‘ธนาธร’ แทงม้าตัวเดิม-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตอนนี้พูดกันเยอะ

            ไม่เชื่อมั่นวัคซีนโควิด-๑๙ โดยเฉพาะการบริหารจัดการของรัฐบาล

            สาเหตุมาจากอะไรกันแน่

            เท่าที่เห็นหลักๆ มีอยู่ ๒ ประเด็น

            ไม่เชื่อมั่นเพราะฝ่ายค้านโจมตี กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ยกแต่ข้อเสียของวัคซีนมาขยายความ

            หรือไม่เชื่อมั่นเพราะรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ เปลี่ยนนโยบายไปมาจนประชาชนงง

            มาดูกันว่าต้นตอเกิดจากอะไร

            สัปดาห์ก่อน “ธนาธร” เจ้าเก่าแทงม้าตัวเดิมจะใช้วัคซีนถล่มรัฐบาลให้ได้ ออกมาสร้างความสับสนอีกรอบ

            แต่เหตุผลประกอบ “ธนาธร” เริ่มจะสับสนความคิดตัวเอง

            ตามนี้ครับ….

                “….นโยบายเปลี่ยนไปมา ประชาชนสับสน วางแผนอนาคตไม่ได้ ไม่เชื่อมั่นรัฐบาล

                ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือประชาชนรู้สึกสับสน ไม่เชื่อมั่น ไม่แน่ใจว่าจะวางแผนอนาคตอย่างไร ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนนโยบายไปมาหลายครั้งของรัฐบาล ซึ่งสะท้อนภาวะผู้นำที่ล้มเหลวของนายกรัฐมนตรี ผมขอยกตัวอย่างความสับสน ๕ ประการเกี่ยวกับวัคซีน

                ๑.การเปลี่ยนเป้าหมายและจำนวนวัคซีนถึง ๔ ครั้งภายในระยะเวลาไม่ถึง ๑ ปี

                จากแผนเดิมปลายปีที่แล้ว จะฉีด ๖๕ ล้านโดส ภายในปี  ๒๕๖๖ พอต้นปีนี้ ก็เปลี่ยนเป็นฉีด ๖๓ ล้านโดสภายในสิ้นปี  ๒๕๖๔

                ต่อมาในเดือนเมษายน ก็เปลี่ยนอีก เป็น ๑๐๐ ล้านโดสในสิ้นปี ๒๕๖๔

                และล่าสุด นายกฯ ก็ประกาศเปลี่ยนเป้าหมายเป็น ๑๕๐  ล้านโดสภายในปี ๒๕๖๕

                แน่นอนว่าการเพิ่มจำนวนวัคซีนที่จะฉีดให้ประชาชนเป็นเรื่องดี แต่การเปลี่ยนจำนวนไปเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า แต่ละครั้งที่ประกาศออกมา รัฐบาลคิดรอบคอบหรือไม่ ตัดสินใจบนพื้นฐานของอะไร และมีการวางแผนอย่างถี่ถ้วนหรือไม่

                ตัวเลขเป้าหมายว่าเราจะต้องซื้อวัคซีนเท่าไหร่ เป็นเรื่องสำคัญมาก หากเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ย่อมหมายความว่าเราจะไม่สามารถวางแผนการกระจาย การบริหารวัคซีนล่วงหน้าได้เลย

                ที่สำคัญกว่านั้น ในการเปลี่ยนเป้าหมายแต่ละครั้ง คุณประยุทธ์ไม่เคยทำให้ประชาชนเห็นเลยว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างไร มีเพียงคำพูด เช่นที่ผมตั้งคำถามไปว่า ทุกวันนี้ฉีดได้มากที่สุดวันละ ๑๖๐,๐๐๐ โดส แล้วจะฉีดให้ครบ  ๑๐๐ ล้านโดสภายในสิ้นปีได้อย่างไร

                หรือตั้งเป้าไว้ว่าจะหาให้ได้ ๑๕๐ ล้านโดส แต่ตอนนี้ได้เพียง ๗๐ ล้านโดส ที่เหลือคุณจะหามาจากไหน วัคซีนอะไร  หาอย่างไร ไม่มีใครรู้

                และคุณประยุทธ์ไม่เคยทำให้ประชาชนเชื่อว่าจะหาได้….”

            ครับ….นี่คือความคิดของทายาทธุรกิจหมื่นล้าน 

            เริ่มจะไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมา “ธนาธร” มีส่วนบริหารไทยซัมมิทมากแค่ไหน 

            ถ้า “ธนาธร” เขี้ยวในเชิงธุรกิจจริง น่าจะรู้ว่าการวางแผนธุรกิจขึ้นกับปัจจัยหลักคือ “สถานการณ์”

            และการปรับเปลี่ยนเป้าหมายทางธุรกิจมี “สถานการณ์”  เป็นตัวบังคับ

            การบริหารจัดการวัคซีนก็เช่นกัน

            ในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่บริหารจัดการวัคซีนได้นิ่งจนไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร

            ประเทศที่ฉีดวัคซีนต่อจำนวนประชากรเยอะที่สุดอย่างอิสราเอล ต้องปรับเปลี่ยนการจัดหาวัคซีนอยู่ตลอดเวลา

            และซื้อในราคาที่แพงถึง ๒ เท่า

            ไต้หวัน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ของการบริหารวัคซีนตามสถานการณ์ แต่ไต้หวันดูจะมีปัญหามากในขณะนี้ เพราะไม่สามารถจัดหาวัคซีนได้

            พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ไม่ใช่หรือที่เคยออกมาชมรัฐบาลไต้หวันว่า จัดการกับการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙  ได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง

            โควิดในไต้หวันเพิ่งระบาดหนักช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้รับคำชมว่าสามารถป้องกันการระบาดได้ดีเป็นลำดับต้นๆ ของโลก 

            แต่ขณะนี้ไต้หวันขาดแคลนวัคซีนอย่างรุนแรง การจัดหาเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้แต่สหรัฐฯ ประเทศมหามิตรก็มีทีท่าไม่ส่งวัคซีนให้ อ้างว่าโควิดที่ไต้หวันยังระบาดไม่มากพอ

            ไม่มากของสหรัฐฯ คือติดเชื้อเป็นพันเป็นหมื่นต่อวัน

            สำหรับไต้หวันแล้วจากประเทศที่ติดเชื้อตัวเลขหลักหน่วยต่อวัน กลายเป็นวันละ ๔-๕ ร้อยคนถือว่าหนักหนาสาหัส

            สถานการณ์ของไต้หวันไม่ต่างจากไทยช่วงก่อนเดือนเมษายนมากนัก

            แต่ไทยยังดีกว่าตรงที่เรามีวัคซีนของตายรออยู่คือ  AstraZeneca

            ขณะที่ไต้หวัน ไม่มีอะไรในมือเลย

            หาก “ธนาธร” เป็นนักการเมืองไต้หวัน ก็อยากรู้ว่าท่าทีจะเป็นอย่างไร

            รู้สึกประหลาดใจที่ “ธนาธร” ยกเอาการเปลี่ยนแปลงจำนวนการจัดหาวัคซีนมาเป็นข้อโจมตีว่ารัฐบาลเปลี่ยนแปลงนโยบายจนประชาชนสับสน

            ทั้งที่การจัดหาวัคซีนเพิ่มเป็นเรื่องที่ทำกันทั่วโลก บางประเทศจัดหาสำเร็จตามเป้า แต่ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ

            เพราะวัคซีนยังกระจายอยู่ในประเทศร่ำรวยเป็นหลัก

            และการจัดหาเพิ่มของแต่ละประเทศ ล้วนเป็นไปตามสถานการณ์การระบาด

            ฉะนั้นเรื่องเป้าหมายจัดหาวัคซีน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องนำมาโจมตีเลย

            กลับต้องชื่นชมด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายคือให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีน

            เรื่องนี้ “ลุงตู่” ไม่ได้คิดคนเดียว คิดเอาเอง แล้วเคาะเองว่า ต้องเพิ่มวัคซีนเท่าไหร่ แต่ทีมแพทย์ ทีมผู้เชี่ยวชาญใน ศบค.คิดอย่างรอบคอบแล้วว่า ต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอะไรอย่างไร จึงประกาศออกมาเป็นนโยบาย

            เชื่อมั้ยว่าถ้ารัฐบาลยังคงเป้าหมายฉีดวัดซีนเพียง ๖๕  ล้านโดสโดยไม่เปลี่ยนอะไรเลย “ธนาธร” ก็จะเอามาโจมตีว่า รัฐบาลไม่ปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการวัคซีนตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-๑๙

            สรุปแล้ว “ธนาธร” แทงม้าตัวเดิม

            โจมตีรัฐบาลสถานเดียว ไม่สนใจว่าข้อเท็จจริงต้องเป็นอย่างไร

            อีกประเด็นที่พูดถึงกันมากในขณะนี้ มีการยกรัฐธรรมนูญขึ้นมาอ้างว่ารัฐบาลกำลังละเมิดรัฐธรรมนูญ

            นี่คือหนึ่งในประเด็นที่ยกขึ้่นมาโจมตีวัคซีนทางเลือก

            รัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๗ บัญญัติว่า….

            “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ

            บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”

            อ้างว่าวัคซีนทางเลือกที่ต้องใช้เงินขัดกับรัฐธรรมนูญ

            มันจะบ้ากันไปใหญ่!

            ไอ้พวกร้องหาวัคซีนทางเลือกไม่ใช่หรือ ที่เอาแต่ด่าว่ารัฐบาลผูกขาดวัคซีน

            พอเปิดให้มีทางเลือก มันก็จิกด่าว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ

            ตรรกะนรกชัดๆ!

            ประชาชนทั่วไปน่าจะทราบกันดีแล้วว่า รัฐบาลประกาศฉีดวัคซีนฟรีสำหรับทุกคน นั่นคือ สิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่รัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้

            คือวัคซีนหลัก เบื้องต้นมี ๒ ยี่ห้อคือ AstraZeneca  และ sinovac

            ใครที่อยากฉีดวัคซีนทางเลือกซึ่งขณะนี้ที่แน่ๆ แล้วคือ  Sinopharm ก็ไม่ขัดข้อง

            แต่ Sinopharm มีดีลพิเศษคือ หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชนที่ซื้อไป ต้องฉีดให้คนในองค์กรฟรี ห้ามเก็บเงิน

            ส่วน Pfizer, Moderna ที่ร้องหากัน หากเข้ามาในฐานะวัคซีนทางเลือกก็ควักเงินฉีดกันตามสะดวก

            แต่หากเข้ามาเสริมวัคซีนหลักโดยรัฐบาล ก็ต้องฉีดฟรี

            หลักเกณฑ์มันมีอยู่แค่นั้น จึงมองไม่เห็นว่าจะขัดรัฐธรรมนูญได้อย่างไร

            น่าจะขัดใจคนบางพวกมากกว่า.

Written By
More from pp
ตอบอาจารย์สิ “พอล” – สันต์ สะตอแมน
สันต์ สะตอแมน ละครดี-ไม่ดี ไม่ค่อยได้ติดตาม! แต่พอได้ยินว่ามี “ขบวนการปั่นกระแส” โหมตีละคร “มาตาลดา” ของช่อง 3 ด้วยม็อตโต้ “เพิ่งรู้ว่าใครกำกับ”...
Read More
0 replies on “‘ธนาธร’ แทงม้าตัวเดิม-ผักกาดหอม”