​​​​​​​ความฉิบหายทางความคิด-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

สะเทือนวงการ

            บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศบอกเลิก “กรมธรรม์ประกันภัยการติดเชื้อโควิด-๑๙”

ฟังดูน่าตกใจ!

            ตอนขายประกัน สินมั่นคง บอกลูกค้าว่า “เจอ จ่าย  จบ” รับเลย ๑ แสนบาท

            มาวันนี้ “จบ” เหมือนกัน คือบอกเลิกกรมธรรม์

            ตามกฎหมายทำได้หรือเปล่า

            กรมธรรม์ ไม่ค่อยจะมีใครอ่าน เพราะมันยาวยืด มีข้อกฎหมาย ดูแล้วน่าเวียนหัว

            กรมธรรม์ของสินมั่นคง ข้อ ๒.๕.๑ เขาเขียนว่า

            “….บริษัทสามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยนี้  โดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงผู้เอาประกันภัย ตามที่อยู่ครั้งสุดท้ายที่แจ้งให้บริษัททราบ โดยบริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน

            ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการโดยทุจริตเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัยนี้ บริษัทจะไม่คืนเบี้ยประกันภัยที่ได้เรียกเก็บมาแล้วเพราะเหตุแห่งการฉ้อฉลหรือการทุจริตดังกล่าวข้างต้นและบริษัทจะไม่รับผิดสำหรับการเรียกร้องค่าทดแทนอันเกิดจากการกระทำดังกล่าว…”

            ก็ไม่แปลกอะไร เพราะกรมธรรม์ส่วนใหญ่ก็เขียนไว้แบบนี้

            ในทางกฎหมายคงต้องไปหาช่องสู้กัน

            แต่ในเชิงสังคม การเทลูกค้าแบบนี้ ผลลัพธ์เกิดขึ้นทันที

            ความรู้สึกชาวบ้านไม่ต่าง แทงหวยถูกแต่เจ้ามือหนี

            ไม่ยอมจ่าย!

            ฉะนั้นถ้าจะบอกเลิกกรมธรรม์ กับลูกค้าแกล้งติดโควิดหวังเอาเงินประกัน กรณีนี้รับฟังได้ และสนับสนุนให้ทำ

            แต่กับลูกค้าทั่วไป ทำแบบนี้เครดิตหาย แม้จะคืนเบี้ยประกันก็ตาม

            ที่ต้องจับตามองต่อไปคือ จะเป็นโดมิโนประกันโควิดหรือไม่?

            เท่าที่ปรากฏเป็นข่าว ยังพอวางใจสำหรับคนทำประกันโควิด

            เชื่อแป้งสิคะ!

            “นวลพรรรณ ล่ำซำ” กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  ฉับไวกว่าใคร

            “….พร้อมให้การดูแลลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ  เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาความเดือดร้อนของลูกค้าทุกท่าน ให้อุ่นใจแม้อยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก

            สำหรับลูกค้าของเมืองไทยประกันภัย ทั้งรายใหม่และต่ออายุที่ถือกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙  (Covid-19) ขอให้ทุกท่านอุ่นใจและมั่นใจว่าเรายังพร้อมดูแลและให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพและเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน….”

            ขณะที่ วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ประกาศ ยกเลิกการรับประกันต่ออายุแบบประกันโควิดทุกแบบ ทุกแผน มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม เวลา ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป ทุกช่องทางการขาย

            ก็อยู่ระหว่างกลาง

            ไม่บอกเลิก

            แต่ไม่รับเพิ่ม

            และคาดว่าหลังจากนี้บริษัทประกันจะใช้แนวทาง ไม่รับเพิ่ม ส่วนของเก่าว่าไปตามดวง

            ไปดูฐานะทางการเงินของ สินมั่นคงประกันภัย กันหน่อยครับ

            ไตรมาส ๑ ปีนี้ มีรายได้ ๒,๔๕๒ ล้านบาท

            กำไรสุทธิ ๑๗๖ ล้านบาท

            ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ ๑๙๑ ล้านบาท 

            มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ ๑,๖๖๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่  ๑,๒๒๘

            สินทรัพย์รวม ๑๖,๔๙๖ ล้านบาท

            มีหนี้สินรวม ๙,๓๒๒ ล้านบาท

            ขณะที่ปีที่แล้ว เมืองไทยประกันภัย กำไรสุทธิ ๕๙๐ ล้านบาท

            ครับ…ไม่ผิดที่ภาคเอกชนมุ่งหากำไร เป็นลำดับแรก

            แต่ในสถานการณ์ที่ประชาชน กำลังเดือดร้อน และต้องการหลักประกันหากโชคร้ายติดโควิด บริษัทประกันภัยควรมีธรรมาภิบาล 

            กรณีนี้เหมือนสัญญิงสัญญากัน

            จู่ๆ อีกฝ่ายบอกเลิกเอาตัวรอด สิ่งที่ตามมาคือความไว้วางใจ

            ก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ…เพียงแต่ช่วงนี้บทบาทบริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการต่อสู้โควิด-๑๙  มันดูแล้วขัดหูขัดตา

            ที่เขาช่วยเหลือประชาชนมีเยอะครับ เช่น ค่ายมือถือทุกค่าย ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต จัดแจงเรื่องลงทะเบียน  จัดคิว ฉีดวัคซีน  

            เขาทำงานหนักจริงๆ

            แต่โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งไม่ไหวครับ

            กระหายวัคซีน จนดูผิดปกติอย่างมาก

            “หมอบุญ วนาสิน” น่าจะปิดปากบ้าง เพื่อลดความสับสน

            เข้าใจได้ว่าโดยนิสัย เป็นคนขี้โม้ แต่การมาโม้เรื่องวัคซีน ผลกระทบมันเยอะ

            ผิดถูกไม่รู้ การเมืองมันรองับอยู่      

            มันระยำตรงที่เชียร์กันถึงขนาด บอกว่า สภากาชาดไทยไปแย่งวัคซีนโมเดอร์นา ที่เอกชนสั่งมา ๕ ล้านโดส ไป  ๑ ล้านโดส

            ตรรกะนรกมาก!

            ถ้าเป็นจริงควรสนับสนุนมากกว่า เพราะสภากาชาดไทยฉีดฟรี

            โรงพยาบาลเอกชนเก็บเงินเข็มละ ๑,๖๐๐ บาท

            นี่คือความฉิบหายทางความคิด

            ความจริงคือ สภากาชาดไทย ติดต่อกับ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา สิงคโปร์ ผู้จัดหาและกระจายวัคซีนโมเดอร์นาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่เดือนเมษายน

            พร้อมแจ้งความจำนงจอง ๑ ล้านโดส

            ขณะนั้นองค์การเภสัชกรรมมีหนังสือสำรวจตลาดจากโรงพยาบาลเอกชน ยอดจองทั้งหมดมีไม่ถึง ๔ ล้านโดส

            เพิ่งจะมาจองทะลุ ๑๐ ล้านโดสในภายหลัง

            แถมบางส่วนจองปากเปล่าไม่วางเงิน

            เรื่องพวกนี้มีไทม์ไลน์ ใครลักไก่ ใครกะล่อน

            ตรวจสอบได้ไม่ยาก

Written By
More from pp
ไทยแลนด์ สุดปัง “สงกรานต์” อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น Tentative list ที่ UNESCO เตรียมพิจารณาขึ้นทะเบียน เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ชิ้นที่ 4 ของประเทศไทย
นายกฯ ปลื้ม “สงกรานต์” อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น Tentative list ที่ UNESCO เตรียมพิจารณาขึ้นทะเบียน เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ชิ้นที่ 4...
Read More
0 replies on “​​​​​​​ความฉิบหายทางความคิด-ผักกาดหอม”