เปลว สีเงิน
ดาวเสาร์ “โคจรใกล้โลก” นี่
คนหัวร้อนง่ายนะ
แถมอารมณ์ “อ่อนไหว-เปราะบาง” เหมือนดอกไม้ ชอกช้ำได้ แม้เพียงตีนแมลงสัมผัส
วันก่อน “นพ.วรงค์ เดิชกิจวิกรม” โพสต์เตือน อดีตรมว.เกษตรฯ คือ “รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”
ว่าการนั่งหัวโต๊ะประชุม “สั่งราชการ” ที่ชัยนาทวันก่อน โดยตัวเอง ตอนนี้ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว
เป็นแค่ “สส.พลังประชารัฐ” โดยมีรัฐมนตรีเกษตรฯ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” และอีก ๒ รมช.นั่งเป็นพระอันดับ นั้น
ระวัง จะผิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๕
ว่าด้วย “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทำการใดๆ
อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในเรื่องดังต่อไปนี้…ฯลฯ…”
เท่านั้นแหละ
รอ.ธรรมนัสเป็น “เบนซิน-ไวไฟ” โต้ตอบหมอวรงค์ทันที
“เรื่องนี้ ผมรู้ข้อกฎหมายดี เพราะรัฐมนตรีใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ซึ่งนางนฤมล นายอัครา และนายอิทธิ น่าจะเป็นผู้ติดตามผมมากกว่า
นพ.วรงค์ เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ ซึ่งทั้ง ๓ คน ยังไม่สามารถสั่งการอะไรได้
“สงครามน้ำเขากำลังเข้าตีเมืองจะแตกอยู่แล้ว ใยจะต้องไปสนใจเรื่องบ้าๆ บอๆ คำนินทาอะไร ไม่เช่นนั้นเมืองแตกแน่
เป็นเรื่องใหญ่ ที่น้ำจ่อจะท่วมเมืองโบราณ จ.พระนครศรีอยุธยา คนบางบาล และคนพระนครศรีอยุธยา กำลังเดือดร้อนอยู่ เราจำเป็นต้องโดดเข้าไปช่วย
เราไม่สนใจเรื่องอื่น และเรื่องนี้ ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร อย่าไปให้ความสนใจกับพวกสวะสังคม
ผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ผมดุกว่าเดิมบอกเลย หนักมาสวนไป พร้อมท้ารบ ผมพร้อม ใครสวนมา ผมสวนกลับ
ขอให้นพ.วรงค์ ไปศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อนที่จะพูดอะไร”
โอ๊ะ…ท่านอดีตรัฐมนตรีมาแรงนะเนี่ย!
รู้กฎหมายดีถึงขั้นบอกว่า “นางนฤมล นายอัครา และนายอิทธิน่าจะเป็นผู้ติดตามผมมากกว่า”
ถ้าผมเป็นหมอวรงค์ละก็นะ เจอท้ารบแบบนี้ จะแกล้งทำเป็นสลบหลบตีนแวบไปเลย
แต่ “หมอวรงค์” ก็คือ “หมอวรงค์” คนตรง-คนจริงเมืองสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่ขี้ขลาดเหมือนผม
คุณหมอโพสต์จึงกลับทันควัน
– นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี
ผมโพสต์เฟซเตือนคุณธรรมนัสด้วยความห่วงใย เพราะวันนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า แต่งตั้งครม.ชุดใหม่แล้ว
คุณจึงเป็นแค่ส.ส.ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา185 ห้ามส.ส.มาแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
แทนที่จะใช้สติรับฟัง ……..
ผมไม่รู้คุณไปกินอะไรผิดมา ทำไมจึงห้าวจัง ที่คุณบอกว่า อย่าไปสนใจพวกสวะสังคม
ผมบอกคุณเลยว่า พวกสวะสังคมจะแยกแยะแป้งกับยาเสพติดไม่ได้
ส่วนผมนั้น แยกได้ แยกได้ดีด้วย ไม่คิดจะใกล้ยาเสพติดด้วย ผมจึงไม่ใช่พวกสวะสังคม
ส่วนที่คุณพูดว่า คุณไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว คุณดุกว่าเดิม พร้อมท้ารบ ใครสวนมาผมสวนกลับ
ผมอยากจะบอกคุณว่า
คุณไม่รู้หรือว่า พ่อมาดามแพ ผมยังไม่กลัว ผมยังบอกไปเลยว่า “กูไม่กลัวมึง”
สำหรับคุณ ผมขอใช้คำของพ่อมาดามแพว่า “กูก็ไม่กลัวมึง”
อย่างไรก็ตาม เราต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ถ้าคุณยังยืนยัน ที่จะไปตรวจราชการ เพราะรัฐมนตรีต้องอาศัยคุณ เราค่อยไปเจอกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ
เจ็บจี๊ดยิ่งกว่าคุณหมอปักเข็มจึ๊กเข้าที่ก้นซะอีก!
ประเด็น “รัฐมนตรีรักษาการ” นั้น ในความเห็นผม
เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งครม.ใหม่แล้ว และเข้าถวายสัตย์ปฎิญานตนแล้ว
ถือว่าประเทศมี “คณะรัฐมนตรีใหม่” เรียบร้อย รัฐมนตรีรักษาการ ก็ต้องพ้นสภาพไปโดยปริยาย
และไม่ต้องห่วงหรอกว่า ช่วงรอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนเข้าปฎิบัติหน้าที่ จะไม่มีคนสั่งราชการหรือคนทำงาน
ค่อยๆ ไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๗-๑๖๘ ดูแล้วรู้เองว่าใครจะทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีช่วงนั้น
ฉะนั้น เมื่อรัฐมนตรีใหม่ถวายสัตย์ปฎิญานแล้ว ตามอารยธรรมเนียมปฎิบัติ รัฐมนตรีรักษาการควรเก็บของออกไป
หลีกทางให้รัฐมนตรีคนใหม่ได้เข้ามาใช้สถานที่ทำงาน ข้าราชการจะได้ต้อนรับและแนะนำตัวกับรัฐมนตรีใหม่ โดยไม่ต้องประดัก-ประเดิด…..
ว่ากระทรวงเดียว รัฐมนตรีเก่าก็ยังสิงอยู่ และรัฐมนตรีใหม่ก็มาแล้ว เป็นกระทรวงเดียว ๒ รัฐมนตรี
เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยง…ยุ่งตายห่ะ!
เรื่องงานรูตีนนั่นน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ปลัดกระทรวงเขาทำหน้าที่แทนได้ และใช่…ที่เขาต้องทำช่วงนี้
เรื่องสงครามน้ำตีเมืองไม่ต้องห่วง ข้าราชการประจำเขารู้งาน-รู้หน้าที่-รู้ปัญหาดีกว่ารัฐมนตรีบางคนซะด้วยซ้ำ
บางที และหลายๆ ที รัฐมนตรีที่ไม่รู้ อวดอำนาจ ทำเป็นรู้ ไปสั่งจนงานพัง แล้วโทษข้าราชการ ก็มีประจำ
โปรดทราบกันไว้ด้วย……
ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรี ทั้งนักการเมืองทุกคน ไม่ใช่เทวดาหรืออสุรกายประเภท “โอปปาติกะ” ที่เกิดปุ๊บ โตปั๊บ
รู้ทุกเรื่อง-รู้ทุกปัญหา เหนือกว่าปลัดกระทรวง เหนือกว่าอธิบดี เหนือกว่าข้าราชการประจำ
สั่งการเขาได้ทันที-ทันใด โดยตัวเองรู้-เข้าใจมากกว่าเขาในทันทีที่มีตำแหน่ง ซึ่งมันหาเป็นอย่างนั้นไม่!
ก็นึกว่า เรื่องจะจบแค่นี้
แต่กลายเป็นซีรีส์หนังเกาหลี จากการเมืองไปสู่คดีความชนิดไม่น่าจะเป็น ตอนเช้าวาน (๑๐ ก.ย.๖๗)
“นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์” ใช้ตำแหน่งว่า “คณะที่ปรึกษารักษาการ รมว.เกษตรและสหกรณ์”
ไปแจ้งความที่สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีกับ
-“อาจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก” ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
-“นายบุญยอด สุขถิ่นไทย” พิธีกร และ
-นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี
ข้อหาหมิ่นประมาท “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จากกรณีวิจารณ์ออกสื่อว่า……..
ร.อ.ธรรมนัส ทำตัวไม่เหมาะสม เสี่ยงแทรกแซงข้าราชการและฝ่ายบริหาร ภายหลังลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่จ.ชัยนาทและ จ.พระนครศรีอยุธยา
ร่วมกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายอัครา พรหมเผ่า และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ เมื่อ ๘ ก.ย.๖๗
เข้าข่ายผิดมาตรา ๑๘๕ ที่ห้าม สส.และ สว.แทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหาร
ก่อนไปแจ้งความ มีการออกเอกสารให้นักข่าวไปทำข่าว และนายธนดล ตัวแทนธรรมนัสให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
“ในเวลานี้ที่เกิดภัยพิบัติทางน้ำ ควรร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือประชาชน
แต่การที่มาโจมตีกันว่าการทำของรอ.ธรรมนัสไม่เหมาะสมและส่อผิดรัฐธรรมนูญ ตรงจุดนี้เป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่เข้าใจกฎหมาย
การวิพากษ์วิจารณ์นั้น สามารถทำได้ แต่ถ้าหากติชมด้วยความเป็นธรรม ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย
แต่การที่มากล่าวหาว่า “ร.อ.ธรรมนัสปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่” ตรงนี้ ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท
การที่ ร.อ.ธรรมนัสลงพื้นที่เป็นการส่งมอบงานระหว่างที่บริหารกระทรวงเกษตรมา เนื่องจากว่า น้ำกำลังจะท่วมบ้านเรือนพี่น้องประชาชน
ในขณะนั้นร.อ.ธรรมนัส ยังคงดำรงตำแหน่ง ก็ได้ไปดูน้ำตั้งแต่แม่น้ำยม จังหวัดสุโขทัย จนกระทั่งน้ำไหลมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทำเพียงแค่โจมตีกันไปมาแต่ไม่มีใครสนใจความเป็นอยู่ของประชาชนที่กำลังจะได้รับความเดือดร้อน
ก็พูดก๊อปปี้เดียวกับที่เจ้านายพูด เรื่องมันก็แค่นี้แหละครับ…พี่น้อง!
ผมขำ….
ฟ้องหมอวรงค์ คุณบุญยอด จะฟ้องแก้เกี้ยวหรือเข้าเขี้ยวก็ช่างเถอะ
แต่ฟ้อง “รองศาสตราจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก” ซึ่งในรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันนี้ คุณธนดลตัวแทนธรรมนัสทราบหรือเปล่าก็ไม่ทราบว่า
อาจารย์เจษฎ์ เป็น ๑ ในที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญด้วย!
แต่คุณไปฟ้องคนร่วมร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “หมิ่นประมาท รอ.ธรรมนัส”
จะไม่ให้ผมขำในวัย ๘๐ แล้วจะให้รอไปขำตอนวัย ๙๐ เห็นจะไม่ทันการณ์แน่!
กรณีนี้ ผมไม่ได้บอกว่าที่ฟ้อง เป็นการ “หาเรื่องใส่ตัว” นะ แต่จะบอกว่า ผมอ่านข้อความในโพสต์หมอวรงค์ ฟังอาจารย์เจษฎ์ให้มุมคิดทางกฎหมายแล้ว
พูดภาษากฎหมายก็ว่า ติ ชม โดยสุจริต ยิ่งในฐานะ รอ.ธรรมนัส เป็นบุคคลสาธารณะด้วยแล้ว การติ ชม นั้น ไม่เข้าแง่-เข้าง่าม หมิ่นประมาทตรงไหนเลย
ที่นายธนดลบอก……..
“การที่มากล่าวหาว่า “ร.อ.ธรรมนัสปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่” ตรงนี้ ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท”
!?!?!?!?
เฮ้อ….
เมื่อ “เห็นดอกบัวเป็นกงจักร” ก็….อมิตาพุทธ!
เปลว สีเงิน
๑๑ กันยายน ๒๕๖๗