16 มีนาคม 2564 เวลา 13.30 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางซาราห์ เทย์เลอร์ (H.E. Mrs. Sarah Taylor) เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมความสัมพันธ์ที่มีพลวัตอย่างต่อเนื่องครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้
เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศจะพัฒนาเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือในมิติต่างๆ โดยเฉพาะในสาขาที่มีศักยภาพ ถือโอกาสกล่าวขอบคุณแคนาดาสำหรับการให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ในการจัดหาชุดตรวจโรคโควิด-19 อุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ให้กับ 40 ประเทศรวมถึงไทย
เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ยินดีที่ได้เข้ารับตำแหน่ง ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-แคนาดาที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นและแน่นแฟ้น ขอขอบคุณรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ประสบความสำเร็จในการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ด้วยดี
นอกจากนี้ เอกอัคราชทูตฯ เห็นพ้องกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านเศรษฐกิจ ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของแคนาดาในอาเซียน และแคนาดาสนใจที่จะเข้าร่วมเขตการค้าเสรี ASEAN – Canada ทั้งนี้ เสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณากรอบความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership – CPTPP)
ซึ่งทางรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรอบที่มีความสำคัญและประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาที่อาจจะมีข้อสงวนบางประการ ซึ่งในโอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จะผลักดันให้ตัวเลขทางการค้าระหว่างกันดีขึ้น
ทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลไม่ขัดข้องต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ต้องดำเนินการตามแนวทางที่กฎหมายบัญญัติไว้ ตามกระบวนการของรัฐสภา และแนวทางสันติวิธีเป็นแนวคิดหลักที่รัฐบาลยึดถือ
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และ ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่าเป็นแนวทางที่รัฐบาลสนับสนุน พร้อมขอบคุณในมิตรไมตรี และเจตนาที่ดีของเอกอัครราชทูตฯ ที่มีต่อรัฐบาลไทย
ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันและได้หารือในแนวทางการนำดิจิทัลมาปรับใช้ในการบริหารประเทศ และจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล ซึ่งแคนาดามีศักยภาพ โดยไทยก็เห็นความสำคัญ และมีนโยบายที่จะมุ่งการพัฒนา BCG Model (Bio Circular Green Economy) พร้อมกับการขับเคลื่อนประเทศไทย