ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม
สำนวน-สุภาษิตไทยนี้ ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่า มันสร้างความเจ็บปวด ขื่นขม ระทมชีวิตแค่ไหน?
และหาก “พ่อ-แม่” ไม่ว่าครอบครัวจะฐานะยากดีมีจนอย่างไร กำลังเผชิญกับสภาพที่ว่านี้อยู่ ก็ขอให้ ได้ผ่านพ้นความเจ็บปวด ขื่นขมไปได้ในเร็ววันด้วยเถิด!
ส่วนนี่..ก็น่าจะพอคลายความเจ็บปวดขื่นขมระทมใจลงได้บ้าง ผมหมายถึงครอบครัว-พ่อแม่ของน้องชมพู่ เพราะหลังจากที่รอเฝ้าดูโฉมหน้า (แท้จริง) ของ “ฆาตรกร” ที่ฆ่าลูกสาวมา1 ปีกับ 20 กว่าวัน..
วานนี้..หลังศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้อนุมัติหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ในข้อหา ประกอบด้วย
พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน
โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย
ทนายตั้ม ก็ได้นำตัวลุงพลกับป้าแต๋นไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบตัวกับผบ.ตร.ตามหมายจับเป็นที่เรียบร้อย
แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดโดยคำตัดสินของศาล แต่แม่น้องชมพู่ก็ได้พูดด้วยความตื้นตัน.. “ลูกได้รับความยุติธรรมแล้ว”!
ครับ..ความยุติธรรม น้องชมพู่ได้รับแล้ว แต่สำหรับคนในสังคมยังคงต้องถกเถียงกันต่อไปกับประเด็น.. “สื่อ” ควรจะแสดงความรับผิดชอบต่อการนำเสนอข่าวที่ผ่านมาในกรณีนี้ไหม?
คนสื่ออย่างคุณกนก รัตน์วงศ์สกุล โพสต์.. “วันนี้ข่าวลุงพลใหญ่สุด จาก 14 พ.ค.63 พบศพ 1 ปี 21 วันเป็นข่าวที่สอนให้สังคมรู้จักตัวตนของสื่อ ที่ไปปั้นผู้ต้องสงสัยเป็นไอดอล เกินหน้าที่สื่อไปมาก”
คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา โพสต์.. “ทนายตั้ม” เตรียมพา “ลุงพล” เข้ามอบตัวกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 10.00 น.
“เซเลบคดีฆาตกรรม” ไม่ยอมให้จับกุมตามหมายจับ เตรียมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเอง “แบบเซเลบ” คิดเห็นกันอย่างไรครับ
นั่นสิ..ใครจะคิดเห็นอย่างไรก็ว่ากันไป ส่วนตัวมองว่า สื่อที่สร้าง “เซเลบ” นี้ขึ้นมา ถ้ายังมีหิริโอตัปปะอยู่ ก็น่าจะให้รู้สึกกินข้าว-กลืนน้ำแบบฝืดคอเสียแล้วล่ะ!
และหากสื่อนั้นจะได้มองย้อนหลัง นั่งดูเทปการนำเสนอข่าวที่ผ่านมาตลอด 1 ปีกว่าของลุงพล ก็น่าจะได้ประจักษ์กับตาแก่ใจตัวเอง..
นี่..เราทำข่าวฆาตรกรฆ่า-ข่มขืนเด็ก ให้เป็นข่าวเพื่อปั้นให้ผู้ต้องสงสัยเป็นไอดอล เป็นเซเลบ-คนดังไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
เหตุใด-ทำไม-เพราะอะไร ข่าวฆาตกรรมจึงกลายเป็นข่าวหฤหรรษ์-บันเทิง ถ้าจับเอาเรื่องบาปมาวิเคราะห์ ก็เห็นจะต้องบอก..หนึ่งเกิดจาก “มุสาวาท” กับสอง “มิจฉาทิฏฐิ” ของสื่อโดยแท้
คำโกหกกับความเห็นผิด..ทำให้สื่อนั้นถลำลึกจนกู่ไม่กลับ ยิ่งเห็น “เรตติ้ง” อันเป็นผลประโยชน์ที่ได้จากการนำเสนอข่าว ก็ยิ่งหลงเข้าข้างตัวเอง ว่าผู้ชมนิยมชมชอบไป
ก็..ไม่ได้จะอะไร เพราะทางใครทางมัน แต่ถ้าคิดจะไถ่บาปก็เห็นจะพอทันอยู่น่ะ หรือคิดว่า..
บาป-กรรม ไม่มีอยู่จริง ก็แล้วไป?