซีนอยู่ความเป็นมนุษย์หาย-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยังวนเวียนอยู่กับเฟกนิวส์
การแสดงออกเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
แต่การนำข้อมูลเท็จ มาเผยแพร่ คือการทำผิดกฎหมาย
แยกให้ออกนะครับ
รัฐธรรมนูญมาตรา ๓๔ บัญญัติว่า
“..บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน

    เสรีภาพทางวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพนั้นต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และต้องเคารพและไม่ปิดกั้นความเห็นต่างของบุคคลอื่น…”

    ฉะนั้นใช่ว่าจะใช้เสรีภาพกันโดยไม่มีข้อจำกัด
นี่คือหลักกฎหมายที่ใช้กันทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย

    ประเด็นวัคซีน Pfizer กำลังถูกทำให้เป็นเรื่องผีขอส่วนบุญ
ทำราวกับว่าอีแร้งลง ไร้กฎไร้กติกา

    มีคุณหมอบางท่านแสดงความเห็นบนสื่อสารออนไลน์ ทำนองว่า มีการกั๊กวัคซีน Pfizer ๑.๕ ล้านโดส ล็อตที่ได้รับบริจาคจากอเมริกา

    อ้างว่า ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา เคยพูดผ่านคลับเฮาส์ ว่าจะมีการจัดสรรให้ด่านหน้ากว่า ๗ แสนโดส แต่เมื่อ ศบค.ประกาศ กลับพบว่าด่านหน้าจะได้รับวัคซีนเพียง ๕ แสนโดสทั่วประเทศ

    อ้างว่าล่าสุดมีการประชุม พบว่า วัคซีนด่านหน้าเหลือ  ๒ แสนโดสเท่านั้น
จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าที่เหลือ ๓ แสนโดสหายไปไหน

    ครับ…เรื่องนี้งงพอควร ก่อนจะตอบคำถามเรื่อง ๓  แสนโดสหายไปไหน ก็พยายามหาต้นตอที่ระบุว่า วัคซีนด่านหน้าเหลือ ๒ แสนโดสเท่านั้น
หมอบางคนมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์นัก ตั้งคำถามเชิงโจมตีว่า

   “…ตามหา Pfizer ที่หายไป เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร ยิ่งใกล้กำหนดวันที่ของบริจาคจะมาถึง ศึกชิงวัคซีนยิ่งเข้มข้นขึ้น เหล่าหน้าด้าน ผู้เปราะบางทิพย์ โผล่หางมาเรื่อยๆ นะครับข่าววงใน จากที่ประชุมล่าสุด Pfizer ด่านหน้าจากรอบแรกสุด ๗ แสนโดส วันที่ ๒๑/๗/๖๔ เหลือแค่ ๕  แสนโดส

    ล่าสุดวันนี้ ด่านหน้า เหลือจัดสรรให้เพียงแค่ ๒ แสนโดสเท่านั้น…”
คุณหมอน่าจะเก่งคณิตศาสตร์ หากค่อยๆ กางข้อมูลแล้วบวกลบเลข จะได้ความจริง มากกว่า เที่ยวด่ากราด เหล่าหน้าด้าน ผู้เปราะบางทิพย์ โผล่หางมาเรื่อยๆ
แบบนั้นมันไร้วุฒิภาวะ
ว่าตามไทม์ไลน์ครับ

    เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงข่าวแนวทางบริหารจัดการวัคซีน  Pfizer ที่ได้รับบริจาคจาก ๑.๕ ล้านโดสว่า กลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-๑๙  ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือบูสเตอร์โดส (Booster Dose) กว่า ๗ แสนคน

    และผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง ๗ โรค ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย
โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวเรื้อรัง

    ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต  สำหรับกลุ่มที่ฉีด ๒ เข็มจะทำการฉีดห่างกัน ๓ สัปดาห์
นั่นคือรายละเอียดแรกที่ออกมา

    วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ศบค.ปรับแผนการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ ๑.๕ ล้านโดส
๕ แสนโดส จะกระจายไปยังบุคลากรด่านหน้าทั่วประเทศ
๘ แสนโดส ให้กลุ่มผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์สัญชาติไทย
๑.๕ แสนโดส ให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย  เน้นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง

    ๔.๕ หมื่นโดส ให้ผู้ที่มีความจำเป็นเดินทางไปต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต
๒.๕ พันโดส ทำการวิจัย
และ ๔ หมื่นโดส สำรองไว้ส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาด

    ทำไมเริ่มแรกจาก ๗ แสนโดส เหลือ ๕ แสนโดส
คำตอบคือ ก่อนหน้านี้มีบุคลากรที่ฉีด Sinovac ครบ  ๒ เข็ม ได้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ ๓ เป็น AstraZeneca ไปจำนวนหนึ่งแล้ว

    เริ่มฉีดกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ที่จริงอยากให้กระทรวงสาธารณสุขรวบรวมตัวเลข และไทม์ไลน์ เพราะจะเป็นการอธิบายได้ชัดเจนว่า ทำไมเริ่มแรกจาก ๗ แสนโดส แล้วมาเหลือ ๕ แสนโดส

    แต่เท่าที่ปรากฏเป็นข่าว มีคุณหมอท่านหนึ่งรีวิวการบูสเตอร์โดส เข็มที่ ๓ ด้วย AstraZeneca หลังฉีดวัคซีน Sinovac ๒ เข็ม ไปเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม

    ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่บุคลากรทางการแพทย์ในจำนวนนี้จะบูสเตอร์โดส เข็มที่ ๔ ด้วย Pfizer อีก
นั่นคือเหตุผลที่น่าจะเข้าใจกันได้ง่ายๆ

    สำหรับคำถามที่ว่าเหลือให้บุคลากรทางการแทพย์ ๒  แสนโดส ล่องหน ๓ แสนโดส ถ้าอยากรู้ความจริง คงต้องใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พิสูจน์ครับว่า ไปเอามาจากไหน

    ทำไมถึงนำข่าวปลอมมาเผยแพร่

    ขณะนี้ ประเด็นวัคซีน ไม่ได้อยู่ที่การฉีดเพื่อการป้องกันโควิด-๑๙ แต่มันถูกฉกฉวย เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

    การพูดถึงวัคซีนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณสุขจึงควรระมัดระวังอย่างที่สุด

    หรือแม้กระทั่งการแสดงความคิดความเห็นตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ก็ควรเป็นข้อเท็จจริง มากกว่า เขาเล่าว่า  ฟังมาอีกที

    จากคำแถลงของ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าวัคซีน Pfizer จะถูกนำมาใช้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ ๓ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ไม่น้อยกว่า  ๕ แสนโดสแน่นอน และจะเริ่มฉีดก่อนเป็นกลุ่มแรกในเดือนสิงหาคม

   ก็หมายความว่า อาจมากกว่า ๕ แสนโดส เพราะบวกลบกับที่ บูสเตอร์โดส เข็มที่ ๓ ด้วย AstraZeneca ไปแล้ว  ตัวเลขมันก็จะอยู่ประมาณนี้
ฉะนั้นก็อยากให้เข้าใจกันให้ชัดเจน

    บูสเตอร์โดส เข็มที่ ๓ ด้วย AstraZeneca นั้นมีการฉีดกันไปพอสมควรแล้ว
ไม่มีการบังคับ
วัคซีนไม่ได้หายไปไหน
ที่หายไปคือ ความเป็นมนุษย์ของคนบางกลุ่ม ปั่นข่าววัคซีนเพื่อหวังผลทางการเมือง

    และนี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
มันมีมาตลอดเช่นกรณี โจมตีว่าสภากาชาดไทย ขโมยวัคซีน Moderna ๑ ล้านโดสไปจากโรงพยาบาลเอกชน

    ทั้งที่ความจริง สภากาชาดไทย ดีล Moderna มาตั้งแต่เดือนเมษายน แยกออกจากที่เอกชนจอง และขณะนั้นเอกชนยังจองไม่ครบจำนวนด้วยซ้ำ

    ก็กลายเป็นว่า เรียกร้องให้สภากาชาดไทยต้องคืน Moderna ๑ ล้านโดส ที่จะฉีดฟรี ไปให้โรงพยาบาลเอกชนที่ฉีดแบบเก็บเงิน

    ถามหน่อยคนที่โจมตี สภากาชาดไทย สมองทำด้วยอะไร
ครับ…เฟกนิวส์ ยังมีอีกเกลื่อน
และมีคนพร้อมที่จะเชื่อ เพียงเพราะมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน

    สังคมไทยกำลังดำดิ่งสู่จุดต่ำสุด
คือจุดที่คนบางกลุ่มไม่สนใจ “ความจริง” อีกต่อไปแล้ว


Written By
More from pp
นายกรัฐมนตรีเผยให้สามารถนั่งทานอาหารที่ร้านได้จนถึง 21.00 น. ย้ำต้องมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด เดินหน้าเตรียมความพร้อมวัคซีนระยะแรกจำนวน 2 ล้านโดส
4 ม.ค. 64 เวลา 16.30 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)...
Read More
0 replies on “วัคซีนอยู่ความเป็นมนุษย์หาย-ผักกาดหอม”