วันที่ 15 ก.พ. 64 เวลา 13.30 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันไทยจะได้รับวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก 2 แสนโดส ภายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564
ซึ่งจะใช้เวลาเตรียมการประมาณ 3 วัน ในการฉีดเข็มแรกให้แก่กลุ่มเสี่ยง และล็อตที่ 2 จำนวน 8 แสนโดสและล็อตที่ 3 จำนวน 1 ล้านโดส จะทยอยเข้ามาตามลำดับ โดยส่วนหนึ่งจะเป็นวัคซีนเข็มที่ 2 สำหรับกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดในระยะแรกแล้ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าได้มีการพิจารณากลุ่มที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 ในระยะแรก โดยเน้นในพื้นที่เสี่ยงเป็นหลัก
นอกเหนือจากบุคลากรทางการแพทย์จะมีประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย อาทิ แรงงาน รวมถึงในพื้นที่ท่องเที่ยวด้วย เชื่อว่าเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนแล้วจะมีความปลอดภัยขึ้นในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอการฉีดวัคซีนให้ครบจำนวนประชากร ยังฝากให้ประชาชนทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง Social Distancing ไปด้วย
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเผย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ให้กับ AstraZeneca แล้ว ซึ่งไทยจะได้รับวัคซีนจำนวน 26 ล้านโดสในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และอีก 35 ล้านโดส
นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนโควิด-19 ที่ขอขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม อาทิ Johnson & Johnson อยู่ระหว่างขั้นตอนการส่งเอกสาร พร้อมทั้งยังเจรจาพูดคุย Moderna และ Pfizer เพื่อความร่วมมือเพิ่มเติมในระยะต่อไป
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การอนุญาตใช้วัคซีนโควิด-19 ในขณะนี้เป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Use) ดังนั้น หากภาคเอกชนจะนำเข้าวัคซีนจะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และต้องฉีดตามแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐ เพื่อความปลอดภัยและเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น