“เพนกวิน-รุ้ง”
จะคิดว่า “สมยศ-ไผ่ ดาวดิน” หักหลังหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ? ก่อนหน้า ก็ตกลงกันดิบดี ….
ว่าจะเล่นเกม “ดื้อแพ่ง” บีบศาลด้วยกัน เมื่อไม่ยอมให้ประกัน ก็ขอถอนทนายความ
ปฏิเสธอำนาจศาล ปฏิเสธเข้าสู่กระบวนการพิจารณาจากศาล อ้าง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่ ๘ เมษา.โน่น!
“คู่พระ-คู่นาง” อุตส่าห์ลงทุน “อดข้าว”
ดื่มแต่น้ำ-หม่ำแต่นม จนเพื่อนในห้องขังชม มองไกลๆ นึกว่า “ธิดาช้าง”
แต่เมื่อวาน (๒๓ เมย.) เพื่อนร่วมอุดมการณ์ “ล้มเจ้า” สมยศ-ไผ่ กลับเข้าสู่กระบวนการศาลซะแล้ว
ดอดแต่งตั้งทนาย
ให้ไปยื่นคำร้องต่อศาล “ขอปล่อยตัวชั่วคราว” โดยให้คำมั่นต่อศาล ออกไปจะเป็น “สมยศ-ไผ่” คนใหม่ จะไม่ล่วงเกินเจ้าอีก
ทั้งยอมให้ศาลกำหนดเงื่อนไขประกัน เรียกว่ายอมทุกอย่าง ขอให้ได้ประกันตัวออกไปเท่านั้น!
สมยศอ้างป่วยข้อเข่า นั่งกินข้าวกับพื้นคุกไม่ได้ และในแดนขัง มีคนป่วยโควิดหมุนเวียน
“ผมยอมรับในคำแถลงซึ่งผมสมัครใจเอง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมและไม่กล่าวพาดพิงสถาบันกษัตริย์
หากได้รับการปล่อยตัว จะมาศาลตามกำหนดนัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขคำสั่งของศาลอย่างเคร่งครัด”
นี่คือคำแถลงต่อศาลของ “นายสมยศ พฤกษาเกษม”!
ส่วนนายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน ศิษย์เอก “สเตร็คฟัสส์”
อ้างเหตุ กำลังเรียนป.โท ที่ม.มหิดล ขณะนี้เป็นช่วงสอบ ต้องการขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว
แถลงขอยืนยันกับศาล ว่า……
“จะปฏิบัติตามคำแถลงว่าจะไม่กล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ และจะยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล
หลังจากถูกดำเนินคดีนี้แล้ว ผมยังถูกดำเนินคดีข้อหาตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรค แต่ไม่มีการดำเนินคดีข้อหาตาม ม.๑๑๒ กับผมอีก
เหตุที่ผมไม่เซ็นต์กระบวนพิจารณาในวันที่ ๘ เมษา.ที่ผ่านมา เนื่องจากรู้สึกอึดอัด ที่มีเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ประกอบกับคำร้องดังกล่าวมี ๒ ฉบับ
โดยฉบับที่เขียนด้วยลายมือ ผมไม่ได้เซ็นต์ ….
แต่ผมได้เซ็นต์ชื่อในคำร้องฉบับที่ ๒ ที่ทนายความจัดเรียงให้ ผมไม่ได้บอกว่าจะปฏิเสธและไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม”
‘จานมหิดล ที่สอนไผ่ ดาวดิน มาเบิกความสนับสนุนว่า “หากไม่ได้สอบและไม่ได้ทำเล่มรายงานกระทบต่อการศึกษาแน่นอน”!
และยังมี ‘จานม.เกษตรฯ ที่ร่วมขบวนการ ๓ นิ้วกับไผ่และสมยศ มาเป็นนายประกันให้ด้วย
รับปากจะกำกับดูแลทั้งสองคนไม่ให้ทำอย่างที่เคยทำ ด้วยวิธีการพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
นอกจากนี้ ที่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่า ทั้ง ๒ คนออกไปแล้ว น่าจะไม่ไปประพฤติเยี่ยงนั้นอีก
เห็นจะเป็น “หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน ๒” เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เบิกความว่า….
ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลจำเลย “นายสมยศและนายไผ่” ไม่พบว่าทั้งสองกระทำผิดวินัย
จำเลยเชื่อฟังคำสั่ง ให้ความสะดวกแก่การควบคุม ไม่เคยก่อปัญหาใดๆ และอยู่ในมาตรฐาน เห็นว่าจำเลยมีความประพฤติดี …ฯลฯ…..
และตอนบ่าย ศาลก็มีคำสั่ง ตอนหนึ่ง ดังนี้
………..ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า
จำเลยที่ 4 (สมยศ) และจำเลยที่ 7 (ไผ่) ไม่ถูกควบคุมและโจทก์นำตัวมาศาลโดยสมัครใจ
จึงไม่น่าเชื่อว่า “จำเลยทั้งสองจะหลบหนี”
พยานหลักฐานในคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมเสร็จแล้ว และส่วนใหญ่เป็นเจ้าพนักงานหรืออยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงาน
จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองจะไปยุ่งเกี่ยวได้
ในส่วนการที่จำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุร้ายประการอื่นนั้น โจทก์และพนักงานสอบสวน ไม่ได้แสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏในสำนวนว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า “จำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุใด”
พนักงานราชทัณฑ์ชี้แจงว่าจำเลยทั้งสองมีความประพฤติดี เห็นว่าไม่มีข้อเท็จจริงให้มีเหตุควรสงสัยว่า จำเลยจะไปก่อเหตุร้าย
กอรปกับจำเลยทั้งสอง แถลงยืนยันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 เม.ย. 2564
หากได้รับการปล่อยชั่วคราวจะไม่กล่าวพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรม ที่ทำให้เสื่อมเสียถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
ทั้งได้แถลงยืนยันในวันนี้ว่า ได้แถลงข้อความดังกล่าวด้วยความสมัครใจ และยืนยันว่าจะทำตามคำแถลงดังกล่าว จึงไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอให้เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองจะไปก่อเหตุร้ายอื่น
ผู้ขอประกันจำเลยทั้งสองในคดีนี้ ไม่เคยผิดสัญญาหรือมีข้อบกพร่องอื่น หลักทรัพย์ที่ยื่นเป็นเงินสดมีมูลค่าถึง 200,000 บาท พอสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี
ทั้งจำเลยทั้งสองแต่งทนายความมาร่วมในกระบวนพิจารณาของศาล ไม่ปรากฏว่าการปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินคดีของศาลแต่อย่างใด
พยานหลักฐานที่ปรากฏจึงไม่มีเหตุพอที่จะยกขึ้นอ้างมิให้ปล่อยชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ได้
อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 7
โดยกำหนดเงื่อนไข ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่จะทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้มาศาลตามนัด หากผิดสัญญา ให้ปรับคนละ 200,000 บาท
เห็นว่า…..
แก๊ง ๓ นิ้ว ที่รอหน้าศาล…เฮ เมื่อรู้ว่าศาลให้ประกันสมยศ-ไผ่
ส่วน “เพนกวิน-รุ้ง” ล่ะ?
น่าจะมีแสงดาวเป็นรหัสมอส ลอดซี่ลูกกรงคุก ออกมานะว่า จะเฮๆๆ ด้วย
หรือ ฮือๆๆๆๆ!!!
ไอ้หมอลำแบงก์ มันเอาตัวรอดไปคนแล้ว แล้วนี่ ไผ่กับสมยศ นึกว่าจะเป็นเพื่อนตาย “ร่วมสัตยาบันคาคุก”
ที่ไหนได้ ปล่อยให้กูเป็นช้างพัง-ช้างพลายเล่นบท “อดข้าวตาย” อยู่ ๒ คน
ฮือๆๆๆๆ…..
พวก’จานๆ หายหัวไปไหนกันหมดโว้ย หลอกให้กูทำนิติสงครามกะศาล แล้วไง…ไอ้นิติเหล่ตัวดี
วางแผนกะเป็นอีแร้ง คอยแย่งศพกูไปแห่ใช่มั้ย ฮือๆๆๆ
กูจะสั่งชีสเค้กเยิ้มๆ ตีนห่านอบหม้อดิน เอาตีนเยอะๆ ขาหมูเยอรมัน เอามันเยอะๆ
ข้าวไม่เอา…
กูจะอดประชดพวกมึงซะให้เข็ด…ไอ้พวกสามสัส ดันหลอกให้กู ๓ นิ้ว ล้มเจ้าแล้วจะได้ซิติเซน
ไหนล่ะเซ่น…กูเห็นแต่โซ่ไหวๆ!
บอกว่าเล่นเกม “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” กะศาลแล้ว พวกฟิวเจอริสต้าจะแห่กันมายกตูดกูเป็นฮีโร่สิทธิมนุษยชนคนรุ่นใหม่
แล้วไหนล่ะ มีแต่ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต!?
แล้วนี่ เพื่อนปลีกวิเวกจากคุกไปทีละคน-สองคน เหลือกู ๒ ศิษย์ไอ้แก่สารพัดพิษท่าพระจันทร์หวิวๆ
คงรอให้กูเป็นช้างผอมด้วยขาดสาร ค่อยมาปะเหลาะให้ยอมรับเงื่อนไข ประกันกูออกไปปิดวิกสนามหลวงอย่างนั้นละซีท่า…?
ปิ้งปลาประชดแมว แมวกินหมด
ไม่กินข้าวประชดศาล ศาลท่านจะไปว่าอะไรได้
เพราะการ “อดตายเอง” มันเป็น “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” อย่างหนึ่งมิใช่หรือ?
ไม่เชื่อก็ไปถาม “ดร.ปิยบุตร” สาวก “แซง-ฌุสต์” เขาก็ได้ จริง-ไม่จริง?