ผักกาดหอม
มีจริงนะ…
พวกชังชาติเนี่ย
ไม่ใช่วาทกรรมของสลิ่ม
แต่เป็นพฤติกรรมมองชาติตัวเองในด้านลบทุกเรื่อง
ช่วงนี้หนักข้อถึงขนาด แชร์ขั้นตอนการย้ายไปอยู่ประเทศอื่นกันครื้นเครง
ประเทศไทยไม่น่าอยู่จริงหรือ?
เทรนด์ในโซเชียลช่วงนี้เริ่มอวยต่างชาติ ว่าหลายประเทศกำลังจะเลิกใส่แมสก์แล้ว ส่วนไทยตาเหลือกอยู่กับการระบาดรอบ ๓
อเมริกันกำลังจะกลายเป็นที่อิจฉา ของพวกชังชาติ เพราะสามารถถอดหน้ากากออกนอกบ้านได้แล้ว เนื่องจากรัฐบาลเขาปราบโควิดอยู่หมัด
พาลย้อนมาด่าประเทศตัวเอง ตอนนี้ไปไหนในไทยโควิดเกลื่อน
ไม่น่าอยู่เลย
ครับ…ฟังให้ได้ศัพท์ ก่อนจับไปกระเดียด
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของอเมริกา
มีข้อแนะนำให้คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ต้องสวมหน้ากากทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น วิ่ง เดินเขา ขี่จักรยาน หรือแม้แต่การพบปะเพื่อนหรือคนครอบครัวเดียวกัน
ส่วนสถานที่ที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมากกลางแจ้ง ยังต้องสวมหน้ากากต่อ และสถานที่ปิดในอาคาร เช่น ยิม ห้าง โรงหนัง ดูกีฬา ดูคอนเสิร์ต
ที่ว่ามานี้แทบไม่ต่างกับประเทศก่อนการระบาดรอบ ๓ เลย
ถึงสถานการณ์โควิดในอเมริกาจะดีขึ้น และดูเหมือนรัฐบาลอเมริกาพยายามจะประกาศชัยชนะ แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันล่าสุดยังอยูที่ ๕ หมื่นกว่าคน
ตายร่วมพันคนต่อวัน
อเมริกามีพลเมืองราว ๓๓๐ ล้านคน
ส่วนไทย ๗๐ ล้านคน
ล่าสุดมีคนติดเชื้อในไทย ๑,๘๗๑ ราย เสียชีวิต ๑๐ คน
แต่นี่คือช่วงพีกสุดของเราแล้ว และมีแนวโน้มว่าเริ่มจะลดลง
ก็ลองดีดลูกคิดตามสัดส่วนประชากรดูว่า ขณะนี้ประเทศไหนปลอดภัยจากโควิดมากกว่า สามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงคำว่าปกติได้มากกว่า
สมัยนี้คุยกันต้องใช้ข้อมูลครับ
ประเภทเขาเล่ามาแล้วเล่าต่อ ต้นเรื่องผิด มันก็ผิดไปตลอดทาง แถมยังเพี้ยนหนักกว่าเดิม นี่คือพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในโซเชียล
ดรามา “เพนกวิน” อดอาหารเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง
“แม่เพนกวิน” บอกว่าลูกชายถ่ายเป็นชิ้นเนื้อและลิ่มเลือด ซึ่งคาดว่าเกิดจากร่างกายเริ่มย่อยกระเพาะอาหารแล้ว
ข้อมูลทางการแพทย์ กระเพาะอาหารไม่สามารถย่อยตัวเองได้
เพราะอะไร…..มีเหตุผลอยู่ ๒ ประการ
๑.กระเพาะอาหารของเราสามารถฟื้นฟูตนเองได้อย่างรวดเร็ว โดยที่กระเพาะอาหารสามารถสร้างเซลล์ใหม่ได้มากถึงห้าแสนเซลล์ ในเวลาเพียง ๓ วัน
หมายความว่า ใน ๑ วัน กระเพาะอาหารสามารถสร้างเซลล์ใหม่ได้มากกว่า ๑ แสนเซลล์
ฉะนั้นจะย่อยอวัยวะที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
๒.กระเพาะอาหารของเรามีชั้นเมือกหน้า ที่ป้องกันเอนไซม์เพปซิน ที่คอยย่อยโปรตีนและเนื้อสัตว์ในน้ำย่อย
ทำให้น้ำย่อยนั้นไม่สามารถย่อยกระเพาะอาหารของเราได้เหมือนกับอาหารประเภทโปรตีนที่เรากลืนลงไป
แม้ว่าร่างกายของเราจะมีระบบป้องกันตนเองที่ดีเยี่ยมขนาดนี้แล้ว แต่สุดท้ายตัวของเราที่เป็นผู้อยู่อาศัยในร่างกายนี้ ก็ยังคงต้องรักษาและดูแลร่างกายของตัวเราเองให้ดีที่สุด
ฉะนั้นถ้าบอกว่า “เพนกวิน” กำลังเป็นโรคกระเพาะ จะมีความเป็นไปได้มากกว่า
ก็แก้ไขได้ง่ายๆ
หมายความว่าหาก “เพนกวิน” ไม่อยากเป็นโรคกระเพาะ ก็ต้องกิน
ขณะที่การอดอาหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการประกันตัวทั้งสิ้น
หาก “เพนกวิน” เป็นโรคกระเพาะรุนแรง ป้ายต่อไปคือ โรงพยาบาล หมอของกรมราชทัณฑ์เขาดูแลอยู่ เขาไม่ปล่อยให้ตายในคุกหรอกครับ
เพราะนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง ราชทัณฑ์เขารู้ดีว่า หาก “เพนกวิน” เป็นอะไรไป จะกลายเป็นเงื่อนไขทางการเมืองทันที
แต่ย้ำกันอีกครั้ง การอดอาหารในเรือนจำ ไม่มีผลให้ศาลให้ประกันตัว
การประกันตัว ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น
และการปล่อยตัวชั่วคราวมี ๓ ประเภท ดังนี้
๑.การปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกัน คือ การปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย โดยไม่ต้องทำสัญญาประกันและไม่ต้องมีหลักประกันแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยสาบานหรือปฏิญาณตนว่าจะมาตามนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาลเท่านั้น
๒.การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน คือ การปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย โดยผู้ร้องขอประกันหรือผู้ประกัน ต้องทำสัญญาประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาลว่าจะปฏิบัติตามนัดหรือตามหมายเรียกต่อเจ้าพนักงานหรือศาล ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มาตามนัดหรือหมายเรียก ผู้ประกันจะถูกปรับตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกัน
๓.การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและหลักประกัน คือ การปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยผู้ประกันหรือผู้เป็นหลักประกันต้องทำสัญญาประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาลว่าจะปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล และผู้ประกันหรือผู้เป็นหลักประกัน ต้องวางหลักประกันไว้เพื่อที่จะสามารถบังคับเอากับหลักประกันตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ได้ เมื่อมีการผิดสัญญาประกัน
ถ้าทำนอกเหนือจาก ๓ ข้อนี้ถือว่าผิดกฎหมาย
การมาบอกว่าต้องให้ประกันตัว “เพนกวิน” โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะเป็นการข่มขู่ศาลแล้ว
ยังเป็นการขออภิสิทธิ์ให้ “เพนกวิน” เหนือบุคคลคนอื่นอีกด้วย
การจะยกเว้นกฎหมายให้คนคนเดียว ทำได้อย่างนั้นหรือ?
เห็นนักเคลื่อนไหวจิตทรามบางคนยก “เพนกวิน” เป็น “จิตร ภูมิศักดิ์” คนที่สองกันแล้ว
พวกนี้ลึกๆ แล้วอยากใช้กรณี “เพนกวิน” เป็นเครื่องมือทางการเมืองใจจะขาด ลุ้นเช้าลุ้นเย็น
“แอมเนสตี้” เจ้าเก่าเข้าผสมโรง อ้าง “เพนกวิน” ขี้เป็นก้อนเนื้อสีดำแล้ว ต้องให้ประกันตัวด่วน
แต่ราชทัณฑ์เขายืนยันว่า ไม่มีอาการถ่ายดำหรือถ่ายเป็นเลือด มีอาการปวดท้องเล็กน้อยรอบข้างสะดือค่อนมาทางซ้าย ปัสสาวะปกติ รับประทานยาเคลือบกระเพาะ ตามแผนการรักษาของแพทย์
บอกแล้วว่าเขาดูแลอยู่
ไม่เข้าใจเจตนาของ “แม่เพนกวิน” ที่ยังยันลูกชายอาการหนักจริง เพราะ “เพนกวิน” เป็นคนขับถ่ายเอง
ก็ใช่ครับตัวเองรู้ตัวเองดีที่สุด
แต่ “เพนกวิน” เห็นอะไรตอนถ่ายกันแน่
นั่นต่างหากล่ะคือต้นเรื่อง ก่อนบอกเล่ามานอกเรือนจำ
กลายเป็นดรามาเรื่องขี้ๆ.