ฝรั่งขี้ครอก….มีอิทธิพลกับไทยเยอะอยู่เหมือนกันนะ
มี ๒ กรณี ที่โด่งดังอยู่ในวันนี้
กรณีแรกคือ เดวิด สเตร็คฟัสส์ อเมริกันหนุ่มใหญ่ถูกกระทรวงการต่างประเทศระงับวีซ่า
ก๊วนไม่ชอบหน้า “ลุงตู่” ทุบโต๊ะว่าเป็นเพราะ ม.๑๑๒
กรณีหลังฝรั่งนักการทูตแช้ตหลุดกับนักเคลื่อนไหวสาวไทย
คุยกันเรื่องม็อบ ๓ นิ้ว
ทั้ง ๒ กรณีเป็นที่โจษจันไปในเรื่องเดียวกัน เกี่ยวกับการแทรกแซงเรื่องความมั่นคงของประเทศไทย
จริงเท็จประการใด สายลับสามสลึงรายงานผ่านโซเชียล อ่านกันแทบไม่ทัน
เอากรณีแรกก่อน
“เดวิด สเตร็คฟัสส์” คนนี้ไม่ธรรมดา มีเมียไทยมาหลายคน มีลูกกี่คนส่งไปเรียนอเมริกาหมด
ล่าสุดน่าจะเมียคนที่ ๕ ต้องจับตาดู เพราะหลังถูกระงับวีซ่าทำงาน วีซ่าที่ขอใหม่จะเป็นวีซ่าแต่งงาน หรือที่เรียกแบบบ้านๆ ว่าวีซ่าติดตามเมียหรือไม่
ข่าวมาหลายกระแส
ฝ่ายที่เชียร์ “เดวิด สเตร็คฟัสส์” ก็แทบจะแหกตูดดม
ฝ่ายที่ขุดคุ้ย ไส้กี่ขดก็ลากออกมาหมด เท็จบ้างจริงบ้างปะปนกันไป
แต่ก็เอะใจ ฝ่ายประชาธิปตุงตะโกนบอกว่า พ่อหนุ่มอเมริกันถูกระงับวีซ่าเพราะเกี่ยวข้องกับพวกสามนิ้ว และออกมาแสดงความเห็นเรื่อง ม.๑๑๒
และฝ่ายประชาธิปตุงอีกเช่นกันบอกว่า เปล่าเป็นซีไอเอ แถม “เดวิด สเตร็คฟัสส์” ยังเคยเขียนยกย่องในหลวง ร.๙ ด้วยซ้ำ
ส่วนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ต้นเรื่อง เขาก็บอกชัดเจน งานนี้ไม่มีอะไรพิสดาร
สาเหตุมาจากเลิกจ้าง ทำให้วีซ่าทำงานมีปัญหาไปด้วย
มหาวิทยาลัยขอนแก่นชี้แจงตามนี้
๑.โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา CIEE เป็นหน่วยงานภายนอก มข. มีความร่วมมือกับ มข.ในเรื่องการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างประเทศ โดยไม่เคยมีสัญญาจ้าง
๒.มีการยกเลิกโครงการ CIEE เมื่อปีที่แล้ว (มข.ไม่ได้เป็นผู้ยกเลิก)
๓.หลังจากโครงการ CIEE ถูกยกเลิก คณะสาธารณสุขศาสตร์ มข. ได้มีสัญญาจ้าง 1 ปี โดยไม่ได้จ่ายค่าตอบแทน เพื่อให้ดำเนินการสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างประเทศกับหลายๆ ประเทศตามที่เจ้าตัวเสนอ เริ่มสัญญาจ้างเมื่อเดือน ส.ค.2563
๔.เดือน ก.พ.2564 ทางคณะฯ เห็นว่าไม่มีความก้าวหน้าในงานที่ได้ตกลงกันไว้ จึงแจ้งเจ้าตัวขอยกเลิกสัญญา
๕.ไม่เคยมีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใดๆ มาพบหรือมากดดันอธิการบดีและคณบดี
ฉะนั้นเลิกจับแพะชนแกะว่ามีอำนาจอื่นบีบมหาวิทยาลัยขอนแก่น
แต่มีประเด็นที่ต้องพูดคุย เพราะมีความพยายามทำให้ “เดวิด สเตร็คฟัสส์” เป็นราวซูเปอร์ฮีโร่ ผู้มาสร้างประชาธิปไตยให้ถิ่นอีสาน
เป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าว The Isaan Record
ครับ…โกหกทั้งเพ
คนก่อตั้งที่แท้จริงคือ Lizzie Presser และ Glenn Brown สาวหนุ่มชาวอเมริกันที่มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว
หลังทั้งคู่หมดสัญญาจ้าง และเดินทางกลับอเมริกา มีเพื่อนชาวต่างชาติอีกคนมารับไม้ต่อ
“เดวิด สเตร็คฟัสส์” มาทีหลัง
นี่จึงเป็นเรื่องโกหกที่ถูกจับได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ตามดูในโซเชียล ที่นั่นมีเพียบ กระทั่งพวกเดียวกันยังยกย่องอย่างเมามัน
เช่น…เขาจั่วหัวว่า… “ขอชวนผู้อ่านตั้งคำถามและสนทนาไปกับชาวอเมริกันคนหนึ่ง “เดวิด สเตร็คฟัสส์” ชายผู้หนีสงครามเย็นมาอีสาน ศึกษาเรื่อง ‘ม.๑๑๒’ ในไทย และผลักธงชัยไปสอนอเมริกา”
ในช่วงมองหาประเด็นเพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเกี่ยวกับไทย “เดวิด สเตร็คฟัสส์” สนใจเรื่องความมั่นคง หลังจากอ่านเอกสารที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พบว่า ประเด็นเรื่องความมั่นคงเกี่ยวข้องกับเรื่องราวอื่นๆ มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม้ไผ่ ฝิ่น บทบาทของผู้หญิง รวมถึงเด็กและเยาวชน
“เดวิด สเตร็คฟัสส์” พยายามค้นหาความหมายเกี่ยวกับความมั่นคง กระทั่งมีโอกาสได้อ่านคดีเกี่ยวกับความมั่นคง เช่น มาตรา 112 มาตรา 116 กฎหมายหมิ่นศาล กฎหมายที่จำกัดเสรีภาพ จนพบว่ากฎหมายต่างๆ ไม่ได้มีความตายตัว แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทสังคม
“ยิ่งเรื่องการขออภัยโทษและหลักกฎหมายหมิ่นประมาท เป็นกฎหมายแบบไทยๆ ที่ผสมผสานทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ เมื่อราว 300 ปีก่อน”
ก็เอาคร่าวๆ ตามที่สาวก “เดวิด สเตร็คฟัสส์” เขียนเอาไว้
ส่วนกรณีแช้ตหลุด เพจปราชญ์ สามสี ไปขุดคุ้ยร่ายยาวเป็นกิโลเมตร
ประเด็นแรก เบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏในแช้ตไลน์ส่วนตัวหลุด เป็นของ “ฟอร์ด-ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี” หนึ่งในแกนนำม็อบสามนิ้วที่หลบหนีไปยังต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
ประเด็นถัดมา มิสเตอร์ “H” คือใคร?
ในแช้ตหลุดใช้รูปคล้าย นาย Henry Rector ตำแหน่ง Senior Diplomatic Advisor (ที่ปรึกษาทางการทูตอาวุโส)
ถ้าปลอมแสดงว่าเป็นการแอบอ้าง ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างมาก
เพจปราชญ์ สามสี บอกว่า นาย Henry Rector มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้าน democratic Transition, Southeast Asia, Engaging Fragile and post-conflictStates (อ่านดูแล้วก็พอจะเข้าใจว่าเป็นที่ปรึกษาทางการทูตในดินแดนที่เปราะบาง และหลังเกิดความขัดแย้งในช่วงการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย โดยมีขอบเขตความรับผิดชอบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
เขาไม่ใช่ “CIA” หรือ “NSA” และไม่ใช่คนของ “NED” หรือ “USAID” แต่อย่างใด แต่เป็น “DKI APCSS” ที่มีออฟฟิศอยู่ที่ 2058 ถนนมาลูเฮีย ใกล้ภูเขาไดมอนเฮด, โฮโนลูลู, ฮาวาย สหรัฐอเมริกา
สิ่งที่น่าสนใจคือ “DKI APCSS” เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพสหรัฐโดยตรงในการรักษาความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มีมอตโตในการรักษาความปลอดภัยว่า Educate – Connect – Empower (ให้ความรู้ เชื่อมต่อ เสริมพลัง)
โดยมีพันธกิจขั้นต้นระบุเอาไว้ว่า “Daniel K. Inouye Asia-Pacific Center for Security Studies (DKI APCSS) is an institution that provides a forum where military and civilian leaders from the Indo-Pacific gather to address regional and global security.”
“DKI APCSS ศูนย์การศึกษาความปลอดภัยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นสถาบันที่เป็นเวทีให้ผู้นำทหารและพลเรือนจากอินโดแปซิฟิกรวมตัวกัน เพื่อรักษาความปลอดภัยอยู่ในระดับภูมิภาคและระดับโลก”
แค่นี้น่าจะเพียงพอนะครับ
ส่วนฝ่ายหญิงที่เป็นข่าวไปแล้วคือ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (Democracy Restoration Group – DRG) และกลุ่มคณะราษฎร 63
เธอปฏิเสธว่า ทั้งหมดคือเฟกนิวส์
“ไม่ต้องลงทุนถึงขั้นสร้างแช้ตปลอมออกมาโจมตีกันแบบนี้ เพราะมันดูไร้สาระมาก และที่สำคัญ ไม่มีใครใช้แช้ตไลน์คุยกับสถานทูตนะคะ มันไม่ปลอดภัย”
ใครคือทูตก็ไม่รู้ แล้วใครเป็นคนบอกว่าเป็นทูต
คุยกับทูตไม่ปลอดภัยอันนี้ก็น่าสนใจ
เสียดายที่ไม่ยอมบอกต่อว่า ไม่ปลอดภัยจากอะไร เพราะอะไร
แต่เรื่องของ ๒ หนุ่มฝรั่ง มีสาวไทยบางคนก้นร้อนครับ
อะแฮ่ม!!!.