เปลว สีเงิน
วันนี้ เรียนประวัติศาสตร์ “กรุงรัตนโกสินทร์” กันนิด
พศ.๒๓๒๕ ….
“พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
เป็น “เมืองหลวง” ของราชอาณาจักรไทย
ผ่านไป ๓ ปี…..
“พระเจ้าปดุง” กษัตริย์พม่า แต่งทัพ ๙ ทัพ ยกมาตีเมืองไทยพร้อมกันทุกทิศ หวังเหยียบให้ราบ
แต่ฝ่ายราบ กลายเป็นพม่า
ทั้ง ๙ ทัพ ที่ยกมา ถูกทหารไทยไล่ตี โสร่งหลุดลุ่ย หนีกระเจิงเตลิด แตกพ่ายกลับไป
ประเทศไทยก็สงบสุข ร่มเย็น ใต้พระมหาบารมีฉัตรไชยจักรีวงศ์ เรื่อยมา
ก็ ๒๓๙ ปี ผ่านไป
มาเมื่อ เสาร์-อาทิตย์ นี่แหละ เกิดรูปแบบ “สงคราม ๙ ทัพ” ยกมารอบทิศ ประชิดเมืองหลวง อีกครั้ง
ไม่ใช่พม่า…
แต่เป็นคนไทยรับใช้ต่างชาติ ที่รู้กันคือ “ขบวนการสามสัส” ล่มชาติ-ล่มสถาบัน
ประกอบด้วยกลุ่มการเมืองผู้เสียโอกาสกินเมือง ๒-๓ พรรค พวกนักวิชาการ-จานมหา’ลัย “ปั่นหัวเด็ก” กลุ่มหนึ่ง พวกเอ็นจีโอและพวกอาชีพรับจ้างเคลื่อนไหว หลายคณะ
เหล่านี้ แต่งเป็นกองกำลังชื่อต่างๆ ยกมาบรรจบกันในกรุงเทพฯ ด้วยเป้าหมายจาก “หน่วยบัญชาการสามสัส” เดียวกัน
ก่อการ-ก่อกวน “ล้มสถาบัน” เป็นอันดับแรก
อันดับต่อไป
จับมือ “อำนาจนอกชาติ” ยึดครองประเทศไทย เปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไปเป็น ประเทศไทย รูปแบบสาธารณรัฐ มี “ประธานาธิบดี” เป็นประมุขแทนพระมหากษัตริย์!
เสาร-อาทิตย์ ที่ ๖-๗ มีนา.๖๔ ดังที่เห็น….
ทัพหนึ่ง มุ่งหน้าโจมตี “กรมทหารราบที่ ๑๑ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์” ย่านถนนพหลโยธิน
แต่เจอการตั้งรับ เบี่ยงทัพไป “ศูนย์ราชการ” ที่ถนนแจ้งวัฒนะแทน
อีกทัพ รวมตัวห้าแยกลาดพร้าว แล้วเคลื่อนกำลังมุ่งหน้าไปชุมนุมเผาหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
อีกทัพ แยกไปชุมนุมยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราชดำเนิน รอทัพ “เดินทะลุฟ้า-ฮาทะลุดิน” ที่รวมพลอยู่เกษตรฯจะยกมาสมทบเป็นทัพใหญ่
อีกทัพ หน่วยปะทะโตโต้ นำกองกำลังเล็ดลอดเข้ามาซุ่มก่อการอยู่ในห้างย่านรัชโยธิน พร้อมอาวุธหลากรูปแบบรวมทั้งอาวุธชีวภาพทางกลิ่น เช่นน้ำปลาร้า
เรียกว่า เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เผชิญศึกที่ยกมาพร้อมกันชนิดหัวสั่น-หัวคลอน ต้องระดมพลครึ่งหมื่นออกรับ
โชคดี ที่แม่ทัพใหญ่นครบาล “พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา” และรองฯ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย “สติไม่แตก”
ตั้งรับแบบมียุทธศาสตร์ ใช้ ๒ แผน รับมือ แผนหนึ่ง “อ่อนปะทะแข็ง” กับทัพไร้แกน
แต่มีแกนนำนักศึกษา “สามนิ้ว-สามสัส” สอดไส้
และแผน “ขุดบ่อล่อปลา” กับทัพที่รับแผนมาก่อเหตุ หวังยั่วยุให้ตำรวจใช้กำลัง เพื่อเกิดปะทะ ลุกลามบานปลาย ยิ่งถึงตาย-ยิ่งเข้าเป้า
เพื่อตัดไฟต้นลม….
ตำรวจแกะรหัสลับ “เจ๊จุกคลองสาม” เข้ารวบแก๊งโตโต้ “มีสิบแต่โม้ร้อย” ได้ก่อน พร้อมสมุน ๑๘ คน
ยังไม่นับสมุนไร้สมองอีกหลายสิบ ที่ซ่ารุมตีรถตำรวจชิงตัวผู้ต้องหา ซึ่งจะเจอข้อหาหนัก เตรียมรับซองฎีกาคุกกันไว้เหอะ
นั่น เป็นภาพสรุป การระดมพล “เฮือกสุดท้าย” ของขบวนการสามสัส “ล่มชาติ-ล่มสถาบัน” เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
๒๓๙ ปี ก่อนโน่น พม่า “ทัพแตก” เจ๊งกลับไป ชนิดไร้โสร่ง
มาปีนี้ ….
ก่อนฉลองกรุงขึ้นปีที่ ๒๔๐ ในเมษา.เดือนหน้า ทัพของสามสัสที่ดาหน้ายกมาวานซืน กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
ปลุกไม่ขึ้น ไพร่ราบ-พลเลว หนีทัพ
ที่เหลือ กะร่อง-กะแร่ง, กระร่อย-กระหริบ ชนิดผีหลอกผี
“ไฟลามทุ่ง” กำลังตีกลับไปเผาไหม้ “ทุ่งสามสัส”!
“เดินทะลุฟ้า” ที่วางแผนปลุกระดมกลายเป็น “เดินทะลุฟ้า-ฮาทะลุดิน” ทั้งสามสัสและสมุน ร่ำไห้มิได้ หัวเราะมิออก
เพราะ “มุกแป้ก”….
เกณฑ์พระ เกณฑ์พ่อ เกณฑ์แม่ เดินแห่แดด ถึงที่ไหน มีแต่คนฮา ถามว่า…พวกมึงบ้าหรือดี?
เมื่อเด็กที่หลอกให้เดินทะลุฟ้า ไม่ทะลุ ไอ้แก่ที่คุมกลไกก็ต้องโผล่หน้ายักแย่ยักยันออกมา ปะเหลาะให้เด็กเดินต่อ
ทะลุฟ้า จึงฮากระจายตรงนี้
ส.ศิวลักษณ์ เกิดปี ๒๔๗๖ ก็อายุ ๘๘ ออกมาเดินทะลุฟ้าต่ออายุ
นึกว่าจะเรียกแขกได้ กลายเป็น “ตลกหน้าม่าน”
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เกิดปี ๒๔๘๔ อายุ ๘๐ เสริมทัพวันรุ่งขึ้น เป็นการเป่าตูดเดินทะลุฟ้า เผื่อจะฟู่ฟ่า มีคนบ้าออกมาต่อหาง
ปรากฏ “หางด้วน” ตามเดิม การเดินทะฟ้า จึงกลายเป็นฮาทะลุดิน ไปสุมหน้าโทรมๆอยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อคืน
จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องบันทึก “กินเนสส์บุ๊ก” อายุคนเดินทะลุฟ้า ทั้งหมดรวมกัน ยังน้อยกว่าอายุ “แกนนำ ๒ คน”
ส.ศิวลักษณ์ ๘๘ ปี ชาญวิทย์ ๘๐ เท่ากับ ๑๖๘ ปี!
สงครามครั้งสุดท้าย ก่อนขึ้นศตวรรษที่สามของรัตนโกสินทร์ ขุนศึกรุ่นเยาว์ ที่เป่าตูดสู้
บ้างก็หน่าย หนีทัพ บ้างก็ตาสว่าง หลีกออกไป บ้างก็หน้ามืด เรียงแถวเข้าคุก
ถึงขั้น “ขุนพลเฒ่า” จำออกหน้า-ออกศึก แต่สภาพก็ไม่ต่าง “หมาเยี่ยวรดภูเขาทอง”
เผาหน้าคุกก็แล้ว
เผาหน้าศาลก็แล้ว
จลาจลสร้างข่าวฟ้องโลกก็แล้ว
ทำสงคราม ๙ ทัพก็แล้ว
ล้มเหลวหมด!
เฮ้อ….
เห็นที่ต้องถึงระดับ “ลูกพี่ใหญ่” ออกนำหน้าเองซะแล้ว? ไม่งั้น การเลียนแผนทลายคุก “บาสตีย์” สัญลักษณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส จะไม่สำเร็จในเมืองไทย!
หรือ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” มีความคิดล้ำเลิศอื่นใดจะเสนอแนะ ผู้น้อย ยินดี ล้างหู รับฟัง
จะเปิด คลับ เฮาส์ ปรึกษาโทนี่ ก่อนก็ได้
หรือรอดูวันนี้ (๘ มีค.) ว่าศาลจะอนุญาตให้ประกัน “คนรุ่นใหม่” สาย ๓ นิ้ว ที่เรียงคิวอีกโขยงหรือไม่
มีทั้ง รุ้ง, ไผ่, ไมค์, ครูใหญ่, โตโต้ และฯลฯ ค่อยให้คำตอบก็รอไหว เพราะรอมาจนชินใจแล้ว
เอ้า…..เฮ!
ไม่ได้เฮกับ “คุกรุ่น ๒” แต่เฮให้กับพลังประชารัฐเค้า เห็นข่าว เลือกตั้งซ่อมแทน “เทพไท เสนพงศ์” ที่นครศรีฯเขต ๓
นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ “พลังประชารัฐ” ชนะนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ “ประชาธิปัตย์”
เทพไท อาจแค่สะอื้น
แต่ที่โฮ เห็นจะเป็น “จุรินทร์” เพราะศึกนี้ เดิมพันถึงเก้าอี้ “หัวหน้าพรรค” เลยเชียว!