วสท.จัดเสวนา “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ…หายนะสุวรรณภูมิ?”
12 องค์กรพร้อมใจค้าน แนะให้เร่งสร้างส่วนต่อขยาย T1 ฝั่งตะวันออก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยสั่งการมากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ไปจัดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 หรือเทอร์มินัล 2 ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง ทอท.ต้องการจะก่อสร้างบนตำแหน่งที่ผิดจากแผนแม่บท ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1
แผนแม่บทสุวรรณภูมิ ขยายเทอร์มินัล1 ฝั่งตะวันออก-ตะวันตก รองรับอีก 30 ล้านคน
ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปี 2546 บนพื้นที่ 12,000 ไร่ ซึ่งแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ และเป้าหมายของการออกแบบเพื่อให้สมมาตร มีอาคารผู้โดยสาร (เทอร์มินัล 1) ด้านเหนือ ใกล้มอเตอร์เวย์ และเทอร์มินัล 2 ด้านใต้ ฝั่งถนนบางนา-ตราด รวมทั้งยังมีทางวิ่ง (รันเวย์) ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น
ปัจจุบันแผนแม่บทดังกล่าวได้เริ่มพัฒนาแล้ว มีรันเวย์ 2 เส้น มีอาคารเทอร์มินัล 1 หลัง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปี ส่วนแผนการพัฒนาในช่วงถัดไป ตามมาสเตอร์แพลนนั้น ทอท.จะต้องต่อขยายเทอร์มินัล 1 ฝั่งตะวันออก–ตะวันตก เพิ่มได้อีก 30 ล้านคนต่อปี ร่วมกับการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารรอง ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2553 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติให้ ทอท.เดินหน้าขยายพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของเทอร์มินัล 1 โดย ทอท. ตอบรับในการพัฒนาสนามบินระยะที่ 2 ตามแผน แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ทอท.จึงยังไม่ลงทุนพัฒนาในส่วนนี้
ปัจจุบันนี้จำนวนผู้โดยสารของสุวรรณภูมิ เพิ่มสูงกว่า 60 ล้านคน ถ้าหาก ทอท. ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายตามแผนแม่บทที่ระบุไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ก็คงไม่แออัดอย่างวันนี้ เพราะการสร้างส่วนต่อขยายสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่ม 15 ล้านคน หากทำทั้ง 2 ฝั่งตามแผนก็เพิ่มการรองรับได้เป็น 30 ล้านคน
“เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ” ไม่เพิ่มขีดความสามารถ หลายปัญหาตามมา
ก่อนหน้านี้ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ASA) ได้ร่วมกับ 12 องค์กรวิชาชีพ เดินหน้าคัดค้านแผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หรือเทอร์มินัล2 โดยได้ถูกระงับไปโดยสภาพัฒน์และรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม สมัยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ปัจจุบัน ทอท. ได้กลับนำเรื่องดังกล่าวมาเร่งรัดโดยไม่ฟังเสียงคัดคานและข้อเสนอแนะของ 12 องค์กรวิชาชีพและประชาชน
ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ วิเคราะห์ว่า “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ” ไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถให้สนามบินสุวรรณภูมิ ในการรองรับผู้โดยสาร ในทางกลับกันจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น
1) ไม่ทำให้สนามบินมีความจุเพิ่มขึ้น เพราะ ทอท.ไม่สามารถก่อสร้างหลุมจอดเครื่องบิน เพิ่มเติมได้ เนื่องจากพื้นที่หลังเทอร์มินัล 2 ตัดแปะคับแคบ ทำให้เครื่องบินวิ่งเข้า–ออกหลุมจอดอย่างยากลำบาก และไม่สามารถทำหลุมจอดเพิ่มเติมได้ ทำให้เทอร์มินัล 2 ไม่สามารถรองรับผู้โดยสารตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
2) ผู้โดยสารที่ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินที่จอดรออยู่ที่หลุมจอดใกล้เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ จะต้องไปขึ้นเครื่องบินที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2.2 กิโลเมตร จำเป็นจะต้องใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับ(Automated People Mover หรือ APM) ถึง 3 สาย ประกอบด้วย สายลอยฟ้า 2 สาย และสายใต้ดิน 1 สาย ทำให้เกิดความยุ่งยากทำให้ผู้โดยสารทุลักทุเล และสับสนวุ่นวายก่อนจะได้ขึ้นเครื่องบิน
3) ทำให้เพิ่มปัญหารถติดบนมอเตอร์เวย์ เนื่องจากเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ จะตั้งอยู่ด้านมอเตอร์เวย์ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จึงเลือกใช้มอเตอร์เวย์เข้า-ออกสนามบิน ทำให้กรมทางหลวงต้องเสียงบ เตรียมก่อสร้างมอเตอร์เวย์ชั้นที่ 2 เหนือมอเตอร์เวย์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณถึง 37,500 ล้านบาท เป็นต้น
ปัญหาเหล่านี้อาจจะซ้ำเติมให้อันดับโลกของสนามบินสุวรรณภูมิตกลงไป ทั้งนี้ สนามบินสุวรรณภูมิเคยได้รับการจัดอันดับสนามบินดีเด่นของโลกให้อยู่ในอันดับที่ 10 เมื่อปี 2553 โดย Skytrax ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจการบินและจัดอันดับสนามบินดีเด่นของโลกเป็นประจำทุกปี ต่อมาในปี 2561 ร่วงกราวรูดลงมาอยู่ที่อันดับ 36 และในปีนี้ (2562) ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 46 เพียงปีเดียวร่วงลงมาถึง 10 อันดับ
ทอท. อ้าง ICAO เห็นชอบเทอร์มินัล2 ตัดแปะ จริงหรือไม่?
การหยิบยกบางส่วนของรายงาน 200 หน้ามาอ้างว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO เห็นชอบแผนเทอร์มินัล 2 ตัดแปะนั้น ขอให้ ทอท. กลับไปทบทวนใหม่ว่า รายงานจาก ICAO ฉบับที่อ้างถึงนั้นเป็นรายงานการศึกษาเมื่อปี 2554 ที่รัฐบาลยุคนั้นมุ่งที่จะปิดสนามบินดอนเมืองและเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียวเท่านั้น หรับการแต่ปัจจุบันนโยบายรัฐบาลต้องการใช้ 3 สนามบิน อีกทั้งรายงาน ICAO ดังกล่าวได้เกริ่นนำในตอนต้นของรายงานว่า รายงานนี้จัดทำขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งยังมีเงื่อนไขและรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาและทำการศึกษาอีกมากมาย ทั้งนี้ ICAO ยังได้ระบุให้ทำการวิเคราะห์ระบบทางเข้าของเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ในตำแหน่งที่ ทอท. ต้องการ
นอกจากนี้ ทอท มีแผนการพัฒนาสนามบินโดยกำหนดให้รองรับผู้โดยสาร 150 ล้านคนนั้น จากที่พื้นที่ที่ดินของสุวรรณภูมิในปัจจุบันมีได้เพียง 4 รันเวย์ โดยรันเวย์ที่ 3, 4 รันเวย์ที่ 1,2 อยู่ใกล้กันทำให้เจอข้อจำกัดในการที่เครื่องบินจะขึ้นลงพร้อมกัน ส่วนในการที่คิดจะสร้างรันเวย์ที่ 5 นอกผังสนามบินนั้นเจอข้อจำกัดในการซื้อที่ดิน เพราะทอท.เป็นบริษัทมหาชนไม่สามารถเวนคืนที่ดินได้
ทอท.เมิน “คมนาคม–สภาพัฒน์” ดัน “เทอร์มินัล 2”
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วิศวกรผู้ร่วมจัดทำแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดมุมมอง หากย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2562 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 16 มกราคม 2562 ได้ทักท้วงและเสนอแนะให้ ทอท.ดำเนินการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิตามแผนแม่บทที่วางไว้ ดังนี้
1. เร่งขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก ซึ่งออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553
2. เตรียมโครงการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันตก
3. เร่งก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ตามแผนแม่บท ซึ่งจะอยู่ทางทิศใต้ของเทอร์มินัล 1 บนฝั่งถนนบางนา–ตราด ไม่ใช่บนตำแหน่งที่ผิดแผนแม่บท ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1 บนฝั่งมอเตอร์เวย์
ต่อจากนั้น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 มีการเสนอข่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่ากระทรวงคมนาคมได้ส่งความเห็นของสภาพัฒน์ไปให้ ทอท.พิจารณา และให้ดำเนินการตามความเห็นสภาพัฒน์ แม้แต่กลุ่มบริษัทอีพีเอ็มซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ ทอท. เคยคัดค้านการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บท
แทนที่จะทำตามคำแนะนำของสภาพัฒน์ รมว.คมนาคม และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาอีพีเอ็ม ทอท.กลับไปทำตามความเห็นของสมาคมขนส่งทางอากาศ (International Air Transport Association หรือ IATA) ที่อ้างว่าได้สอบถามความเห็นสายการบินที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ แล้ว พบว่าสายการบินสนับสนุนการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บท โดยทอท.ได้นำความเห็นของสมาคมฯ เสนอต่อบอร์ด ทอท.ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ปรากฏว่าบอร์ด ทอท.มีมติให้ ทอท.เดินหน้าก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 หรือเทอร์มินัล 2 ในสนามบินสุวรรณภูมิบนตำแหน่งที่ผิดแผนแม่บทต่อไป
ส่วนต่อขยายเทอร์มินัล 1 ฝั่งตะวันออก ตามแผนแม่บท ถูกกว่า เร็วกว่า
เมื่อเทียบการพัฒนาส่วนต่อขยายเทอร์มินัล 1 ฝั่งตะวันออก ตามมาสเตอร์แพลนเดิม จะพบว่าสามารถทำได้เลย ทำได้เร็ว ใช้งบน้อย และรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปีได้ เช่นเดียวกับการก่อสร้างเทอร์มินัลด้านทิศเหนือที่ ทอท. กำลังจะดำเนินการ ก็สามารถจุผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน แต่มีพื้นที่อาคารถึง 3.4 แสนตารางเมตร โดยหากมีการขยายเช่นนี้ แต่กลับไม่มีการเพิ่มหลุมจอด ก็จะแน่นแบบเดิม เนื่องจากหลุมจอดที่จะประชิดอาคารใหม่ เป็นหลุมจอด 14 หลุมเดิม ที่เคยเป็นหลุมจอดระยะไกล แค่เปลี่ยนมาเป็นหลุมจอดประชิดอาคาร
หากเทียบต้นทุนในการก่อสร้างของทั้ง 2 ส่วน จะพบว่าการสร้างส่วนต่อขยายเทอร์มินัล 1 ทั้งฝั่งทิศตะวันออก และทิศตะวันตก จะใช้งบประมาณเพียง 12,000 ล้านบาท สามารถจุผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน แต่ถ้าพัฒนาเทอร์มินัลแบบใหม่ จะต้องใช้งบสูงถึง 42,000 ล้านบาท จุผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปีเช่นเดียวกัน อีกทั้งการพัฒนาตามแผนแม่บทเดิมก็ผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ครม. แล้ว แต่อาคารใหม่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาพัฒน์และยังไม่มีการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เลย
มาสร้างเสริมสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินชั้นนำของโลก
จำนวนผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเวลาเร่งด่วนจำนวนมากจนทำให้สนามบินแน่นแออัดเนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี พ.ศ.2560 มีผู้โดยสาร 59.1 ล้านคน ต่อมาในปี พ.ศ.2561 เพิ่มขึ้นเป็น 62.8 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านคน คิดเป็น 6.3%
ขณะที่ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ ทอท.ไม่ได้เร่งรัดก่อสร้างเทอร์มินัล2 ตามแผนแม่บท ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศใต้บนฝั่งถนนบางนา–ตราด กลับเดินหน้าที่จะก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บทหรือที่เรียกกันว่า “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1 โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านที่ต้องการให้สนามบินสุวรรณภูมิได้รับการพัฒนาไปตามแผนแม่บทที่วางไว้ และควรมุ่งพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของบริการผู้โดยสารให้รวดเร็ว ทันสมัยด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและการบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินชั้นนำของโลก สร้างความประทับใจแก่คนไทยและนักท่องเที่ยวเดินทางอย่างยั่งยืน