กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลสำรวจค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2,217 สถานี โดยตรวจวัดในช่วงความถี่ 950 ถึง 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) พบว่า ค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่วัดได้มีอยู่ในช่วงระหว่าง0.000255 ถึง 0.01776 วัตต์ต่อตารางเมตร (W/m2) ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานประมาณ 500 ถึง 1,000 เท่า สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ได้ออกมายืนยันว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือปลอดภัยต่อประชาชน
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมการติดตั้งสถานีฐานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือ พบว่า
ในปี พ.ศ. 2560 มีสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 115,684 สถานี และในปี พ.ศ. 2562 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 170,577 สถานี เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ประชาชนมีความกังวลถึงความปลอดภัย โดยได้สอบถามมาที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือที่มีจำนวนเพิ่มขี้นอย่างมากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่
ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานขององค์การอนามัยโลกที่เป็นหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง หรือ International Agency for Research on Cancer : IARC ได้จัดให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ในตัวกระทำที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง กลุ่ม 2B เป็นกลุ่มเดียวกับพวก ผักดอง น้ำมันเบนซิน และไอระเหยของน้ำมันเบนซินที่มีผลอาจเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดโรงมะเร็ง จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
โดยมีการศึกษาวิจัยกันมากในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ยังไม่พบหลักฐานที่เพียงพอจะสรุปได้ว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือมีผลร้ายหรืออันตรายต่อสุขภาพ จนกระทั่งในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 องค์การอนามัยโลก ได้ออกมายืนยันว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือปลอดภัยต่อประชาชน อย่างไรก็ตามประชาชนยังมีความกังวลถึงความปลอดภัยจากการสัมผัสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ เป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงด้านรังสีและเครื่องมือแพทย์ของประเทศ มีภารกิจในการประเมินความเสี่ยงจากภัยสุขภาพและคุ้มครองผู้บริโภคด้วยผลทางห้องปฏิบัติการ ในปีงบประมาณ 2562-2563 ได้สำรวจค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือ เพื่อวัดค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและตรวจสอบว่าเกินกว่าค่าที่มาตรฐานสากลกำหนดหรือไม่ (International Commission on Non-ionizing Radiation Protection : ICNIRP) โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ที่ 950 MHz มีค่าไม่เกิน 4.5 W/m2 ความถี่ 1800 MHz มีค่าไม่เกิน 9 W/m2 และความถี่ 2100 MHz มีค่าไม่เกิน 10 W/m2 เพื่อเป็นการประเมินความเสี่ยง และคุ้มครองผู้บริโภค
ผลสำรวจวัดค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือในเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต อำเภอเมืองในเขตปริมณฑล 5 จังหวัด และอำเภอเมืองในจังหวัดภาคกลาง 16 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 2,217 สถานี โดยตรวจวัดในช่วงความถี่ 950-2100 MHz พบว่า ค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่วัดได้มีอยู่ในช่วงระหว่าง 0.000255 – 0.01776 (W/m2) ซึ่งค่าที่วัดได้นี้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ก่อให้เกิดอันตราย โดยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานประมาณ 500-1,000 เท่า จึงมีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถือ
“แม้ว่าผลสำรวจวัดค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าสถานีจากฐานระบบโทรศัพท์มือถือจะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ มีแผนงานจะเฝ้าระวังประเมินความเสี่ยงและคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสถานีฐานระบบโทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่อง โดยปีงบประมาณ 2565 จะดำเนินการขยายการตรวจวัดค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังภัยสุขภาพและสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบต่อไป” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว