ผักกาดหอม
แก้รัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ บางพรรคกระอักเลือด
เพราะเอาเข้าจริงก็ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
พรรคใหญ่เขาฉลาด เล่นบทประสานสิบทิศ
ที่ประชุมรัฐสภาวานซืน มีผลมติรับหลักการวาระหนึ่งเพียง ๑ ฉบับ คือร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๑๓ ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอประเด็นระบบเลือกตั้งบัตร ๒ ใบ
มติเห็นชอบ ๕๕๒ เสียง
แบ่งเป็น ส.ส.๓๔๒ เสียง
ส.ว.๒๑๐ เสียง
ไม่เห็นชอบ ๒๔ เสียง
งดออกเสียง ๑๓๐ เสียง
ส่วนฉบับอื่นๆ ได้เสียง ส.ว.ไม่ถึง ๘๔ เสียง ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ต้องใช้เสียง ๑ ใน ๓ ของสมาชิกวุฒิสภา ก็เป็นอันตกไปตามระเบียบ
จะบอกว่าการโหวตเสียงเป็นการลับลวงพรางคงไม่ผิดนัก
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ เช่น
ปิดสวิตช์ ส.ว.
สิทธิและเสรีภาพ
ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ
หน้าที่ของรัฐแก้ปัญหาความยากจน
การตรวจสอบ ป.ป.ช.
สัดส่วนการโหวตแก้รัฐธรรมนูญ
ที่มานายกรัฐมนตรีและปิดสวิตช์ ส.ว.
การกระจายอำนาจท้องถิ่น
ทั้งหมดนี้ถ้าจะแก้ไขให้ดีกว่าเดิมก็ทำได้ และเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนมากกว่าเลือกตั้งบัตร ๒ ใบเสียอีก แต่ไม่ผ่านสักฉบับเพราะ ส.ว.ไม่ให้ผ่าน และทุกพรรคก็รู้แต่แรกแล้ว ส.ว.คิดอย่างไร
ที่จริงพรรคใหญ่ทั้งหมดต้องการก็แค่นี้แหละครับ
แล้วไปวัดกันในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ส่วนก้าวไกลที่ตีเกราะเคาะกะลามาเป็นเดือน กำไม่ได้แม้กระทั่งตด
ก็เป็นบทเรียนเล่นการเมืองแบบไม่เห็นหัวใคร สร้างศัตรู ไม่มีมิตร
ระบบเลือกตั้งแบบเสียงไม่ตกน้ำที่ตัวเองต้องการ เป็นอันจบ เลือกตั้งคราวหน้าไม่มีอีกแล้ว
ที่สำคัญพรรคก้าวไกลเลยจุดสูงสุดมาแล้ว ในการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ ในชื่อพรรคอนาคตใหม่
ครับ….จากนี้ก็ไปว่ากันในกรรมาธิการ วาระสอง แล้วโหวตวาระสาม เป็นอันเสร็จพิธี
หมดจากแก้รัฐธรรมนูญ ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับโควิดต่อไป
ส่วนม็อบจตุพร-ทนายนกเขา วันเสาร์จะไล่ประยุทธ์ต่อ
เห็นบอกว่าไม่กลัวโควิด กลัวประยุทธ์อยู่ยาวมากกว่า
ก็เอาที่สบายใจครับ
ยังไม่ติดโควิดก็พูดได้ ติดขึ้นมาเมื่อไหร่ เป็นหน้าที่รัฐต้องดูแล แต่อยากให้รู้ว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปเพิ่มภาระให้บุคลากรทางการแพทย์
เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันหนักพอแล้ว
เข้าใจภาวะเตียงเต็มหรือเปล่า?
ถ้ายังมีผู้ป่วยโควิดอาการหนักมาเรื่อยๆ โอกาสตายย่อมสูงเช่นกัน
ฉะนั้นอยากให้เข้าใจสถานการณ์ โควิดร้ายขึ้นทุกวัน ไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่ทั่วโลก หลายประเทศเริ่มปรับแผนใหม่กันแล้ว
บางประเทศประกาศไม่ต้องสวมหน้ากากแล้ว คนไทยก็เอามาขย่มรัฐบาล เห็นมั้ยชาวโลกกำลังชนะโควิด แต่ไทยติดเชื้อหนักขึ้นทุกวัน
รู้จักโควิดน้อยไป!
ตอนนี้วัคซีนที่ดีที่สุดทุกคนมีอยู่ในมือแล้ว นั่นคือหน้ากากอนามัย
เลิกคิดเถอะครับ Pfizer เป็นวัคซีนเทวดา Sinovac วัคซีนเซินเจิ้น
สดๆ ร้อนๆ กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลกลับมาบังคับใช้ข้อกำหนดในการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอีกครั้ง หลังจากมีผู้ป่วยโควิดพุ่งช่วง ๑๐ วันที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้อิสราเอลยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัย หลังระดมฉีดวัคซีนของ Pfizer เกินครึ่งประเทศ
Nachman Ash หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการรับมือโรคระบาดของอิสราเอล บอกว่า “ข้อกำหนดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า ๑๐๐ รายต่อวัน เป็นเวลา ๔ วัน และมี ๒๒๗ รายที่ได้รับการยืนยันเมื่อพฤหัสบดีที่ผ่านมา
สถานการณ์ในอิสราเอลวันนี้คือติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ ๒-๓ วัน
และการเพิ่มขึ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับโควิดสายพันธุ์เดลตา แม้ว่าผู้คนกว่า ๕.๒ ล้านคนในอิสราเอลจะได้รับวัคซีน Pfizer ครบ ๒ โดสแล้วก็ตาม
เช่นเดียวกับที่อังกฤษ หลังจากชาวลอนดอนออกนอกบ้านโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว
ปรากฏว่าวันนี้โควิด-๑๙ สายพันธุ์เดลตาระบาดหนัก
ช่วงเมษายน-พฤษภาคม ผู้ติดเชื้อในอังกฤษสูสีกับไทย อยู่ที่หลักพัน สองพันคน แต่วานนี้ เกือบ ๒ หมื่นคน
และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการเจอผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในไทย แม้จะฉีดวัคซีน Sinovac ครบ ๒ โดสไปแล้วก็ตาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ฉะนั้นหลังจากนี้ การบริหารจัดการของภาครัฐแต่ละจุดต้องละเอียดยิบ
ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาดอีกแล้ว
สำหรับ กทม. หากจัดการแคมป์คนงานได้ ยอดผู้ติดเชื้อจะลดลงไปเกือบครึ่ง
การล็อกดาวน์ในช่วงนี้จึงอาจได้ไม่เท่าเสีย
แต่หลังจากนี้ ๑ เดือนหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น รัฐบาลต้องปรับแผนใหม่หมด
ครับ…ท้ายสุดฝากถึง “จตุพร-ทนายนกเขา” เห็นบอกว่าประยุทธ์ไม่ลาออกไม่เลิกชุมนุม
เพราะ ๗ ปีบริหารประเทศไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ทั้งเรื่องการปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลว การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เข้ากับยุคสมัย การสร้างความปรองดองที่ไม่ได้ผล
มันก็จริงครับ ปฏิรูปประเทศล้มเหลว สร้างความปรองดองไม่ได้
แต่ก็มีสาเหตุบางประการ โดยเฉพาะ “จตุพร” ต้องรับรู้
ฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมือรัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้
ลองกลับไปอ่านข่าวเก่าๆ ซิครับ
ฝ่ายค้านเท! กรรมการสมานฉันท์ จวกรัฐบาลปาหี่ ต้องยุติคดี ม.๑๑๒
‘ฝ่ายค้าน’ เมินร่วม คกก.สมานฉันท์ จวกรัฐไม่หยุดจับกุมผู้เห็นต่าง
ถ้าทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกัน ต่อให้ “จุตพร” เป็นนายกฯ บริหารประเทศ ๒๐ ปี
ก็ล้มเหลวครับ
